จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 33 กล้าไหม
บทที่ 33 กล้าไหม
หลินหยุนหน้านิ่ง พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ดูต่อไป”
จินหยวนเป่าพยักหน้า มองบนไปที่หลี่เหยน พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนพูดกับคนโง่ว่า “ยังไม่ถึงตอนสุดท้ายเลย ดีใจอะไรกัน”
หลี่เหยนพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฉันจะคอยดูว่าแกจะปากแข็งได้ถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้วตัดออกสองในสามแล้ว ถ้ามีอะไรดีๆ ก็ออกมานานแล้ว”
“เขียว เขียวมรกต ออกสีเขียวมรกตแล้ว!”
หลี่เหยนยังพูดไม่จบ ก็มีคนตะโกนขึ้น
ในตอนสุดท้าย หินก้อนนั้นก็ออกสีเขียวอีกครั้ง แถมยังเป็นสีเขียวมรกตอีกด้วย
“เป็นไปได้ไง!” หลี่เหยนงงเป็นไก่ตาแตก
เว่ยเทียนหมิงก็แอบกำหมัดแน่น มองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่ นี่มันเกินความปกติไปแล้ว” เซียนครึ่งซุนก็พูดด้วยความตกใจ
จินหยวนเป่าอ้าปากค้าง เขามองคนขัดหินด้วยความงงงวย
หินได้ถูกตัดออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันคือหยกจักรพรรดิมรกต
ถึงจะมีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่เท่านั้น แต่ราคาสามารถซื้อเมืองได้ทั้งเมืองเลยทีเดียว
พิธีกรมองด้วยความตกใจ แล้วก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้นว่า “ได้กำไร ได้กำไรแล้ว ยินดีกับคุณผู้ชายท่านนี้ด้วยครับ!”
“หยกจักรพรรดิที่สีสมบูณ์แบบนี้ ก่อนหน้านี้มีคนขายราคาสูงถึงร้อยล้าน ก้อนนี้ใหญ่กว่าก้อนนั้นถึงสองเท่า อย่าน้อยก็ต้องสองร้อยล้าน”
“เหอะ สองร้อยล้านเหรอ นายดูถูกหยกจักรพรรดิก้อนนี้ไปแล้ว ถึงมันจะใหญ่กว่าก้อนที่แล้วแค่เท่าตัว แต่ราคาอย่างน้อยก็ต้องเพิ่มขึ้นห้าเท่า”
“นายหมายความว่า ห้าร้อยล้านเหรอ!”
“ใช่ ถ้าหากผ่านการตกแต่งจากช่างทำอัญมณี ราคาก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว!”
“โอ้พระเจ้า หมอนี่ได้รวยแล้ว”
จินหยวนเป่าดีใจจนน้ำลายแทบไหล ซิการ์ที่อยู่ในปากแทบจะหล่นลงพื้น
“ฮ่าๆ หยกจักรพรรดิมรกตระดับยอดเยี่ยม ฮ่าๆ …”
“หลี่เหยน ไอ้โง่ เห็นชัดหรือยัง ยอมไหม” จินหยวนเป่าพูดด้วยความภูมิใจ พร้อมลุกขึ้นมาเต้นโยกไปมา
หลานคนที่อยู่ตรงนั้นแทบจะอยากกระทืบเขาให้ได้
หลี่เหยนนั่งลงไปกับพื้น หน้าเหม่อลอย “ทำไงดี ทำไมโชคดีแบบนี้”
จ้าวกางเหมือนคนโง่ มองไปที่จินหยวนเป่าอย่างไร้สติ พร้อมพูดว่า “นี่มันเกินคาดขนาดนี้เลยเหรอ”
มีเพียงเว่ยเทียนหมิงที่มองไปยังหลินหยุนด้วยสายตาเคร่งขรึม สีหน้าแสดงออกถึงความไม่เชื่อ
จินหยวนเป่าเอาหยกชั้นยอดเยี่ยมนั้นมาอย่างดีใจ ไม่ยอมปล่อยมือ
มีคนเสนอราคาให้เขาทันที “ไอ้หนุ่ม หยกชิ้นนี้ฉันให้สามร้อยล้าน ขายให้ฉันได้ไหม”
จินหยวนเป่ามองบน พร้อมยิ้มแล้วก็ตอบไปว่า “นายคิดว่าฉันเหมือนคนขาดเงินหรือไง”
แค่ประโยคเดียว ก็ทำเอาคนๆ นั้นหน้าแดงหูแดง
หลี่เหยนมองไปที่จินหยวนเป่าที่กำลังตื่นเต้น เขาโกรธจนหน้าแดงไปหมด ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาหลงกลจินหยวนเป่า ตอนนี้หินก้อนนั้นจะต้องเป็นของเขาแน่นอน
“หลินหยุน ต้องเป็นหลินหยุนแน่ๆ ที่ออกความคิดให้เขา ต้องโทษไอ้หลินหยุนคนขี้ขลาดตาขาวนั่น” หลี่เหยนไม่กล้าหาเรื่องจินหยวนเป่า เขาได้แต่เอาความโกรธทั้งหมดไปลงที่หลินหยุนคนเดียว
เมื่อมองดูหลินหยุนที่นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรสักคำ หลี่เหยนก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หลินหยุน ไหนบอกว่าจะเล่นด้วยกัน เอากำไรด้วยกัน แต่นายกลับไปเสนอราคาสักรอบ ไม่กล้าเล่นหรือไม่มีปัญญาเล่นกันแน่”
จินหยวนเป่าจ้องไปที่หลี่เหยน พร้อมพูดขึ้นว่า “แกจะไปเข้าใจอะไร หลินหยุนไม่ได้อยากได้หินพวกนี้ ถึงไม่เสนอราคา ใครจะเหมือนนาย ซื้อแต่ของที่ขาดทุน”
ตีคนไม่ตีหน้า พูดจาไม่เปิดโปง แต่จินหยวนเป่ากลับทำตรงกันข้ามทุกอย่าง ทุกคำพูดมักจะทำให้หลี่เหยนโมโหจนถึงขีดสุด
หลี่เหยนพยายามเก็บความโมโหไว้ ไม่อยากที่จะไปสนใจจินหยวนเป่า เขาเอาแต่จ้องไปที่หลินหยุน พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “หลินหยุน ถึงการประมูลจะจบลง แต่ที่นี่ยังมีหินอีกหลายก้อน จะเล่นกับฉันซักรอบไหม”
หลินหยุนมองเขาอย่างไม่แยแส สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “นายจะเล่นยังไง”
หลี่เหยนสีหน้าเคร่งขรึม แอบด่าในใจว่า “วันนี้แกทำให้ฉันต้องเสียเงินไปร้อยกว่าล้าน เพราะแกไอ้ขี้ขลาดตาขาว ฉันจะเล่นงานแกให้ได้ ไม่งั้นฉันไม่จบแน่”
หลี่เหยนเขมือบตา ก็มีความคิดขึ้นมาทันที “หลินหยุน ข้างนอกมีหินหลายก้อน เราเลือกคนละก้อน ถ้าใครเลือกได้ก้อนที่ราคาสูงกว่า คนนั้นก็ชนะ”
หลินหยุนถามด้วยเสียงราบเรียบว่า “แพ้ชนะแล้วยังไง”
หลี่เหยนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนที่แพ้ ก็ต้องก้มหัวขอร้องคนที่ชนะเป็นไง”
เว่ยเทียนหมิงขมวดคิ้ว รีบพูดห้ามทันที “หลี่เหยน ใจเย็น”
หลี่เหยนโดนเยาะเย้ยแบบนั้น ตอนนี้ความโมโหไม่มีที่ให้ระบายออก เขาไม่กล้ายุ่งกับจินหยวนเป่า ทำได้แค่เอาความโกรธมาลงที่หลินหยุนคนเดียวเท่านั้น
ตอนนี้แม้แต่เว่ยเทียนหมิงห้ามก็ไม่มีประโยชน์
“คุณชายเว่ย นายไม่ต้องมาสนใจฉัน ครั้งนี้ฉันจะสั่งสอนไอ้หมอนี่เอง” หลี่เหยนพูดด้วยความหนักแน่น
“ฉันรับปากนาย” หลินหยุนยังคงสีหน้าเรียบเฉย เหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจหลี่เหยนเลยสักนิด
สิ่งที่ทำให้คนแปลกใจก็คือ คนที่พูดเยอะอย่างจินหยวนเป่า ตอนนี้กลับนั่งเงียบๆ ดูหยกอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรสักคำ
“รบกวนพิธีกรเป็นพยานให้เราด้วยนะครับ” หลี่เหยนพูดกับพิธีกรที่ยืนอยู่บนเวที
“ด้วยความยินดีครับ” พิธีกรรับปากอย่างไม่คิดอะไร
หลายคนเดินมาที่กองหินนั้น
อีหลิงมองหลินหยุนด้วยความเป็นห่วง แต่ต่อหน้าหลี่เหยนและหลายๆ คน เธอไม่กล้าเดินไปเตือนเขาเท่าไหร่นัก
เซี่ยหยู่เวยกับหวางเสี่ยวซีอยู่ข้างหลี่เหยน อยากจะให้หลินหยุนแพ้อยู่แล้ว
“นายเลือกก่อน” หลี่เหยนมองไปที่หลินหยุนแล้วพูด
หลินหยุนมองไปรอบๆ ชี้ไปที่แถวที่สามหินก้อนที่ธรรมดามากๆ ก้อนนึง “อันนั้น”
หลี่เหยนยิ้มอย่างยะเยือก เดิมทีเขายังกังวลเรื่องหลินหยุนพนันอัญมณี แต่พอเห็นหินที่หลินหยุนเลือก เขาก็วางใจแล้ว
“แน่ใจไหม” หลี่เหยนถาม
หลินหยุนหันไปที่พิธีกร พร้อมพูดว่า “เอาไปเปิดเลย”
พิธีกรมองไปที่ก้อนหินก้อนนั้นพร้อมพูดว่า “คุณผู้ชายครับ หินก้อนนี้ที่คุณเลือก ถึงจะไม่ใช่หินที่ดีมาก แต่ก็ราคาแสนสามหมื่นหยวน คุณแน่ใจไหมครับ”
หลินหยุนไม่พูดอะไร เขาเอาการ์ดม่วงนั้นยื่นให้พิธีกรทันที “หักเอสเงินในนี้ได้เลย”
“คุณผู้ชายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คุณเอาการ์ดเก็บไว้ก่อน ผมจะให้อาจารย์เอาหินไปตัดตอนนี้เลยครับ” พิธีกรสายตาดียิ่งกว่าใคร แค่มองดูการ์ดไปนั้น ก็รู้ว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
พิธีกรยิ้มให้กับหลี่เหยนพร้อมพูดว่า “คุณผู้ชายครับ ถึงตาคุณแล้ว”
หลี่เหยนมองดูอย่างจริงจัง แล้วเขาก็ชี้ไปที่หินที่มีรูปลักษณ์แปลกๆ พร้อมกล่าวว่า “ก้อนนี้แหละ”
“ก้อนนี้ราคาห้าแสนหยวน คุณดูก่อนนะครับ” พิธีก่อนพูด
“เอาไปเปิดเลย” หลี่เหยนกล่าว
“หลินหยุน นายแพ้แน่” หลี่เหยนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เหมือนมั่นใจมาก
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร จินหยวนเป่ากลับยิ้มกระหยิ่มอยู่ข้างๆ “หลี่เหยน นายนี่โง่จริงๆ นายรอก้มหัวข้อร้องหลินหยุนเถอะ”
“ความจริงมีเรื่องนึงฉันลืมบอก เมื่อกี๊หินสองก้อนนั้นน่ะ ดีที่หลินหยุนแนะนำฉัน ไม่งั้นฉันคงซื้อแล้วล่ะ”
“รวมถึงคำพูดที่พูดนั่นด้วย หลินหยุนเป็นคนสอนฉันเอง เพราะงั้น ถ้าพวกแกเข้าใจว่าหลินหยุนไม่เข้าใจเรื่องการพนันอัญมณีแล้วจะใช้โอกาสนี้มารังแกเขาล่ะก็ คิดผิดแล้วล่ะ”
หลี่เหยนหน้ามืด ขาอ่อนระทวย เกือบจะล้มลงไป
“นายว่าไงนะ เมื่อกี๊หลินหยุนเป็นคนบอกนายทุกอย่างเหรอ” หลี่เหยนมองไปที่จินหยวนเป่าด้วยความตกใจ
“ทำไมนายไม่รีบพูด” หลี่เหยนเหมือนอยากจะไปจัดการจินหยวนเป่าสักตั้งให้ได้
จ้าวกางเองก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
หวางเสี่ยวซีดึงแขนของเซี่ยหยู่เวยไปมา “” หยู่เวย เป็นไปได้ยังไง เธอบอกว่าหลินหยุนไม่เข้าใจเรื่องพนันอัญมณีไม่ใช่เหรอ
เซี่ยหยู่เวยเองก็งุนงง มองไปที่แผ่นหลังที่ผอมของหลินหยุนอย่างงงวย
“มันจะเป็นไปได้ยังไง เขาไปเรียนรู้เรื่องการพนันอัญมณีตั้งแต่ตอนไหน”