จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 347 เยนเป่ยเฟย
“ฉันให้แกไปแล้วเหรอ?” เสียงที่สงบนิ่งดังขึ้นมาอีกครั้ง หลินหยุนชี้นิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว จากนั้นก็มีพลังทิพย์สองเส้นพุ่งไปยังขาทั้งสองข้างของส้งอันหมิง
พรุพรุ!
ส้งอันหมิงที่กำลังวิ่งอยู่ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง กอดขาทั้งสองข้าง และร้องคร่ำครวญ
“กลับไปบอกส้งหัวอัน ถ้าเกิดเขายังไม่ยอมหยุดอีก งั้นฉันจะกวาดล้างตระกูลส้งของพวกแกทิ้ง” เสียงของหลินหยุนเรียบเงียบจนขนลุกด้วยความหวาดกลัว ทั้งๆที่เป็นเรื่องฆ่าล้างตระกูล แต่เมื่อเขาพูดออกมาก็เหมือนกับเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
ส้งอันหมิงเองก็ช่างเป็นลูกผู้ชายซะจริงๆ คลานออกจากประตูโรงแรมทั้งๆอย่างงั้น
สายตาของหลินหยุนมองไปยังพวกชายหนุ่มที่เยนหมิงหยู่พามาด้วย
คนพวกนั้นตอนนี้กลัวจนคลานอยู่บนพื้น คนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่กล้าฆ่าแม้กระทั่งคุณชายของตระกูลเยน ชีวิตของพวกเขาที่เป็นแค่ลูกน้องธรรมดายิ่งไม่มีค่าอะไร
“เอาเขาออกไป อย่าให้ที่นี่แปดเปื้อน”
เหล่าชายหนุ่มพวกนี้ราวกับนักโทษที่ได้รับการอภัยโทษ ยกศพของเยนหมิงหยู่ขึ้นมา แล้ววิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
ฉินหลันพอเห็นภาพแบบนี้ ใบหน้าที่งดงามก็เต็มไปด้วยความตกใจ ราวกับคนที่ยังนอนละเมออยู่
“พี่ฉินหลัน!” หลินหยุนเรียนเบาๆ
ร่างของฉินหลันสั่นขึ้นมา คราวนี้ได้สติสักที
“หลินหยุน นายฆ่าเขาเหรอ หลังจากนี้เกรงว่าบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ของพวกเราคงไม่มีวันที่จะสงบสุขแล้ว!”
พอพูดจบ ใบหน้าของฉินหลันก็ไร้ชีวิตชีวา ราวกับได้ใช้แรงที่มีจนหมดไปแล้ว
หลินหยุนยิ้มเบาๆ ไม่ได้อธิบาย เขารู้อยู่แก่ใจ ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะอธิบายยังไง ฉินหลันก็คงไม่เชื่อ
มีเพียงแค่ความจริงใจ ที่เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีที่สุด
ประธานจางจ้องมองหลินหยุนด้วยความหวาดกลัว ถามด้วยเสียงสั่นๆว่า “ผู้ช่วยฉิน โรงแรมของพวกเรายังต้องเปิดต่อไปไหม?”
ฉินหลันคิดสักพัก แล้วพูดว่า “เปิดสิ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน พวกเราก็ต้องเปิดต่อไป ถ้าเกิดมีคนมาหาเรื่องอีก คุณก็ให้พวกเขามาหาฉันที่สำนักงานก็แล้วกัน!”
“อืม!” ประธานจางพยักหน้าตกลงเบาๆ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเธอมีตำแหน่งสูง แม้แต่เธอเองก็ยังจะหนีไปเหมือนกัน
ยังไงซะ การทะเลาะวิวาทกับการฆ่าคน ความแตกต่างของสองเรื่องนี้ มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
ถือซะว่าเยนหมิงหยู่ดวงซวยก็แล้วกัน ต่อให้เขาจะมาหาเรื่องหลินหยุน ก็ยังไม่ถึงกับต้องเอาชีวิต
แต่ว่า เขากลับไปมีเรื่องกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป แถมยังคิดจะแตะต้องฉินหลัน นี่มันเป็นการไปกระตุกต่อมความโกรธของหลินหยุน!
ถ้าเกิดหัวเราะเยาะหลินหยุน หลินหยุนก็คงไม่สนใจ แต่ว่า เมื่อมีคนคิดจะทำร้ายคนที่เขาแคร์ หลินหยุนไม่มีทางเบามืออย่างแน่นอน
อีกอย่าง วิธีแก้ไขเรื่องแบบนี้ หลินหยุนมีความคิดเป็นของตัวเอง
การต่อกรกับพวกที่เป็นศัตรูของครอบครัวเขา เขาจำเป็นต้องจัดการให้เด็ดขาด เชือดไก่ให้ลิงดู ฆ่าจนกว่าคนพวกนั้นจะเจ็บ และหวาดกลัว แบบนี้พวกเขาถึงจะไม่กล้าไปมีเรื่องกับครอบครัวของหลินหยุน
“พี่ฉินหลัน ตอนนี้ผมอยากจะอยู่เดินเล่นในบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป สักหน่อย ไม่รู้ว่าพี่จะต้อนรับไหม?” หลินหยุนพูดพร้อมกับยิ้มเบาๆ
ฉินหลันเข้าใจดี หลินหยุนต้องการรอการแก้แค้นของตระกูลเยน
“หลินหยุน ความจริงนายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้!เรื่องนี้เป็นเพราะฉันคิดไม่ถี่ถ้วนเอง ฉันน่าจะแจ้งความซะ!” ฉินหลันพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
หลินหยุนยิ้มโดยที่ไม่พูดอะไร ถ้าเกิดแจ้งความแล้วสามารถจบเรื่องนี้ได้ เกรงว่าฉินหลันคงแจ้งไปนานแล้ว
เรื่องที่อันธพาลมาก่อความวุ่นวาย ก็ต้องจัดการตามกฎหมายที่ระบุไว้ ถ้าแจ้งความอย่างมากก็แค่โดนตักเตือน ขอแค่ไม่ทำร้ายร่างกายหรือข้าวของ ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง
“ไปกันเถอะ ผมเองก็อยากจะเจอประธานคณะกรรมการหวาง ดูว่าช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?” คำพูดนี้มาจากใจจริงของหลินหยุน นั่นเป็นแม่ของเขาน่ะ
พอเห็นหลินหยุนเดินออกไปก่อน ฉินหลันก็ลังเลไปสักพัก สุดท้ายก็ทำได้แค่เดินตามเขาไป
ณ จงโจว บริษัท หัวอัน กรุ๊ป ศูนย์รักษาส่วนตัวของส้งหัวอัน
ส้งอันหมิงนอนอยู่บนเตียง ขาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยยิปซัม แววตาสองข้างที่แดงก่ำมองไปยังนอกหน้าต่าง รอยยิ้มบนใบหน้าช่างดูน่ากลัวซะเหลือเกิน
“คุณพ่อ พวกเราล้วนผิดกันหมด ความบ้าของหลินหยุนเหนือกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้มาก หลังจากที่เขารู้ฐานะที่แท้จริงของเยนหมิงหยู่แล้ว ก็ยังหักคอของเขาทิ้งอย่างไม่ลังเล
“ตอนนี้ พวกเราก็แค่ต้องรอการแก้แค้นของหุบเขาเทพยากับตระกูลเยน!”
ส้งหัวอันพูดด้วยใบหน้าที่ปวดใจว่า “ลูกพ่อ ลำบากแกแล้ว!”
“ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะหลังจากการประชุมสุดยอดจงโจว นับวันชื่อเสียงของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ก็โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ จงค่อยๆกดหัวตระกูลส้งของพวกเรา ฉันก็คงไม่ให้แกไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้ ขาของแกก็คงไม่ต้องโดนไอ้สัตว์เดรัจฉานนั้นหัก!”
“แต่ว่าแกสบายใจได้ ความแค้นนี้พ่อจะต้องล้างแค้นแทนแกอย่างแน่นอน พอรอให้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ล้มละลาย ฉันก็จะเอาฉินหลันมาอยู่ตรงหน้าของแก แล้วให้แกทำลายศักดิ์ศรีของเธอ! ต่อหน้าของไอ้เจ้าเด็กนั้น”
สำหรับความคิดของลูกชายตัวเอง แม้ว่าปรกติส้งหัวอันจะไม่ค่อยถาม แต่ก็ยังเข้าใจได้ดี
ส้งอันหมิงมองขาทั้งสองข้างของตัวเอง เมื่อกี้สิ่งที่หมอพูดกับส้งหัวอันเขาก็ได้ยินหมดแล้ว ไม่ว่ารู้ว่าหลินหยุนใช้วิธีไหน ถึงทำให้กระดูกตรงหัวเข่าของเขาเสียหายอย่างถาวร ขาทั้งสองข้างของเขาคงไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ทั้งชีวิตนี้เขาต้องพึ่งรถเข็นในการใช้ชีวิต
“หลิน ฉันจะต้องแก้แค้นแกให้ได้ ฉันจะทำลาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่แกรัก! แกชอบฉินหลันใช่ไหม? งั้นฉันก็จะข่มขืนเธอ ต่อหน้าของแก!แกช่วยเหลือบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ใช่ไหม? งั้นฉันก็จะทำลายมันให้สิ้นซาก!”
ใจของส้งอันหมิง มีเปลวไฟชนิดหนึ่งกำลังลุกไหม้อยู่ ตอนนี้เปลวไฟยังถูกความแข็งแกร่งของหลินหยุนกดทับเอาไว้ พอรอให้ตระกูลเยนกับหุบเขาเทพยาเอาชนะหลินหยุนได้ก่อน งั้นเปลวไฟที่อยู่ในใจของส้งอันหมิงนี้ก็จะระเบิดออกมาทันที จากนั้นมันก็จะเผาทั้ง บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป และหลินหยุน จนเหลือแต่ขี้เถ้า
มณฑลเจียงหนาน ตำบลเล็กๆที่อยู่นอกเมือง ซึ่งเป็นที่ของตระกูลเยน
ตระกูลเยน ไม่ใช่ตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยธรรมดา แต่เป็นตระกูลบู๊ที่แท้จริง
แต่ว่า เพราะว่าตระกูลเยนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์มากจนเกินไป ทำให้คนของตระกูลเยนส่วนใหญ่ล้วนมีธุรกิจอยู่ในโลกมนุษย์
พอเห็นว่าคนของตระกูลเยนเริ่มที่จะยอมแพ้เรื่องฝึกบู๊ และไปหาความร่ำรวยจากโลกมนุษย์ แต่เมื่อสามสิบปีก่อนก็มีปรมาจารย์ของประเทศจีนเกิดขึ้นเป็นคนแรก นั่นก็คือเทพกระบี่เยนหนานเทียน ทำให้คนของตระกูลเยนปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างของโลกมนุษย์ แล้วกลับมายังที่ดินของตระกูลเยน แล้วตั้งใจฝึกบู๊
เพียงแต่ว่า พอเยนหนานเทียนปิดตัวเพื่อฝึกฝน คนของตระกูลเยนก็เริ่มมีคนแอบหนีออกไปอีก แม้แต่ผู้นำของตระกูลเยนอย่างเยนเป่ยเฟย หรือก็คือลูกชายของเยนหนานเทียน พ่อของเยนหมิงหยู่ ก็ไม่ยกเว้น เขาเองก็แอบสร้างธุรกิจในโลกมนุษย์
แต่ว่า หลายปีมานี้เยนหมิงหยู่ก็ยังตั้งใจบำเพ็ญอยู่ในที่ของตระกูลเยน ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะโดนหวางเจ๋อหลอก เขาเองก็คงไม่วิ่งออกไปหาเรื่องกับหลินหยุนหรอก
เพราะงั้น ความแข็งแกร่งของเยนหมิงหยู่ จึงอยู่ในระดับเดียวกันกับเยนเป่ยเฟย
ตระกูลเยนลงทุนลงแรงไปกับตัวของ เยนหมิงหยู่อย่างมหาศาล เพื่อให้เยนหมิงหยู่เตรียมตัวรับตำแหน่งเจ้าบ้านคนต่อไป
แถม เยนเป่ยเฟยก็ยังคาดหวังในตัวของเยนหมิงหยู่ไว้สูงมาก หวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะสามารถทะลุไปถึงแดนแด่เทพเจ้าที่มีอยู่ในตำนาน
เพราะงั้น บทที่เยนเป่ยเฟยเห็นเหล่าลูกน้องยกศพของเยนหมิงหยู่กลับมา แค่คิดก็คงรู้แล้วว่า วินาทีนั้นมันทั้งเจ็บปวดและสิ้นหวังขนาดไหน
ก็เหมือนกับของสำคัญที่สุดในชีวิตของคนๆหนึ่ง จู่ๆก็โดนทำลายจนหมดสิ้น
ก็ราวกับข้าวที่ชาวนาปลูกมาอย่างยากลำบาก และพอกำลังจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว แต่ทันใดนั้นก็มีฝูงตั๊กแตนมากินจนหมดสิ้น
ความเจ็บปวดและสิ้นหวังแบบนี้ แทบจะทำให้ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลเยน เป็นบ้ากันเลยทีเดียว!
“ใคร เป็นใครกัน! เป็นฝีมือของใครกัน!”
ทั่วทั้งพื้นที่ของตระกูลเยน ที่อยู่ในรัศมี ต่างก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่น่าขนลุกของเยนเป่ยเฟยดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง!
ชายหนุ่มพวกนั้น ต่างก็กลัวจนตัวสั่น และคลานอยู่บนพื้น
“ท่านเจ้าบ้าน เป็นฝีมือของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีนามว่าหลินชางฉอง” พูดออกไปด้วยที่มือยังสั่นอยู่
เยนเป่ยเฟยจ้องมองเขาด้วยความดุร้าย ราวกับเสือหิวโหยที่สามารถกินได้ทุกอย่าง “เขารู้ไหมว่าหยู่เอ๋อเป็นลูกของเยนเป่ยเฟย?”
ชายหนุ่มคนนั้นพูดอย่างติดๆขัดๆ “รู้ รู้ครับ ตอนนั้นคุณชายได้บอกชื่อของท่านเจ้าบ้านแล้ว แล้วก็ยังมีหุบเขาเทพยา แต่ว่าไม่พูดก็ยังดี แต่หลังจากที่พูด คนๆนั้นก็ลงมือสังหารทันที! ยังบอกอีกว่าเขาหลินชางฉอง ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยกลัวคำขู่ของใคร”
“อ่า!” เยนเป่ยเฟยปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรง จนทำให้หัวกะโหลกของชายหนุ่มคนนั้นแตกในทันที สีแดงและขาวกระจายเต็มพื้นไปหมด
โดยเฉพาะชายหนุ่มพวกนั้น มีคนๆหนึ่งร้องตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว จนตายไปทั้งอย่างงั้น
“หลินชางฉอง ฉันจะฆ่าล้างตระกูลของแก!”
ในคืนนั้น ทั่วทั้งตระกูลเยนต่างก็ได้ยินแต่เสียงร้องตะโกนที่น่าขนลุกของเยนเป่ยเฟย