จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 345 เยนหมิงหยู่ที่หยิ่งยโส
พอได้ยินว่าหลินหยุนยังเรียกเธอว่าพี่ ฉินหลันก็รู้สึกอุ่นใจ
ดูเหมือนว่าความรู้สึกที่หลินหยุนมีต่อเธอ จะยังไม่เปลี่ยนแปลง
น้ำเสียงของฉินหลันเหมือนทำอะไรไม่ถูก “หลินหยุน มีคนมาก่อเรื่องในโรงแรมของเครือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป คนพวกนั้นไม่ใช่คนธรรมดา แม้แต่อาจารย์หวงที่เป็นคนข้างตัวของประธานคณะกรรมการยังถูกพวกเขาทำร้าย”
“ฉันนึกวิธีอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ จึงต้องขอให้คุณช่วย!”
สีหน้าของหลินหยุนเย็นชาเล็กน้อย
ถ้าเกิดคนที่มาก่อเรื่องเป็นแค่คนทั่วไป มันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดา แต่ว่าตอนนี้อาจารย์หวงเป็นนักบู๊ในระดับแดนพรสวรรค์ คนที่มาก่อเรื่องกลับสามารถทำร้ายเขาได้ เป็นการบอกอย่างชัดเจนว่าคนที่มาก่อเรื่องอย่างน้อยๆก็เป็นนักบู๊ที่มีทักษะด้านนั้นๆ ติดตัวมาแต่เกิดโดยไม่ต้องฝึกฝน
นักบู๊ที่มีทักษะด้านนั้นๆ ติดตัวมาแต่เกิดโดยไม่ต้องฝึกฝนมาก่อเรื่องที่โรงแรม ถ้าเกิดไม่ได้ถูกใครจ้างมา ต่อให้พูดออกไปก็คงไม่มีใครในโลกบู๊เชื่ออย่างแน่นอน
“เป็นฝีมือของตระกูลส้งรึเปล่า?” น้ำเสียงของหลินหยุนเย็นชาเล็กน้อย
ฉินหลันตอบว่า “น่าจะไม่ใช่ ถึงแม้คุณชายของตระกูลส้งจะตามพวกที่ก่อเรื่องมาด้วย แต่ฉันมองออกว่า ท่าทางของส้งอันหมิงดูเกรงใจคนพวกนี้เป็นอย่างมาก”
“พวกที่มาก่อเรื่อง พวกเขาคงมีฐานะที่เหนือกว่าตระกูลส้งอยู่มาก”
หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า “ถ้าไม่ใช่ตระกูลส้ง งั้นก็ต้องเป็นตระกูลหวาง นอกจากพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะมาหาเรื่องกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป”
ครั้งนี้ ฉินหลันไม่ได้ตอบอะไร
เธอเองก็สงสัยว่าตระกูลหวางเป็นคนอยู่เบื้องหลัง แต่ก็ไม่มีหลักฐาน
หลินหยุนพูดอธิบายอย่างจริงจังว่า “พี่ฉินหลัน พี่ไปบอกประธานคณะกรรมการ ก่อนที่ผมจะไปถึง พวกคุณอย่าเคลื่อนไหวโดยพลการ และก็ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย รอให้ผมไปถึงก่อนค่อยว่ากันอีกที”
“ได้” ฉินหลันรับรู้ได้จากน้ำเสียงของหลินหยุนว่า หลินหยุนเป็นห่วงเธอกับหวางซูเฟิน
“ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้”
พอกดวางสาย หลินหยุนก็รีบเดินทางไปยังมณฑลจงโจว
เวลาบ่ายสอง ฉินหลันมารับหลินหยุนที่สถานีด้วยตัวเอง เพื่อพาไปพักชั่วคราวที่โรงแรมอีกแห่งหนึ่งของเครือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
ฉินหลันกับหลินหยุนนั่งข้างหลังด้วยกัน สายตาของหลินหยุนจ้องมองใบหน้าที่งดงามของฉินหลัน โดยที่ไม่ลับสายตาไปไหน
ฉินหลันเกลียดผู้ชายที่มองเธอด้วยสายตาลามกที่สุด แต่ว่า ในแววตาของหลินหยุน ฉินหลินไม่เห็นความรู้สึกแบบนั้นอยู่เลย
แววตาของหลินหยุนดูใสสะอาด บริสุทธิ์ และยังมีความพึ่งพาเล็กน้อย ราวกับแววตาของเด็กทารก
แม้ว่าการที่ถูกผู้ชายจ้องแบบนี้ ฉินหลันจะไม่ค่อยชิน จนหัวใจเต้นเร็วเล็กน้อย แต่ว่าฉินหลันก็ไม่กล้าไปบอกเขา จึงทำได้แค่หันหน้าไปอีกทาง เพื่อคลายความอึดอัด
“หลินหยุน นายหาวิธีแก้ไขปัญหาได้รึยัง?” ฉินหลันตั้งใจหาเรื่องมาคุย เพื่อทำลายบรรยากาศในรถที่น่าอึดอัด
หลินหยุนพูดอย่างขอไปทีว่า “ไม่ต้องคิดอะไร ไล่ไปก็พอแล้ว”
ฉินหลันพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด “ฉันรู้สึกว่าฐานะของคนพวกนี้ไม่ใช่ธรรมดา ถ้าเกิดใช้ไม้แข็ง กลัวว่าจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่!”
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย “พี่ฉินหลันวางใจได้ ในโลกนี้ยังไม่มีใครที่ผมไม่กล้าไปมีเรื่องด้วย”
“ขี้โม้!” ฉินหลันมองหลินหยุนด้วยหางตา จู่ๆก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดถามไปว่า “จริงสิ อาจารย์ของนายล่ะ?”
ถ้าเกิดอาจารย์ของหลินหยุนไม่มาด้วย แค่หลินหยุนคนเดียว ก็เหมือนกับไปฆ่าตัวตายไม่ใช่รึไง?
“อาจารย์? ฮ่าๆ!” หลินหยุนหัวเราะแปลกๆ และไม่ตอบคำถาม
พอเห็นว่าหลินหยุนไม่พูดอะไร ฉินหลินที่เข้าใจหัวอกของคนอื่นจึงไม่ได้ซักถาม แต่กลับเปลี่ยนหัวข้อคุย “อีกเดี๋ยวฉันจะพานายไปที่โรงแรมอีกแห่งเพื่อไปพักผ่อน จะได้อธิบายสถานการณ์ให้นายเข้าใจคร่าวๆ ถ้าเกิดพรุ่งนี้พวกเขายังมาหาเรื่องอีก ฉันค่อยพานายไปอีกที”
หลินหยุนพูดว่า “ไม่เป็นไร ให้ผมไปพักโรงแรมที่พวกเขามาก่อเรื่องก็ได้!”
“มันไม่ดีมั้ง?” ฉินหลันขมวดคิ้ว ดูกังวลเล็กน้อย
ตอนนั้นเอง ที่มือถือของฉินหลันดังขึ้นมา
พอกดรับสาย หลินหยุนก็ได้ยินเสียงที่ร้อนรนของผู้หญิงที่อยู่ในสาย “ผู้ช่วยฉิน เกิดเรื่องแล้ว พวกเขามาอีกแล้ว ไล่พนักงานสองคนที่เพิ่งมาสมัครวันนี้ไปแล้ว คุณกับประธานคณะกรรมการรีบหาวิธีเร็วเข้า! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พนักงานที่อยู่ในโรงแรมของพวกเราคงหนีหายกันไปหมด!”
ฉินหลันพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ปิดทำการสักสองสามวันก่อน รอให้ฉันกับประธานคณะกรรมการหาวิธีได้ก่อนค่อยว่ากันอีกที พวกเขาจะได้ไม่หยุดหาเรื่องสักที!”
“ผู้ช่วยฉิน คุณฟังฉันสักประโยคนะ ถ้าเกิดเป้าหมายของพวกเขาคือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ต่อให้คุณจะปิดโรงแรมปี่ไห่ พวกเขาก็ยังไปก่อความวุ่นวายที่โรงแรมอื่นอยู่ดี”
“คุณคงไม่สามารถปิดโรงแรมของเครือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ได้ทั้งหมดใช่ไหม? อีกอย่างต่อให้คุณปิดโรงแรม พวกเขาก็ยังไปก่อความวุ่นวายที่ธุรกิจอื่นอยู่ดี จะต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้!” ผู้หญิงที่อยู่ในสาย พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
หลินหยุนพูดแทรกขึ้นมาว่า “พวกเขามาก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ? งั้นก็ดี พาผมไปที่นั่นก็แล้วกัน!”
ฉินหลินมองไปยังหลินหยัน “นายเพิ่งนั่งรถมา ความหมายของประธานคณะกรรมการคือให้นายพักหนึ่งวัน จะได้เข้าใจสถานการณ์ให้มากกว่านี้”
“เมื่อกี้ผมก็เข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ? พาผมไปเถอะ แค่พวกกระจอก ยังไม่ถึงขั้นให้ผมต้องรอพวกเขาอีกหนึ่งวัน” ใบหน้าของหลินหยุนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ
ฉินหลันมองไปยังหลินหยุน รู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดล้อเล่น จึงหันไปพูดกับผู้หญิงที่อยู่ในสายว่า “ประธานจาง คุณให้พวกที่มาก่อเรื่องรอก่อน พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้!”
“ดีมากเลย!” เสียงดีใจของผู้หญิงที่อยู่ในสายดังออกมาผ่านมือถือ
ณ โรงแรมปี่ไห่ เป็นหนึ่งในเครือธุรกิจของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป กำไรที่ทำให้กับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป อยู่ที่ราวๆสิบเปอร์เซ็นต์
ถ้าเกิดมาก่อเรื่องที่โรงแรมอื่น บางทีฉินหลันกับหวางซูเฟินอาจจะไม่ใส่ใจซะเท่าไหร่ แต่ว่าอีฝ่ายกลับจงใจเลือกโรงแรมปี่ไห่ มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ จะต้องทำการตรวจสอบบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป มาแล้ว และรู้ว่าโรงแรมปี่ไห่เป็นสถานที่สำคัญของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
คนขับรถรีบเลี้ยวรถกลับไปยังโรงแรมปี่ไห่ เพียงไม่นาน ฉินหลันกับหลินหยุนก็มาถึงโรงแรมปี่ไห่
ณ ล็อบบี้ของโรงแรม พนักงานของโรงแรมปี่ไห่หนีหายกันไปหมดแล้ว มีเพียงแค่ประธานจางที่พาพนักงานสาวคนหนึ่ง มาเจรจากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตรงกลางล็อบบี้ด้วยรอยยิ้ม
ข้างหลังชายหนุ่มคนนั้น ยังมีคนยืนอยู่ห้าคน สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชาที่มีความสุขกับการได้ทำร้ายคนอื่น
หนึ่งในนั้น หลินหยุนรู้จัก เขาเป็นลูกชายของส้งหัวอัน คุณชายของตระกูลส้ง ส้งอันหมิง
แต่ว่า สีหน้าของส้งอันหมิงในตอนนี้เต็มไปด้วยความเกรงใจและยืนอยู่ข้างหลังชายหนุ่มรูปงามคนนั้น
ชายหนุ่มรูปงามคนนั้น นั่งอยู่บนโซฟาหนังไม้เนื้อแข็ง โซฟาอันนั้นแค่เห็นก็แล้วว่าเป็นที่นั่งพักของห้องล็อบบี้ น่าจะหนักหลายร้อยกิโล แต่กลับถูกยกมาวางอยู่ตรงกลางล็อบบี้
พอเห็นฉินหลันพาเขามาด้วย ประธานจางก็รู้สึกโล่งอก “ผู้ช่วยฉิน ในที่สุดท่านก็มา!”
ชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่บนโซฟา หันหน้ากลับมามองฉินหลัน จากนั้นแววตาก็เปล่งประกายขึ้นมา “โย้ ผู้ช่วยฉิน คุณมาแล้วเหรอ! มานั่งสิ ไม่ต้องเกรงใจ!”
ฟังจากน้ำเสียง คงคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่
จู่ๆฉินหลันก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา เดิมทีเจ้าหมอนี้ก็มีใบหน้าที่งดงามอยู่แล้ว แต่ว่า ยังมาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้หญิงแบบนี้อีก เหมือนกับขันทีในยุคโบราณเลย
“เยนหมิงหยู่ แกจะเอายังไงกันแน่?” สีหน้าของฉินหลันเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ฮ่าๆ ฉันจะเอายังไงน่ะเหรอ? บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ที่ยิ่งใหญ่ของพวกคุณรังแกแขก ฉันที่เป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง จะไปทำอะไรพวกคุณได้ล่ะ?” เยนหมิงหยู่แกล้งทำตัวน่าสงสาร
ถ้าเกิดท่าทางแบบนี้ไปปรากฏอยู่ในตัวของผู้อ่อนแอจริงๆ บางทีอาจจะทำอะไรไม่ถูกจริงๆ แต่ว่า ถ้าเกิดมันปรากฏอยู่ในตัวของคนที่แข็งแกร่ง มันก็เป็นการเยาะเย้ย อย่างชัดเจน
“แกเป็นคนอ่อนแองั้นเหรอ!” ฉินหลันโกรธที่ถูกเยาะเย้ย จนพูดอะไรไม่ออก ไอ้เจ้าเยนหมิงหยู่ที่ไร้ยางอาย ทำให้เธอต้องทบทวนใหม่อีกครั้ง
ระหว่างที่นั่งรถมา หลินหยุนก็ได้รู้แล้วว่า ฉินหลันกับอีกฝ่ายได้เจอหน้ากันแล้วหลายครั้ง จนมีการยื่นขอเสนอให้จ่ายค่าเสียหาย แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับ แถมยังพูดข้อเสนอที่มากจนเกินไป ฉินหลันที่ทำอะไรไม่ถูก จึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากหลินหยุน