จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 329 ผู้ใส่หน้ากาก
ชายหนุ่มในชุดดำที่สวมหน้ากากสีเงิน ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้านใน จากการคาดเดาผิวหนังที่ปรากฏออกมาภายนอก คงน่าจะอายุประมาณสามสิบกว่าปี ทั่วร่างกายได้ส่งกระจายกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัว
เขามีรูปร่างสูงใหญ่ น่าจะสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบกว่าเซนติเมตร โดยหน้ากากแผ่นนี้มองไม่ออกว่าเป็นปีศาจสัตว์ร้ายประเภทไหนกัน เห็นแล้วทำให้คนรู้สึกถึงความโหดเหี้ยม ทั่วร่างกายเผยกลิ่นอายที่แปลกประหลาดออกมา
เมื่อชายหนุ่มคนนี้เข้ามาด้านใน ท่าทางของชายชราในชุดคลุมสีดำก็กลายเป็นมีความเคารพ นอบน้อมมากยิ่งขึ้น
“ข้าน้อยปฏิบัติหน้าที่ไม่สำเร็จ ขอเชิญเจ้านายลงโทษ! ” ชายชราในชุดคลุมสีดำเป็นเหมือนกับคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีในคฤหาสน์ของตระกูลผู้ดีมีฐานะ แห่งศตวรรษที่สิบเจ็ดของตะวันตก
ชายหนุ่มน้ำเสียงเย็นชา มองไม่ออกว่ากำลังดีใจหรือว่าโมโห: “ไม่กล่าวโทษนายหรอก”
“ขอบคุณเจ้านาย! ” ชายชราในชุดคลุมสีดำมีสีหน้าท่าทางที่โล่งใจผ่อนคลาย และยืนอยู่ด้านข้างอย่างเคารพนอบน้อม
เมื่อเห็นมนุษย์หน้ากากผู้นี้แล้ว หลินหยุนหนังตากระตุกเล็กน้อย มีรอยยิ้มที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นที่มุมปาก: “ช่างน่าสนใจ”
อีหยุ่นตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “นายเป็นใคร? ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไมถึงไม่กล้าแสดงใบหน้าที่แท้จริงให้กับทุกคน! ”
มนุษย์หน้ากากมองไปที่อีหยุ่น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ข้าผิดต่อพ่อแม่ ดังนั้นไม่กล้าที่จะพบปะกับผู้คน นอกเสียจาก……”
อีหยุ่นขมวดคิ้ว ถามขึ้นว่า: “นอกเสียจากอะไร? ”
“นอกเสียจากศัตรูของข้าได้ตายไปหมดแล้ว ข้าจึงจะมีหน้าไปพบกับพ่อแม่ของข้าที่เสียชีวิตไปแล้ว” น้ำเสียงที่หนักแน่นของมนุษย์หน้ากาก ทำให้ทุกคนเกิดความหวาดผวาขนลุกขนพองขึ้น
อีหยุ่นมีสีหน้าโมโห: “แล้วทำไมนายไม่ไปตามหาศัตรูคู่แค้นล่ะ มาที่ตระกูลอีของข้าเพื่ออะไร! ”
มนุษย์หน้ากากเงยหน้าหัวเราะขึ้นในทันที เสียงหัวเราะแหบแห้ง: “ข้าก็มาหาตระกูลอีของพวกนายเพื่อแก้แค้นแล้วไงล่ะ! ”
อีหยุ่นพูดอย่างหนักแน่นว่า: “ข้าไม่เคยจำได้เลยว่า ตระกูลอีเคยได้ไปล่วงเกินนายตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่อให้นายจะมาแก้แค้น สามารถที่จะบอกถึงเหตุผลต้นตอให้ทราบได้หรือไม่ว่ามันคืออะไร? ”
มนุษย์หน้ากากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดว่า: “รอนายตายแล้ว ข้าก็จะบอกเหตุผลให้นายได้ทราบเอง”
“กำเริบเสิบสาน! ” อาฉินตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา เดินเข้ามา ยืนบังอยู่ด้านหน้าของอีหยุ่น
เมื่อครู่เขาได้สังเกตมนุษย์หน้ากากผู้นี้โดยตลอด แต่ว่า เขามองไม่ออกเลยว่าตกลงมนุษย์หน้ากากผู้นี้มีความสามารถระดับขั้นไหน แม้แต่ขนาดชี่แท้เพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถรู้สึกสัมผัสได้เลย
หากไม่ใช่ว่ามนุษย์หน้ากากผู้นี้มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างมากแล้ว ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถที่จะเป็นเช่นนี้ได้ ถึงขนาดอาฉินก็ยังคงรู้สึกว่า มนุษย์หน้ากากผู้นี้เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูที่ไม่รู้จักโดยสิ้นเชิง อาฉินจำต้องระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุด ทำได้เพียงปกป้องให้อีหยุ่นอยู่ด้านหลัง อาฉินถึงจะวางใจลงได้บ้าง
มนุษย์หน้ากากมองไปที่อาฉิน ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ฉินหมั่นชาง ช่างโชคดีจริง ๆ นายยังคงมีชีวิตอยู่! ”
อาฉินตกใจ สีหน้าตื่นตระหนก: “ทำไมนายถึงทราบชื่อของข้าได้? ”
ชื่อของอาฉิน หลายสิบปีมาแล้วที่ไม่เคยได้ใช้ นอกจากคนแก่ในตระกูลอีแล้ว คนอื่นไม่มีใครรับรู้
แม้แต่อีหลิงก็ยังไม่ทราบชื่อของอาฉินเลย รู้เพียงแค่ว่าอาฉินก็มีชื่อว่าอาฉิน
“ตกลงนายเป็นใครกัน! ” อาฉินถามขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึม
มนุษย์หน้ากากหัวเราะขึ้น โดยเสียงหัวเราะแฝงด้วยความโหดร้าย: “ข้าเป็นใคร? ใช่แล้ว นายไม่สมควรรู้ว่าข้าเป็นใคร บางทีในสายตาของนาย ข้าอาจจะเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว”
“แต่ว่า ฉินหมั่นชางนายรู้ไหมว่า หลายปีมานี้ข้าได้ภาวนามาโดยตลอด ภาวนาขอให้นายยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะให้ข้าสามารถลงมือสังหารนายด้วยตนเอง”
“ดูเหมือนว่า สวรรค์คงได้ยินคำภาวนาของข้าแล้ว ดังนั้นจึงให้นายมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ เพื่อให้ข้าได้แก้แค้น”
อีหยุ่นเหมือนว่ากำลังแอบจับอะไรบางอย่างอยู่ คงน่าจะคาดเดาออกถึงสถานะของมนุษย์หน้ากากแล้ว แต่ว่า ดูจากอายุแล้วมันไม่น่าจะใช่
อาฉินส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา ลมหายใจแกร่งกล้าอย่างน่าตื่นตะลึง: “คิดจะฆ่าข้า มาดูก่อนว่านายจะมีความสามารถนั้นหรือไม่! ”
“แม้ว่านายจะสวมใส่หน้ากาก แกล้งปลอมตัวเป็นปีศาจร้าย แต่ข้าเห็นว่านายก็มีอายุเพียงแค่สามสิบต้น ๆ หรือว่านายจะสามารถเข้าสู่ขั้นสูงสุดได้แล้วอย่างนั้นเหรอ! ”
ชายชราในชุดคลุมสีดำที่ก่อนหน้านี้พ่ายแพ้ต่ออาฉินได้พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “นายอย่าคิดว่าเอาชนะข้าได้แล้ว ก็จะดูถูกเจ้านายของข้า พลังความสามารถของเจ้านายข้า เก่งกาจมากกว่าข้าเป็นร้อยเท่า”
อาฉินสีหน้าเหยียดหยาม: “คนขี้ขลาดแบบเขาที่ไม่กล้าเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงต่อทุกคน จะแข็งแกร่งได้มากขนาดไหนกัน? ”
เสียงพูดจบลง ทุกคนต่างก็รู้สึกเพียงว่ามีเงาดำแวบผ่านเบื้องหน้าสายตาของตน ซึ่งเงาร่างของมนุษย์หน้ากากได้หายวับไปแล้ว
อาฉินเพิ่งจะกะพริบตา ขณะที่กำลังจะเปิดตาขึ้น เบื้องตาสายตาก็ปรากฏใบหน้าแปลกประหลาดที่สวมใส่หน้ากาก
อาฉินตกใจอย่างมาก จึงชกหมัดอย่างแรงออกไป
แต่น่าเสียดาย หมัดของเขาที่เพิ่งชกออกมายังไม่ถึงหนึ่งฟุต ช่วงท้องน้อยก็เกิดรู้สึกเจ็บปวดขึ้นอย่างรุนแรง
หมัดของมนุษย์หน้ากาก ชกเข้าไปที่ท้องน้อยของเขา
อาฉินถูกชกเข้าจนตัวลอยออกไปไกล ล้มลงไปกองกับพื้น มีเลือดไหลที่มุมปาก เลือดลมในร่างกายปั่นป่วน เป็นตะคริวไปทั่วทั้งร่างกาย
“อาฉิน! อีหยุ่นอุทานขึ้น แล้วรีบวิ่งเข้ามายังด้านข้างของอาฉิน ประคองอาฉินขึ้น”
มนุษย์หน้ากากหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้งอย่างเย็นชา: “ฉินหมั่นชาง หลายปีมานี้ที่ไม่ได้เจอกัน ระดับความสามารถของนายไม่เพียงไม่เพิ่มขึ้นแต่กลับลดลงอีก ยังไม่เทียบเท่ากับเมื่อก่อนเลยด้วยซ้ำ? ”
“ช่างน่าเบื่อเสียจริง! ”
แม้ว่าทุกคนจะมองไม่เห็นถึงสีหน้าของมนุษย์หน้ากาก แต่ จากน้ำเสียงที่เหยียดหยามซึ่งไม่ยากที่จะฟังออกว่า เขาเหมือนกับกำลังดูถูกอาฉินอยู่
ทุกคนในห้องโถงต่างมีสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก
อาฉินมีพลังความสามารถระดับไหน เมื่อครู่ทุกคนต่างก็ได้เห็นกันไปแล้ว
แม้แต่ชายชราในชุดคลุมสีดำที่หยิ่งผยอง ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับอาฉิน
แต่ว่า ตอนนี้มนุษย์หน้ากากผู้นี้เพียงแค่ชกหมัดเบา ๆ อาฉินถึงกับพ่ายแพ้แล้ว
เย่เทียนเหามองไปที่เย่จี้ซื่อด้วยความตื่นตระหนก: “พ่อ คนผู้นี้แกร่งกล้ามากทีเดียว! ”
“คุณเหยียน คุณสามารถมองออกถึงระดับขั้นพลังความสามารถของคนผู้นี้ไหม? ”
คุณเหยียนส่ายศีรษะ: “มองไม่ออก แต่จากที่เห็นพลังการลงมือเมื่อชั่วครู่นี้ อย่างน้อยคงจะขั้นพรสวรรค์สูงสุด แต่ว่า ใครจะไปรู้ได้ว่าเขาได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาแล้วหรือยัง? ”
เย่จี้ซื่อพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนก: “หากเป็นเช่นนี้ เขาอาจจะเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุดก็ได้! ”
คุณเหยียนพยักหน้า: “อาจจะเป็นไปได้”
ป๋ายรุ่ยเหวินกับคุณเหลียนก็กำลังพูดคุยในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ต่างก็ตกตะลึงกับมนุษย์หน้ากากที่ลึกลับผู้นี้
“นี่ตกลงว่าเขาเป็นใครกัน? ” คนแก่ในตระกูลอีคนหนึ่ง ตกใจจนถึงขนาดหัวใจจะหลุดออกมา สีหน้าท่าทางหวาดกลัวอย่างที่สุด
“เจ้าบ้าน ตระกูลอีของพวกเราไปล่วงเกินกับศัตรูคู่แค้นที่เก่งกาจมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ท่านไม่ควรที่จะปิดบังพวกเราเด็ดขาด” ผู้บริหารชั้นสูงของตระกูลอีคนหนึ่ง ได้สอบถามขึ้นพลางบ่นเล็กน้อย
“ใช่ เจ้าบ้าน ท่านต้องชี้แจงอธิบายเรื่องนี้ให้กับทุกคนฟังอย่างชัดเจน ถ้าหากเป็นความผิดของตระกูลอีจริง ๆ อย่างนั้นก็ต้องแสดงความขอโทษกับเขาไป! ”
“ถูกต้อง เป็นถึงเจ้าบ้าน ทำให้ตระกูลอีตกอยู่ในภาวะอันตรายแบบนี้ ไม่สมควรที่จะเป็นเจ้าบ้าน! ” พวกคนตระกูลอีที่ไม่พอใจต่ออีหยุ่น ถือโอกาสโจมตีอีหยุ่น
มนุษย์หน้ากากมองดูอีหยุ่นโดนรุมโจมตีจากคนบ้านเดียวกันอย่างไม่สะทกสะท้าน ถึงขนาดดีใจเมื่อเห็นคนอื่นเป็นทุกข์แล้วพูดขึ้นว่า: “พูดได้ถูกต้อง อีหยุ่นไม่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าบ้านของตระกูลอี เพชณฆาตที่แม้แต่พี่ชายของตนก็ยังกล้าที่จะลงมือสังหาร จะเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าบ้านได้อย่างไรกันล่ะ? ”
อีหยุ่นนึกขึ้นได้ในทันที ตะโกนเสียงดัง: “อีถางเป็นอะไรกับนาย? ”
อีถาง?
ได้ยินชื่อนี้แล้ว คนชราของตระกูลอีบางคน มีสีหน้าที่ซับซ้อนขึ้นทันที
พวกผู้มีชื่อเสียงแห่งเจียงหนานที่มีอายุมาก รวมไปถึงเย่จี้ซื่อ ต่างก็ตะลึงโดยพร้อมเพรียงกัน มองไปที่มนุษย์หน้ากาก สีหน้าท่าทางแสดงอาการตกตะลึง
แต่ว่า ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็ยังงุนงง ซึ่งไม่เคยได้ยินอีถางชื่อนี้มาก่อน
อาฉินเมื่อได้ยินชื่ออีถาง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เหมือนกับว่าหลงลืมอาการบาดเจ็บที่ร่างกาย แล้วมองไปที่มนุษย์หน้ากากด้วยความตื่นตะลึง
“นายคือลูกชายของอีถาง! ”
ใครคืออีถาง อีถางคือใครกัน?
ฟังแล้วเหมือนกับว่ามีความสัมพันธ์กับตระกูลอี
พวกลูกชายเศรษฐีทั้งหลายต่างจ้องมองหน้าซึ่งกันและกัน แต่ละคนมีท่าทางที่อยากรู้อยากเห็น จึงเริ่มที่จะพูดคุยสอบถามระหว่างกัน
เรื่องราวความลับเรื่องหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนได้ถูกขุดคุ้ยขึ้น