จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 31 เปิดฉาก
บทที่ 31 เปิดฉาก
บนเวที พิธีกรเดินไปที่ขอบเวที พนักงานหญิงสวมชุดกี่เพ้าสีแดงเดินยกหินก้อนนั้น เธอยิ้มและเดินตามหลังเขามาติดๆ
“คุณผู้ชายครับ ยินดีด้วยครับที่ประมูลได้วัสดุหินก้อนนี้ ขออนุญาตถามนะครับว่าจะเปิดตอนนี้เลยไหม” พิธีกรถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ตรงข้ามเขา จินหยวนเป่ายิ้มกระหยิ่มพร้อมกล่าวว่า “จะเปิดทำไมกันล่ะ มันก็พังน่ะสิ”
“หุบปาก” หลี่เหยนเหลือบไปมองจินหยวนเป่าด้วยความโกรธ
จินหยวนเป่าพ่นขวัญบุหรี่ที่อยู่ในปากไปทางหลี่เหยน เหมือนกับอันธพาลยังไงอย่างงั้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ฉันจะพูด ฉันจะพูด แกจะทำไม”
หลี่เหยนทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ
“ช่างเถอะหลี่เหยน อย่าไปยุ่งกับคนแบบนี้ ดูว่าวัสดุหินก้อนนี้ของนายจะได้กำไรหรือขาดทุนดีกว่าไหม” หวางเสี่ยวซีรีบร้อนอยากรู้ว่าหินก้อนนี้ข้างในเป็นอัญมณีล้ำค่าหรือไม่
พนักงานสาวผู้นั้นนำวัสดุหินก้อนนั้นยกไปข้างๆ เวที ตรงนั้นมีผู้ที่ทำหน้าที่ตัดโดยเฉพาะ
พิธีกรตะโกนด้วยเสียงที่ดังว่า “วัสดุหินก้อนแรกจะเปิดในตอนนี้ หวังว่าคุณผู้ชายท่านนี้จะได้โชคนะครับ”
คนตัดหินตัดค่อยๆ ขัดเงาด้วยความระมัดระวัง พอขัดเงาเสร็จ ภายในก็เป็นสีเขียวมากขึ้นทุกขณะ
“นี่มันคือสัญญาณบอกถึงความเป็นอัญมณีชั้นดีนี่” เซียนครึ่งซุนอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้น สองตาจ้องมองไปที่คนตัดหินที่กำลังขัดเงาอยู่
หลี่เหยนกับจ้าวกางและอีกหลายคนต่างก็ตื่นเต้นจนต้องยืนขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความรอคอย
มีเพียงเว่ยเทียนหมิงที่ยังคงนั่งอยู่ มองไปที่หลินหยุนด้วยความเย็นชา
จินหยวนเป่าสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขามองไปที่หลินหยุนพร้อมเอ่ยถามด้วยเสียงเบาๆ ว่า “หลินหยุน ดูจากสถานการณ์ วัสดุหินชั้นนี่น่าจะราคาพุ่งสูงเลยนะ นายดูผิดหรือเปล่า”
หลินหยุนสีหน้าราบเรียบ ตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “ดูต่อไป”
จินหยวนเป่าเงียบไปสักพัก
พิธีกรตะโกนด้วยเสียงดังว่า “อั๊ยย่ะ คุณผู้ชายท่านนี้ นี่คือสัญญาณแห่งกำไรที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ครั้งก่อนมีคุณผู้ชายท่าหนึ่งก็เปิดออกมาได้หยกจักรพรรดิ เหมือนกับหินก้อนนี้เลยครับ”
หลี่เหยนยิ่งมั่นใจมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะพูดประชดจินหยวนเป่าและหลินหยุน “คุณชายจิน ขอบคุณมากนะที่หลีกทางให้หินก่อนนี้เป็นของผม”
จินหยวนเป่าตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่ต้องเกรงใจ!”
แต่ว่า ไม่นาน รอยยิ้มของพิธีกรหยุดชะงัก สีเขียวที่เพิ่งจะโดนขัดออกมาเริ่มกลายเป็นสีอ่อนๆ
“ฮ่าๆ เสียแล้ว เสียแล้ว!” จินหยวนเป่าสายตาแหลมคม เขาหัวเราด้วยความตื่นเต้นดีใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ
คนที่อยู่รอชมต่างก็ยืดคอเข้าไป พอมองไปที่สีเขียวที่เริ่มจางลงไปทุกที ต่างก็พากันส่ายหน้ากันยกใหญ่
“ตอนแรกนึกว่าจะออกอัญมณีชิ้นดี แต่กลับเสียไปซะแล้ว”
“เสียแล้ว เสียแล้ว ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ต่อให้เปิดออกมาว่าใช่ สุดท้ายราคาก็อยู่ที่ไม่เกินล้าน”
“ใช่ครับ เสียกำไรหมด ดีที่พวกเราวางมือตั้งแต่แรก โชคดีที่เราล้มเลิกความคิดนั้น
สายตาของบางคนมองไปที่หลี่เหยน ต่างก็เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
สุดท้าย หินก้อนนั้นโดนตัดออกจนหมด เป็นเพียงหยกที่ยังถือว่าอยู่ในระดับดี ราคาไม่เกินร้อยล้าน
รอยยิ้มของพิธีกรดูเก้อเขินขึ้นมา เขาพูดว่า “โบราณกล่าวไว้ว่า แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดาของนักรบ คุณผู้ชายท่านนี้ไม่ต้องท้อใจนะครับ ไม่แน่นะครับหินก้อนต่อไปอาจจะเอากำไรมาสมทบทุนคืนให้กับก้อนนี้ก็ได้”
จินหยวนเป่าออกมาซ้ำเติมต่อว่า “ฮ่าๆ หลีเหยีนนายโดนลาถีบหัวมาหรือไง ถึงได้ซื้อหินก้อนราคาตั้งแปดล้านนี่”
หลี่เหยนเหมือนว่าจะไม่ได้ยินในสิ่งที่จินหยวนเป่าเยาะเย้ย เขาอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก “เป็นแบบนี้ได้ยังไง เมื่อกี๊ยังบอกว่าจะออกมาเป็นหยกจักรพรรดิอยู่เลย ทำไมเป็นแบบนี้แล้วล่ะ”
“เอาเงินแปดล้านไปซื้อของราคาแค่ล้านเดียว ขาดทุนไปตั้งเจ็ดล้าน เรื่องนี้ถ้าให้พ่อรู้ ไม่ตีฉันให้ตายคงเป็นเรื่องแปลก”
เว่ยเทียนหมิงใช้เท้าถีบหลี่เหยนที่กำลังยืนงงงวยอยู่ เขาถึงได้มีสติขึ้นมา
มองไปที่จินหยวนเป่าและหลินหยุนด้วยสายตาอาฆาต เขากัดฟันแล้วพูดว่า “เหอะ แค่เงินไม่กี่ล้าน ฉันมีปัญญาเล่น”
“พอเถอะ ทุกคนเงียบหน่อย ต่อมาคือหินก้อนที่สอง” พิธีก้อนยิ้มพร้อมกล่าว แล้วน้ำผ้าสีแดงที่คลุมหินออก
นี่คือหินที่มีขนาดเท่าลูกบาสเกตบอล เป็น หินที่มีขนาดใหญ่กว่าก้อนที่แล้ว แต่ผิวของมันสีเหมือนกัน ต่อก็เป็นสีเขียว ซ้ำยังเข้มกว่าก้อนก่อนหน้านี้อีกด้วย
เมื่อหินก้อนนี้ปรากฏตัวขึ้น ทั้งแถบก็พากันเงียบ
“หินก้อนใหญ่ขนาดนี้ แถมสียังออกมาดูดีขนาดนี้ โอกาสที่จะออกมาเป็นสีมากกว่า 80% แน่นอน”
“ถ้าหินก้อนเมื่อกี้ถือเป็นหินชั้นดี ถ้างั้นหินก้อนนี้ก็ต้องเป็น ชั้นยอดเยี่ยมแน่นอน”
“หินก้อนนี้น่าจะราคามากกว่าหินก้อนนั้นสูงมาก”
พิธีกรประกาศด้วยเสียงที่ดังว่า “ทุกท่าน หินก้อนนี้ราคาต่ำสุดอยู่ที่สามล้าน ทุกครั้งจะเพิ่มราคาตั้งแต่ห้าแสนขึ้นไป”
“เร่มประมูลตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป”
มีคนถอนหายใจพร้อมพูดว่า “เพิ่มราคาห้าแสนทุกครั้ง เกรงว่าหินก้อนนี้คงขายได้ราคาที่สูงมากทีเดียว”
จินหยวนเป่ารีบหันไปหาหลินหยุนที่นั่งอยู่ด้านหลัง พร้อมกระซิบถามว่า “เป็นไง วัสดุหินชิ้นนี้น่าจะไม่มีปัญหาใช่ไหม”
จากการดูหินชิ้นก่อนหน้านี้ จินหยวนเป่าเริ่มยอมรับในตัวหลินหยุนมากขึ้น ตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้วว่า หลินหยุนน่าจะเป็นเซียนพนันอัญมณี
หลินหยุนมองแค่แวบเดียว ก็พูดด้วยเสียงอันราบเรียบว่า “ดีกว่าก้อนเมื่อกี้หน่อย ราคาที่แน่นอนฉันไม่รู้ นายดูเองละกันว่าจะทำยังไง”
“ฉันเข้าใจแล้ว” จินหยวนเป่ารู้แล้วว่าจะทำอย่างไร
เปาเสินทั่นกับเซียนครึ่งซุนต่างก็เริ่มพูดชื่นชมหินก้อนนี้อีกครั้ง แล้วก็เริ่มเพิ่มราคามากขึ้น
แค่ไม่กี่นาที แค่เขาสองคน ก็ทำราคาหินจากสามล้านสูงไปถึงหกล้าน
หลี่เหยนมองที่หินก้อนนี้ อยากจะได้มาครอบครอง แต่จากประสบการณ์ครั้งที่แล้ว เขาเริ่มระมัดระวังมากขึ้น
“กางจื่อ คุณชายเว่ยพวกนายเห็นว่าไง” หลี่เหยนถามขึ้น
จ้าวกางถึงจะไม่ใช่มืออาชีพ แต่ก็มาเล่นบ่อยๆ พอจะรู้เรื่องการพนันอัญมณีอยู่บ้าง
เขาใช้มือลูบไปที่คางตัวเอง คิดพิจารณาอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “ดูจากสีที่ปรากฏ เป็นของระดับยอดเยี่ยม แต่ว่าก้อนนี้มันขนาดใหญ่เกินไป ถ้าส่วนที่ดีของมันเป็นส่วนที่ยื่นออกมาข้างนอกให้เห็นพอดี ถ้าซื้อก็คงจะขาดทุนไม่น้อยแน่ๆ”
เว่ยเทียนหมิงพยักหน้า “จ้าวกางวิเคราะห์ถูกต้อง ฉันเองก็ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่”
“งั้นก้อนนี้เราไม่เอาละกัน” หลี่เหยนพูด
จินหยวนเป่าฟังสิ่งที่หลินหยุนบอก ก็ทิ้งความคิดที่จะซื้อเช่นกัน แล้วพอได้ยินสิ่งที่หลี่เหยนและพูดคุยกัน ก็ยิ่งไม่สนใจมากขึ้น
สุดท้าย หินก้อนนี้ถูกซื้อด้วยเศรษฐีผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซื้อไปในราคาสิบล้าน
แต่พอเปิดออก กลับพบว่ามันเป็นเพียงหยกธรรมดาที่ถือว่าอยู่ในระดับดีเท่านั้น ราคาตลาดอยู่ที่ประมาณห้าล้าน ขาดทุนไปห้าล้าน
ต่อมาไม่นาน หินก้อนที่สามก็ถูกยกขึ้นมา
พิธีกรยังคงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ขอโทษทุกคนด้วยครับ หินสองก้อนก่อนหน้านี้ไม่สามารถออกมาเป็นหยกระดับยอดเยี่ยมได้ หวังว่าหินก้อนที่สามนี้จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนะครับ”
ผ้าแดงถูกเปิดออก หินก้อนที่มีขนาดเพียงกำปั้นก็ถูกแสดงต่อหน้าสาธารณชน
แต่ว่า สีที่อยู่บนพื้นผิวของหินก้อนนี้ ดีกว่าหินก่อนหน้านี้มากหลายเท่า
มีคนอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นชื่นชมความงามของมัน “นี่มันหินที่ไหนกัน นี่มันหยกชิ้นดีเลย”
“ใช่ แค่ราคาหินก้อนนี้ ก็เป็นราคาที่สูงมากแล้ว”
พิธีกรหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ราคาต่ำสุดอยู่ที่สิบล้านหยวน ทุกครั้งจะเพิ่มที่ราคาหนึ่งล้านหยวน เริ่มการประมูล ณ บัดนี้”
ราคาต่ำสุดคือสิบล้าน ราคานี้ไม่ต่ำเลย อีกอย่างต้องเพิ่มราคาขึ้นหนึ่งล้านทุกรอบ ยิ่งทำให้คนเสี่ยงอยู่ไม่น้อย
เว่ยเทียนหมิงพูดว่า “ไม่ต้องรีบ รอดูกฏิกิริยาคนอื่นก่อน”
จ้างกางพยักหน้ารับ “เว่ยเทียนหมิงพูดถูก เราไม่ต้องรีบ”
“โอเค” หลี่เหยนบังคับตัวเองให้ทนไว้
จินหยวนเป่าเองก็ร้อนรนเช่นกัน ตื่นเต้นจนต้องถามวหลินหยุนว่า “หินก้อนนี้เป็นยังไง”
หลินหยุนกระซิบตอบจินหยวนเป่าด้วยเสียงเบาว่า จินหยวนเป่าก็ยิ้มร้ายอย่างมีเลศนัย