จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 355 กลับตาลปัตรครั้งใหญ่
ผ่านไปหนึ่งนาทีเต็ม ๆ หวางซูเฟินกับฉินหลันต่างก็ค่อย ๆ ทยอยลืมตาขึ้น สีหน้าท่าทางตกตะลึง
“หลินหยุน ซุปนี้รสชาติอร่อยมากเลย! ” หวางซูเฟินพูดขึ้นด้วยความตะลึง
ฉินหลันถามขึ้นด้วยความเหลือเชื่อว่า: “หลินหยุน นายบอกว่าซุปนี้สามารถรักษาได้ทุกโรคจริงไหม? ”
หลินหยุนพยักหน้า: “นอกจากโรคมะเร็งเหล่านั้นแล้ว โดยทั่วไปสามารถที่จะรักษาโรคที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนได้อีกมากมายเกือบจะทุกโรค”
หลินหยุนไม่ได้พูดเกินเลยแม้แต่น้อย หากว่าอยู่ในโลกเซียน ต่อให้เป็นมนุษย์คนธรรมดาทั่วไป ก็สามารถที่จะมีอายุอยู่ได้ถึงสองร้อยกว่าปี มีพละกำลังมากมาย กระโดดได้สูงเป็นสิบเมตร
แต่ทว่า อายุขัยของมนุษย์บนโลกใบนี้สั้นเพียงแค่ร้อยปี โดยเฉลี่ยแล้ว ก็มีเพียงแค่เจ็ดสิบปี อีกทั้งยังป่วยเป็นโรคอยู่เป็นประจำ และไร้เรี่ยวแรงกำลัง
เหตุผลที่แท้จริงก็เพราะตอนนี้บนโลกมีชี่ทิพย์เหลือน้อยมาก แม้ว่ามนุษย์จะเป็นสัตว์ประเสริฐที่มีความรู้ความสามารถ แต่หากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากชี่ทิพย์แล้ว ก็คงเหมือนกับพืชที่ปลูกไว้บนดินที่ไม่อุดมสมบูรณ์ เจริญงอกงามได้ไม่ดีพอ
หลินหยุนได้ใส่ชี่ทิพย์ฟ้าดินที่เข้มข้นลงไปในน้ำ แม้ว่าจะเกิดการเจือจาง แต่หากดื่มกินติดต่อกันระยะยาว ก็เท่ากับว่าทำให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นจากชี่ทิพย์อย่างเต็มเปี่ยมเป็นเวลานาน ซึ่งสามารถที่จะบำรุงเซลล์ที่สึกเหรอ ลดอาการปวดเมื่อยและรักษาอาการของโรคต่าง ๆ ได้
แต่ว่า อย่างกับโรคมะเร็งเหล่านั้น เดิมทีเซลล์ก็ได้ตายและกลายพันธุ์ไปแล้ว ต่อให้ใช้ชี่ทิพย์ก็ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายได้
“ดีมากเลย! ” ฉินหลันท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก
หวางซูเฟินก็ตื่นเต้นอย่างมากเช่นกัน: “คุณหลิน คุณคือผู้มีบุญคุณต่อฉัน! เชิญรับการคารวะจากฉันสักครั้ง! ”
ขณะนี้ หลินหยุนตกใจเป็นอย่างมาก
ต่อให้เป็นประธานาธิบดีคารวะต่อเขา เขาก็ยังพอยอมรับได้ แต่นี่คือการคารวะจากหวางซูเฟิน เขาไม่สามารถทนรับได้
อีกทั้งถึงแม้เขาจะมีแผ่นทองอภัยโทษแล้ว หากต่อไปถูกคุณแม่รับทราบถึงสถานะของเขาแล้ว ก็คงจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงเป็นแน่ โดยตามความจริงแล้ว มีอย่างที่ไหนที่แม่จะทำการคารวะลูกของตนเอง!
แรงพลังที่อ่อนโยนแรงหนึ่ง ค้ำยันหวางซูเฟินเอาไว้ แล้วหลินหยุนก็รีบพูดขึ้นว่า: “ท่านประธานหวาง ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด ฉันจะรับการคารวะจากท่านได้อย่างไรกัน! ”
ไม่ว่าอย่างไรหวางซูเฟินก็โค้งคารวะไม่ลง รู้สึกได้ถึงแรงพลังที่ไร้ตัวตนในความว่างเปล่า หวางซูเฟินตื่นตะลึงอย่างมากในจิตใจ
เดิมทีเธอคิดเพียงว่า หลินหยุนมีอาจารย์ที่ดี ดังนั้นจึงแสดงกิริยาท่าทางที่ไม่มีใครอยู่ในสายตามาโดยตลอด
ตอนนี้เธอถึงเข้าใจได้ว่า เดิมทีหลินหยุนก็มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งมากเช่นนี้!
ถ้าหากว่าเป็นผู้ทรงพลังแข็งแกร่ง อย่างนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะไม่มีใครอยู่ในสายตา ซึ่งบนโลกใบนี้ ผู้แข็งแกร่งก็ย่อมมีอานุภาพของผู้แข็งแกร่งเป็นธรรมดา
แต่ว่า หวางซูเฟินยังคงมีความสงสัยอยู่ในใจ ในตอนนั้นที่ควีนจินและพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่ง หลิงหนาน ทำการคารวะเขา หลินหยุนก็ยอมรับแต่โดยดี
เธอคิดว่าตนเองมีสถานะที่ไม่ได้สูงกว่าควีนจิน แต่เมื่อเธอจะทำการคารวะอย่างจริงใจต่อหลินหยุนนั้น หลินหยุนกลับตื่นตระหนกตกใจ
“นี่เป็นเพราะอะไรกัน? ”
หวางซูเฟินแอบสังเกตหลินหยุน ซึ่งก็คิดไม่ออกจริง ๆ แต่ว่า ในใจของหวางซูเฟินกลับเกิดความคิดที่เหลือเชื่อคาดไม่ถึงขึ้น
“เด็กคนนี้บอกว่าเขาแซ่หลิน? หรือว่า……”
หวางซูเฟินถามขึ้นกะทันหันว่า: “คุณหลิน ฉันมีคำถามส่วนตัวที่อยากจะถามคุณสักหน่อย”
หลินหยุนพูดว่า: “เชิญท่านประธานกรรมการพูดมาได้เลย! ”
“วันเกิดของคุณคือวันที่เท่าไหร่? ” หวางซูเฟินถามคำถามนี้ขึ้น จิตใจก็กังวลเป็นอย่างมาก ซึ่งมีความหวังอยู่บ้าง และก็หวาดกลัวอยู่บ้างเช่นกัน
หลินหยุนตกใจ พูดขึ้นลับ ๆ ว่า: “คุณแม่คาดเดาอะไรบางอย่างออกแล้วเหรอ? ช่างอ่อนไหวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยะ! ”
แต่หลินหยุนในชาติที่แล้วในช่วงเวลานี้ ยังคงจำวันเกิดของตนเองไม่ได้ ต่อให้มาทราบในภายหลัง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเรื่องราวหลังจากที่ได้บำเพ็ญเซียนแล้ว
“หากฉันพูดว่าไม่รู้ คงน่าจะไม่เป็นการโกหกคุณแม่หรอกนะ? ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ท่านประธานกรรมการ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอก แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ฉันไม่เคยพบเจอพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก โดยที่ตระกูลเซี่ยได้รับเลี้ยงดูฉันจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า? ” หวางซูเฟินหัวใจเต้นแรงอย่างมาก แววตาแสดงออกถึงอาการดีใจ และพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า: “สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไหนเหรอคุณยังจำได้ไหม? ”
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมืองหลินโจว” หลินหยุนไม่ได้ปิดบังอะไร เขาทราบดีว่าในปีนั้นหวางซูเฟินได้นำเขามอบให้กับเพื่อนคนหนึ่งที่บ้านอยู่ใกล้กันในเมืองหลวงเป็นผู้เลี้ยงดู ส่งต่อไปมาหลายทอด เขาจึงได้มาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมืองหลินโจว ซึ่งหวางซูเฟินคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมืองหลินโจว
เป็นไปตามนั้น หวางซูเฟินเผยถึงสีหน้าท่าทางที่ผิดหวังออกมา
“ประธานกรรมการ ท่านถามเรื่องนี้ทำไมเหรอ? ” หลินหยุนถามขึ้นด้วยแววตาที่เป็นประกาย
“โอ้ เปล่าไม่มีอะไร ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละ ถ้าหากว่าลูกของฉันยังคงมีชีวิตอยู่ เกรงว่าคงจะเติบโตเท่ากับนายแล้ว” แววตาของหวางซูเฟินแสดงออกถึงอาการเศร้าโศกเสียใจ
หลินหยุนไม่ได้ตอบกลับ แม้ว่าเขาต้องการที่จะเรียกแม่ออกไปสักคำ แต่เพื่อความปลอดภัยของหวางซูเฟิน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่สมควร
เมื่อมีคนในครอบครัวแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็จะมีความเป็นห่วงเป็นใยขึ้น เวลาที่เขาทำงาน ก็จะยิ่งมีความพะวงหน้าพะวงหลังมากขึ้น อีกทั้งยังจะถูกศัตรูจับมาข่มขู่กับเขาอีกด้วย
โจวเฟินก็คือกรณีตัวอย่าง
แบบนี้ควรที่จะหลบตัวอยู่ในที่ลับดีกว่า คอยปกป้องคนในครอบครัวอย่างเงียบ ๆ อีกทั้งยังไม่เป็นการทำลายประวัติศาสตร์ และไม่ทำให้โชคชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมาก
หลังจากที่หลินหยุนนำน้ำชี่ทิพย์มอบให้กับฉินหลันแล้ว บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็ยังไม่รีบร้อนที่จะเปิดตัวซุปบำรุงร่างกายเมนูใหม่ออกมา โดยทำตามวิธีการของฉินหลัน พวกเขาต่างก็กำลังรออยู่
หลินหยุนเคยพูดไว้ว่า ซุปอเนกประสงค์ของบริษัท หัวอัน กรุ๊ป จะมีผลออกฤทธิ์เพียงแค่ครึ่งเดือน เมื่อผ่านเกินครึ่งเดือนไปแล้ว ผู้บริโภคจำนวนมากก็จะพบว่า โรคภัยไข้เจ็บของพวกเขาที่หายดีแล้ว ได้มีอาการกำเริบขึ้นอีกครั้ง
อีกทั้ง อาการเจ็บป่วยที่กำเริบขึ้นอีกครั้งนี้ จะทำให้พวกเขามีความเจ็บปวดทรมานมากขึ้นกว่าเดิม
จากนั้น พวกเขาก็จะรับรู้ได้ว่า ซุปอเนกประสงค์ของบริษัท หัวอัน กรุ๊ป ไม่มีผลต่อพวกเขาอีกแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะเป็นช่วงเวลาและโอกาสที่เหมาะสมที่สุดที่จะได้เปิดตัวนำเสนอซุปบำรุงร่างกายเมนูใหม่ของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
ไม่ว่าก่อนหน้านี้ซุปอเนกประสงค์ของบริษัท หัวอัน กรุ๊ปจะได้รับความนิยมมากแค่ไหน ในที่สุดก็เหมือนเป็นเพียงการปูทางให้กับซุปบำรุงร่างกายของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเท่านั้น
ถึงขนาดที่ว่า บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปสามารถที่จะลดต้นทุนค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ลงไปได้อีกด้วย
ทุกอย่างตรงตามที่ฉินหลันคาดการณ์เอาไว้ หลายวันมานี้ตระกูลส้งกำเริบเสิบสานอย่างที่สุด โดยการก่อเรื่องยั่วยุกิจการร้านอาหารในมณฑลจงโจวจนทุกคนต่างโมโหคับข้องใจกันไปทั่ว
ถึงขนาดที่ว่า แม้แต่ประชาชนของมณฑลบริเวณโดยรอบหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้แล้ว ก็ทยอยกันมาที่มณฑลจงโจวเพื่อซื้อซุปอเนกประสงค์
ยังมีคนบางกลุ่มที่มาพุดคุยเจรจาความร่วมมือกับตระกูลส้ง รวมไปถึงการเป็นตัวแทนจำหน่าย
การรับรู้ได้กลิ่นของนักธุรกิจ ในตอนนี้ถือว่ามีความเฉียบคมว่องไวมากที่สุด
แม้ว่าซุปอเนกประสงค์ของตระกูลส้งที่เพิ่งขายได้จำนวนมากเพียงไม่กี่วัน แต่นักธุรกิจที่ต่าง ๆ ของประเทศจีน สามารถรับรู้ได้ถึงโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ จึงได้ทยอยกันมายังมณฑลจงโจว
ส้งหัวอันยังไม่พร้อมที่จะขยายธุรกิจของเขาในช่วงนี้ เพราะว่าสูตรของซุปอเนกประสงค์ ยังคงอยู่ในการครอบครองของโม่จือมิ่ง
โม่จือมิ่งก็เชื่อฟังเยนเป่ยเฟย ส่วนเยนเป่ยเฟยต้องการอะไร ส้งหัวอันก็รู้ดีอยู่แก่ใจชัดเจน
ก่อนที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปจะล้มละลาย ต่อให้ส้งหัวอันต้องการที่จะขยายกิจการไปทั่วประเทศ แต่เยนเป่ยเฟยก็ไม่มีทางเห็นด้วยอย่างแน่นอน
ชั่วพริบตาเดียว ก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว
พนักงานในร้านอาหารภายใต้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ต่างทยอยออกมาร้องเรียน โดยที่พวกเขาไม่ได้ประกอบกิจการมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
มนุษย์ก็คือสัตว์ที่มีความขัดแย้งอย่างมาก ก่อนหน้านี้ตอนที่มีลูกค้าจำนวนมาก พวกพนักงานต่างก็บ่นกันว่า ลำบากเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน แม้จะมีเงินส่วนแบ่งให้ ก็ไม่ต้องการแล้ว
แต่ตอนนี้กิจการซบเซาลง พวกเขาต่างก็มีเวลาว่างแล้ว แต่เงินส่วนแบ่งก็น้อยลงด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ พวกพนักงานเริ่มที่จะบ่น ไม่มีธุรกิจ เงินส่วนแบ่งน้อย ใกล้ที่จะต้องอดอยากกันแล้ว
เดิมทีตามที่หลินหยุนได้คาดการณ์เวลาเอาไว้นั้น ซุปอเนกประสงค์ของบริษัท หัวอัน กรุ๊ปจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน ถึงจะหมดฤทธิ์ไม่เห็นผล
แต่ว่าหลินหยุนได้ประเมินค่าวิชากลั่นยาและยาบนโลกใบนี้สูงเกินไป
ต่อให้ใช้วิชากลั่นยาระดับสูงสุดของโม่จือมิ่ง ยาที่กลั่นออกมานั้นเมื่อเทียบกับที่หลินหยุนคาดการณ์เอาไว้ มีคุณภาพด้อยกว่าถึงสองเท่าเลยทีเดียว
หนึ่งสัปดาห์ ประสิทธิผลของยาก็เสื่อมลงแล้ว
ในตอนนี้ ซุปสมุนไพรจีนบำรุงสุขภาพที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเตรียมนำเสนอนั้น ได้เปิดตัวออกมาอย่างยิ่งใหญ่แล้ว