จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 324 แสงแห่งความหวัง
พวกคุณชายลูกเศรษฐีแห่งเจียงหนานมองไปที่หลินหยุน โดยยิ้มอย่างเย็นชาและดีใจกับความ โชคร้ายของคนอื่น
ผู้คนที่มาในวันนี้ ทั้งรวยและมีระดับ ต่อให้เป็นพวกเพื่อนผู้หญิงของอีหลิง หลังจากที่ทราบถึงสถานะของอีหลิงแล้ว ต่างก็ได้เตรียมของขวัญที่มีมูลค่าราคาแพงไม่น้อย
พูดได้ว่า ของขวัญที่มอบให้กับอีหลิงครั้งนี้ อย่างน้อยต้องมีราคาขั้นต่ำที่หลายพันหยวน ไม่ว่าอย่างไรก็คงจะมีมูลค่ามากกว่าจี้หยกแบกะดินของหลินหยุนอย่างแน่นอน!
ป๋ายรุ่ยซินเห็นว่าหลินหยุนไม่พูดไม่จา ก็มีสีหน้าท่าทางดีใจขึ้นโดยพลัน เธอคิดว่าครั้งนี้ได้พูดแทงตรงใจดำของหลินหยุนเข้าให้แล้ว
แต่ว่า เท่านี้ยังคงไม่เพียงพอ เธอต้องการจะใส่ไฟให้มากขึ้น ทำให้หลินหยุนอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด
ป๋ายรุ่ยซินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และมองไปที่ป๋ายรุ่ยเหวิน พูดขึ้นว่า: “พี่ ของขวัญที่พี่ได้เตรียมไว้ยังไม่ได้มอบให้กับคุณอีหลิงเลยไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้นำออกมาให้ทุกท่านได้ดูชมกันได้แล้ว! ”
ทุกคนต่างตะลึง ใช่สิ เมื่อครู่เพียงแต่จ้องมองไปที่หลินหยุน กลับลืมไปเลยว่าของขวัญของ ป๋ายรุ่ยเหวินยังไม่ได้นำออกมามอบให้เลย
“คุณชายป๋าย รีบนำของขวัญที่เตรียมไว้ให้กับคุณอีหลิงออกมาได้แล้ว ให้ทุกคนได้ชมได้เห็นกัน และก็จะได้ให้คนจนบางคนได้เห็นด้วยว่า ของแบกะดินของเขาชิ้นนั้นมันช่างกระจอกมากเพียงใด! ”
“ใช่เลย คุณชายป๋าย รีบนำออกมาดูให้เร็ว ๆ สิ จะได้ทำให้ไอ้คนจนนั้นอับอายขายหน้าไปเลยทีเดียว! ”
สายตาของทุกคน ต่างก็จับจ้องมาที่ป๋ายรุ่ยเหวิน แม้แต่อีหลิงก็อดไม่ได้ที่จะหันมองมาทางเขาด้วย
ป๋ายรุ่ยเหวินมีสีหน้าท่าทางที่กระหยิ่มยิ้มย่อง จึงได้ค่อย ๆ เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วก็นำกล่องขนาดเล็กที่สวยงามออกมา เดินเข้าไป มอบให้กับอีหลิง: “คุณอีหลิง น้ำใจเล็กน้อย หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจ! ”
อีหลิงมีสีหน้าท่าทางที่อึดอัด ป๋ายรุ่ยเหวินแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะเปรียบเทียบกับหลินหยุน แต่หากว่าไม่ยอมรับของขวัญจากป๋ายรุ่ยเหวิน ก็จะเป็นการไม่เหมาะสม
อีหลิงแอบมองไปที่หลินหยุนเล็กน้อย พบว่าหลินหยุนไม่ได้มีความโกรธเคืองแต่อย่างใด เธอจึงรับของขวัญจากป๋ายรุ่ยเหวิน ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ขอบคุณ! ”
“คุณอีหลิง รีบเปิดออกมาดูสิ ของขวัญของคุณชายป๋ายชิ้นนี้ต้องรอจนคนสุดท้ายถึงจะนำออกมามอบให้ คงจะมีความพิเศษอย่างแน่นอน! ” กู้ซิวหรั่นพูดขึ้นด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ซึ่งถ้าหากอีหลิงเปิดกล่องของขวัญต่อหน้าทุกคน ก็ทำให้เกิดการเปรียบเทียบของขวัญทั้งสองชิ้น ซึ่งจะทำให้หลินหยุนต้องอับอายขายหน้าอย่างรุนแรง
สีหน้าของพวกคุณชายลูกเศรษฐีทั้งหลาย ต่างก็ปรากฏรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ออกมาในทันที และตะโกนกันขึ้นว่า: “ใช่เลยคุณอีหลิง รีบเปิดออกมาดูเร็ว ๆ เพื่อสนองตอบความอยากรู้อยากเห็นของพวกเรา! ”
หลายคนเอะอะโวยวายขึ้น หวางเสี่ยวซีก็วิ่งเข้ามาอยู่ด้านข้างของอีหลิง แล้วมองไปที่กล่องขนาดเล็กสวยงามนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น และพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น: “อีหลิง เปิดออกมาดูสิ ดูว่าด้านในคืออะไร คนจำนวนมากต่างก็รอคอยกันอยู่ คุณห้ามทำให้ทุกคนผิดหวังอย่างเด็ดขาด! ”
เดิมทีอีหลิงไม่อยากที่จะเปิดออกต่อหน้าทุกคน เธอกังวลว่าหากของขวัญที่ป๋ายรุ่ยเหวินมอบให้นี้มีมูลค่ามาก ก็จะทำให้หลินหยุนเสียหน้า
แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าสายตาของทุกคน และยังมีหวางเสี่ยวซีที่ยื่นคอยาวรอดูอยู่ข้าง ๆ อีหลิงจึงไม่สามารถที่จะปฏิเสธความต้องการของทุกคนได้
“เสี่ยวซี ในเมื่อคุณอยากรู้อยากเห็นมาก งั้นก็ให้คุณมาเปิดกล่องแทนฉันแล้วกัน! ” อีหลิงยิ้มและพูดขึ้น ซึ่งเมื่อพูดจบก็หันไปมองหลินหยุนด้วยท่าทางที่แสดงถึงการขอโทษ
เห็นหลินหยุนมีสีหน้าปกติทั่วไป อีหลิงจึงเบาใจลงได้บ้าง
หวางเสี่ยวซีชิงกล่องมาจากมือของอีหลิง แล้วก็เปิดขึ้นอย่างตื่นเต้น สร้อยคอสีเขียวมรกตหนึ่งเส้นวางอยู่ในกล่อง โดยที่อยู่ภายใต้แสงไฟสีทอง ทำให้ส่องประกายระยิบระยับสวยงาม
“ว้าว นี่มันคือแสงแห่งความหวังของท่านอาจารย์ไมน์ ผู้ที่เป็นนักออกแบบอัญมณีเครื่องประดับชื่อดังระดับโลก! ”
สร้อยคอประกอบขึ้นจากเพชรสีเขียวมรกตสิบเอ็ดเม็ด ที่ร้อยด้วยแพลตตินั่ม โดยเรียงจากเม็ดขนาดใหญ่ไปสู่เม็ดขนาดเล็ก โดยเม็ดที่อยู่ตรงกลาง มีขนาดใหญ่เท่ากับไข่นกกระทาเลยทีเดียว
สีเขียวมรกตที่อยู่บนเพชรทั้งสิบเอ็ดเม็ดนั้น บริสุทธิ์สดใสกว่าสีเขียวมรกตอื่นใดในโลกนี้ ซึ่งด้านในนั้นเหมือนมีคลื่นแสงเคลื่อนที่ไปมา
“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแสงแห่งความหวังของท่านอาจารย์ไมน์! ซึ่งมีเพียงแค่สามเส้นบนโลกใบนี้! ”
“สิ่งนี้ทำขึ้นมาจากหยกน้ำแข็งสีเขียวจักรพรรดิระดับสูงสุด หรือที่เรียกกันว่าราชาแห่งหยกน้ำแข็ง เพราะว่าท่านอาจารย์ไมน์ได้กำหนดไว้ว่าสีเขียวคือสีแห่งความหวัง ดังนั้นผลงานชิ้นนี้จึงได้รับการขนานนามว่าแสงแห่งความหวัง”
“สำหรับแสงแห่งความหวังอีกสองเส้นที่เหลือ ได้ยินว่าเส้นหนึ่งอยู่กับราชินีอังกฤษ ส่วนอีกเส้นหนึ่งนั้นได้ถูกประธานสมาคมอัญมณีระดับสูงแห่งอเมริกาเก็บสะสมเอาไว้ ซึ่งคิดไม่ถึงว่าคุณชายป๋ายจะสามารถครอบครองเส้นสุดท้ายนี้ไว้ได้! ”
“นี่คือสมบัติอันล้ำค่าที่ประเมินมูลค่าราคามิได้เลยทีเดียว! ”
พวกคุณชายลูกเศรษฐีแห่งเจียงหนานทั้งหมดต่างก็มองไปที่ป๋ายรุ่ยเหวิน ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
แม้แต่เย่เทียนเหาก็มองไปที่ป๋ายรุ่ยเหวินอย่างเหลือเชื่อ ถอนหายใจ: “นายเยี่ยมยอดจริง ๆ! ”
แม้แต่ ป๋ายรุ่ยซินก็ยังมองไปที่พี่ชายของตัวเองอย่างตะลึง ถึงแม้เธอจะทราบว่าพี่ชายต้องเตรียมของขวัญที่พิเศษล้ำค่าให้กับพี่สะใภ้ในอนาคต แต่นี่มันล้ำค่าเหลือเกินเลยทีเดียว!
ครั้งนี้คุณชายป๋ายเปย์จริง!
อีหลิงได้ยินที่ทุกคนอุทานกันขึ้น ต่อให้เธอไม่เคยได้ยิน ‘แสงแห่งความหวัง’ มาก่อน ก็ทราบได้เลยว่าของขวัญชิ้นนี้มีมูลค่าไม่น้อย
“ไม่ไม่ไม่ ของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าเกินไปนัก ฉันไม่สามารถรับเอาไว้ได้! คุณควรนำกลับไปเถอะ! ”
ป๋ายรุ่ยเหวินพูดขึ้นอย่างหยิ่งผยองว่า: “คุณอีหลิง สิ่งของที่ฉันป๋ายรุ่ยเหวินได้ส่งมอบออกไปแล้ว ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่จะนำกลับคืนมา ถ้าหากว่าคุณไม่ชอบ ก็โยนทิ้งลงไปในถังขยะก็แล้วกัน! ”
ป๋ายรุ่ยเหวินขาดไปเพียงแค่ตะโกนร้องบอกกับทั่วโลกว่า ข้ายิ่งใหญ่ ข้าไม่ขาดแคลนเงิน ข้ายากลำบากจนถึงขนาดเหลือเพียงแค่เงินอย่างเดียวแล้ว
แต่ว่า พฤติกรรมนี้ของป๋ายรุ่ยเหวิน ทำให้ผู้หญิงที่รักในเงินทองนั้นดวงตาสองข้างลุกวาวเป็นประกาย ซึ่งสร้างแฟนคลับได้อีกเป็นจำนวนมาก
หวางเสี่ยวซีรู้สึกว่าป๋ายรุ่ยเหวินสง่าองอาจ ทำให้คนหลงใหล เมื่อเปรียบเทียบกับจ้าวกางคนที่บ้านของตัวเองแล้ว ทันใดนั้น หวางเสี่ยวซีก็ได้ยื่นมือสองข้างเข้าไปยังบริเวณเอวที่มีเนื้ออ่อนนุ่มของจ้าวกาง แล้วก็หยิกบิดอย่างรุนแรงขึ้น
จ้าวกางเจ็บปวดทรมานมาก จึงอดไม่ได้ที่จะแอบด่าว่าป๋ายรุ่ยเหวินผู้ที่เป็นต้นเรื่อง นายจะมอบของขวัญก็มอบของขวัญ จะต้องมาแกล้งทำเป็นว่าตนเองแน่อยู่ทำไมกัน? ถ้าแน่จริงนายก็โยนทิ้งลงถังขยะไปเองสิ! พูดโอ้อวดใครก็พูดได้? คุณอีหลิงจะกล้าโยนทิ้งของขวัญที่นายมอบให้ได้อย่างไรกันล่ะ!
ที่จริงแล้วทุกคนทราบดีว่าป๋ายรุ่ยเหวินจงใจที่จะโอ้อวด แต่การที่เขาได้มอบแสงแห่งความหวังซึ่งเป็นของล้ำค่าชิ้นนี้ออกไป ก็ทำให้ตกตะลึงอย่างมากเลยทีเดียว
ยิ่งกว่านั้น จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ สามารถมองออกได้ถึงท่าทีของป๋ายรุ่ยเหวินที่มีต่ออีหลิง โดยที่ตระกูลป๋ายคิดที่จะดำเนินการงานแต่งงานตามที่ได้กำหนดไว้ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน!
อีหลิงแทบจะหมดหนทาง เธอคงไม่สามารถที่จะโยนทิ้งไปจริง ๆ ได้แน่! ทำได้เพียงรับเอาไว้ก่อน รอโอกาสครั้งต่อไป เพื่อที่จะคืนกลับให้ป๋ายรุ่ยเหวิน
กู้ซิวหรั่นยิ้มแหะแหะ และพูดเยินยอขึ้นว่า: “คุณชายป๋าย นายตั้งใจที่จะมอบของขวัญให้กับคุณ อีหลิงเป็นคนสุดท้าย ก็เพราะเกรงว่าเมื่อนายนำของขวัญออกมาแล้ว พวกเราก็คงไม่มีใครกล้าที่จะนำของขวัญออกมาอีกใช่ไหม? ”
“แต่ยังดีที่ว่ามีใครบางคนได้มอบของแบกะดินให้จึงกลายเป็นคนรั้งท้ายไป ไม่อย่างนั้น ฉันก็คงไม่กล้าที่จะนำของขวัญราคากี่แสนหยวนของฉันออกมา! ”
ทุกคนทราบว่ากู้ซิวหรั่นได้เริ่มพูดดูถูกหลินหยุนอีกครั้ง ก็ได้เอะอะโวยวายตามกันขึ้น: “ขนาดของขวัญราคากี่แสนหยวนของคุณชายกู้ก็ยังไม่กล้าที่จะนำออกมา แล้วของขวัญราคากี่หมื่นหยวนของฉันล่ะจะโยนทิ้งลงในถังขยะก็ยังดูไม่เหมาะสมเลย! ”
“แต่ยังดีที่ว่ามีของแบกะดินรั้งท้ายอยู่ ฉันจึงต้องขอบคุณหลินหยุน! ”
“ฮ่าฮ่า……”
พวกคุณชายลูกเศรษฐีหัวเราะเยาะเย้ยกันยกใหญ่ สายตาที่มองไปยังหลินหยุนเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ป๋ายรุ่ยเหวินกับป๋ายรุ่ยซินต่างก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ในที่สุดก็ได้ดูถูกเหยียดหยามหลินหยุนในเรื่องของขวัญได้แล้ว ถือว่าเป็นการเอาชนะเสมือนเป็นการเก็บดอกเบี้ยก่อนเล็กน้อย
กู้ซิวหรั่นก็แอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ: “หลินหยุน กล้าลองดีกับข้า ข้าเอาแกถึงตายแน่! ข้าจะทำให้แกเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างที่สุด ทำให้แกกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคน เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจของข้า! ”
เย่เทียนเหาก็กระหยิ่มยิ้มย่องเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไร แต่การได้เห็นหลินหยุนเสียหน้า เขาก็ดีใจไม่น้อยเลยทีเดียว
เซี่ยหยู่เวยมองไปที่หลินหยุน โดยใบหน้าที่สวยงามยังคงแฝงไปด้วยความเกลียดชังอยู่เหมือนเคย: “ฉันเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ไม่ช้าก็เร็วนายจะต้องรับกรรมต่อการที่นายโอ้อวดหยิ่งผยอง ซึ่งการดูถูกเหยียดหยามในขณะนี้ เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น! ”
หลี่เหยนยิ้มและพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “หลินหยุนไอ้หนุ่มคนนี้ ทำให้หลินโจวของพวกเราอับอายขายหน้าไปจนหมดสิ้นแล้วจริง ๆ! ”
“จริงด้วย พวกเรากับเขามาจากโรงเรียนเดียวกันก็ต้องโชคร้ายตามไปด้วย? คนอื่นก็คงจะดูถูกพวกเราด้วยเช่นกัน! ” นักเรียนหญิงจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวหลายคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่รังเกียจ