จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 374 วิชาการฝังเข็มปลิดชีพ
นับตั้งแต่ที่หมอเทพนิรนามคนหนึ่งได้มอบวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงให้กับสมาคมการแพทย์ของประเทศจีน ก็กลายเป็นเนื้อหอมที่นิยมและยอมรับในบรรดาแพทย์ทั้งหลาย
แต่ว่า หลังจากที่ทุกคนได้ศึกษาแล้วจะพบว่า วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงช่างลึกลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก แม้ว่าหลินหยุนได้ปรับรูปแบบบ้างแล้ว โดยที่ไม่ต้องใช้ชี่แท้ก็สามารถฝังเข็มได้ แต่ทว่า วิธีการฝังเข็มและเทคนิคที่แปลกประหลาด ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาแพทย์ชื่อดังทั้งหลายต้องหยุดอยู่กับที่เพียงเท่านี้
แต่แพทย์ชื่อดังจำนวนมากในสมาคมการแพทย์ของประเทศจีน มักจะมีผู้ที่มีความอุตสาหะที่ยิ่งใหญ่และพรสวรรค์ความสามารถอยู่บ้าง ไม่กลัวต่อความยากลำบาก พบกับความล้มเหลวหลายครั้งแต่ก็ไม่เสียใจย่อท้อ จนในที่สุดก็ศึกษาจนสำเร็จ
ก็เหมือนกับแพทย์เบื้องหน้าผู้นี้ วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงของเขาแม้ว่าจะยังไม่ชำนาญ แต่ก็ยังรู้และเข้าใจในวิธีการอยู่บ้าง บางทีฝึกฝนต่ออีกสักครึ่งปีก็คงจะชำนาญโดยสมบูรณ์
แต่ว่า วันนี้เขาได้พบกับคนป่วยที่ทำให้เขาพบเจอกับความยากลำบาก ต้องการที่จะใช้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงที่ยังไม่ชำนาญ เพื่อเอาชนะให้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
แม้ว่าถ้าหากเขาทำสำเร็จ วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงของเขาก็คงจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกมาก แต่ว่า หากล้มเหลวเมื่อไหร่ ผู้ป่วยคนนั้นก็จะเสี่ยงต่ออันตราย
ในตอนแรก การฝังเข็มของแพทย์ชื่อดังก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่า เมื่อวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงถึงขั้นตอนการฝังเข็มที่ยากและซับซ้อนมากขึ้น การปฏิบัติเคลื่อนไหวของเขาก็ค่อยๆ ช้าลง
อีกทั้ง การปฏิบัติของเขาดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชำนาญ ชัดเจนว่า วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงที่ไม่ชำนาญของเขานั้น หมดหนทางไม่มีวิธีการรับมือกับสภาพอาการที่กำลังเผชิญหน้าแล้ว
ซ่างกวงเย่าสือขมวดคิ้ว ฉู่หยุนหวาขมวดคิ้ว กู่เชียนซานยิ้มอย่างเย็นชา เหมือนกับว่ากำลังรอดูเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ชัดเจนว่า ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่า แพทย์ชื่อดังคนนี้เหมือนถูกบังคับใช้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ซึ่งเป็นไปได้อย่างมากที่จะพบกับความล้มเหลว
เดิมทีเด็กน้อยมีสีหน้าท่าทางที่ค่อยๆ สบายตัวมากขึ้น แต่หลังจากใช้การฝังเข็มที่ไม่ค่อยชำนาญ ความสบายตัวก็ค่อยๆ เลือนหายไป กลายเป็นอาการที่อึดอัดทรมาน เหมือนกับว่ากำลังทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดที่เหลือทน
หมอผู้นี้มีสีหน้าท่าทางที่ตึงเครียดมากขึ้น จนถึงขนาด แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ และบนหน้าผากก็มีเม็ดเหงื่อปรากฏขึ้นด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้น เข็มเงินที่เล็กและบางเข็มหนึ่ง ในขณะที่ยกเข็มขึ้นมา ใช้เทคนิคการฝังเข็มที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เข็มพลาดฝังลึกลงไปในตำแหน่งจุดประสาทเล็กน้อย
เด็กน้อยอุทานขึ้นในทันที ศีรษะเอียง แล้วสลบลงไปที่พื้น และยังเป็นตะคริวไปทั่วทั้งร่างกาย!
“ไม่ดีแล้ว!” หมอคนนั้นก็ตกใจและตะโกนเสียงดังขึ้น ร่างกายทรุดจนนั่งลงไปที่พื้น
“ข้า ข้าเสียใจจริงๆ! ข้าไม่ควรโอ้อวด ทั้งๆ ที่ข้ายังไม่ชำนาญวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ข้าผิด ไปแล้ว!” หมอผู้นั้นนั่งอยู่กับพื้นและร้องโอดครวญเสียงดัง
“หลบไป!”
มันสายเกินไปที่จะพูดแล้ว ตอนที่เด็กน้อยล้มตัวลงไปกองอยู่กับพื้น ฉู่หยุนหวาก็รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับในมือได้ถือเข็มทองขนาดเล็กและบางจำนวนสามเข็ม
ฉู่หยุนหวาฝังเข็มติดต่อกันสามเข็มรวดเดียวลงไปที่บนศีรษะของเด็กน้อยคนนั้น ยก ส่ง บิด หมุน
ซึ่งเป็นท่าทางการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนแต่ชำนาญโดยเพียงชั่วครู่ อาการเป็นตะคริวในร่างกายของเด็กน้อยคนนั้น ก็ค่อยๆ หายดีขึ้นเป็นลำดับ
ฟู่ว์!
ทุกคนต่างก็เบาใจลงได้แล้ว!
“ไม่เป็นไรแล้ว!” ฉู่หยุนหวาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จากนั้นก็จ้องมองไปยังหมอผู้นั้นด้วย สีหน้าที่หม่นหมอง “ต่อจากนี้ไป หากสิ่งใดที่ไม่ชำนาญการแล้ว ห้ามนำผู้ป่วยมาเป็นผู้ทดลองโดยเด็ดขาด เมื่อเกิดความล้มเหลวขึ้น นั่นคือหนึ่งชีวิตคนเชียวนะ ส่วนคุณ ก็คือฆาตกรฆ่าคน!”
“ตกลง ข้ารู้ถึงความผิดแล้ว ราชาแพทย์สั่งสอนตักเตือนได้ถูกต้อง ข้าจะจดจำเอาไว้!” ผู้อาวุโสเลื่อมใสศรัทธา
ซ่างกวงเย่าสือมองไปที่ฉู่หยุนหวา พูดชมเชยขึ้นว่า “วิชาการฝังเข็มปลิดชีพ ยื้อแย่งชีวิตกับสวรรค์ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!”
กู่เชียนซานก็เผยท่าทางตกตะลึงออกมาเช่นกัน และพูดชมเชยเบาๆ ว่า “นี่คือวิชาการฝังเข็ม ปลิดชีพใช่ไหม? ถือว่าเป็นเคล็ดลับวิชาที่ยอดเยี่ยม”
หลินหยุนจ้องมองไปที่ฉู่หยุนหวา ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก
ส่วนผู้ชมโดยรอบเหล่านั้น ก็ถูกความสามารถนี้ของฉู่หยุนหวาจนถึงกับทำให้ตะลึงไปตามๆ กัน
เห็นกันอยู่ว่าหนึ่งชีวิตใกล้ที่จะดับสูญไป แต่ราชาแพทย์ใช้วิชาการรักษาที่สูงส่งช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ได้ ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง!
“ราชาแพทย์ คู่ควรและเหมาะสมจริงๆ!”
“วิชาการฝังเข็มปลิดชีพ เยี่ยมยอดทีเดียว! วันนี้ได้พบเห็น คุ้มค่ามากกับการที่มาชมในวันนี้!”
“ในชีวิตของข้านี้สามารถเห็นการใช้วิชาการฝังเข็มปลิดชีพของตระกูลฉู่ นับว่าคุ้มค่ากับการใช้ชีวิตแล้ว ฮ่าฮ่า!”
ทุกคนต่างก็ยกย่องชมเชยฉู่หยุนหวา อย่างถึงที่สุด
ฉู่หยุนหวาสีหน้าท่าทางเมินเฉย ไม่ได้ภาคภูมิใจอะไรแม้แต่น้อย
แต่ว่า ฉู่หมิงเฉิงที่อยู่ด้านล่าง กลับมีสีหน้าท่าทางที่กระหยิ่มยิ้มย่อง มองไปที่หลินหยุนด้วยสายตาที่หยิ่งยโส “หลินหยุน เห็นแล้วหรือยัง นี่ก็คือความสามารถที่แท้จริงของตระกูลฉู่ วิชาการฝังเข็มปลิดชีพ ยื้อแย่งชีวิตกับสวรรค์! ซึ่งลำพังแค่นาย จะเอาอะไรมาต่อกรกับตระกูลฉู่ของข้าได้ล่ะ!”
ซ่างกวงชิงฉันมีสีหน้าที่เคร่งขรึมเล็กน้อย “วิชาการฝังเข็มปลิดชีพของตระกูลฉู่ ยอดเยี่ยมทีเดียว! แต่น่าเสียดายที่ ไอ้เด็กโง่ฉู่หมิงเฉิง จนถึงตอนนี้ก็ยังศึกษาและฝึกฝนไม่สำเร็จเสียที”
กรรมการได้จดบันทึกผลคะแนนของแพทย์ชื่อดังคนสุดท้ายนี้ จากนั้นก็มองไปที่ฉู่หยุนหวาและพูดขึ้นว่า “ขอบคุณมากที่ราชาแพทย์ได้ช่วยเหลือชีวิตของเขาเอาไว้ได้ทันเวลา!”
ฉู่หยุนหวาพูดว่า “ในฐานะแพทย์ นี่คือหน้าที่และความรับผิดชอบของข้า”
กรรมการพยักหน้า และกล่าวต่อไปว่า “กลุ่มต่อไป”
ก็ยังเป็นผู้ป่วยห้าคนที่ถูกนำตัวมา และยังคงเป็นคนชราหนึ่งคนและเด็กหนึ่งคน ชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวหนึ่งคน
ตอนนี้เหลือเพียงแค่หลินหยุน กู่เชียนซาน ซ่างกวงเย่าสือ แม้แต่ฉู่หยุนหวาเมื่อครู่ก็ได้แสดงความสามารถออกไปบ้างแล้ว
กู่เชียนซานยิ้มอย่างเย็นชาและกวาดสายตามองไปที่หลินหยุนกับซ่างกวงเย่าสือ แต่ไม่ได้แสดง ทีท่าที่ต้องการจะลงแข่งขัน
หลินหยุนก็ไม่ได้เคลื่อนไหว โดยหลับตาสองข้างลงเล็กน้อย
ซ่างกวงเย่าสือวางแขนทั้งสองข้างลง พูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “ข้าเอง”
ฉู่หยุนหวาหยุดหายใจชั่วขณะ แล้วมองไปที่ซ่างกวงเย่าสือ เหมือนกับว่าไม่ต้องการพลาดใน ทุกจังหวะการเคลื่อนไหว
ในฐานะที่เป็นอันดับสองของการแข่งขันราชาการแพทย์ในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเกือบที่จะเอาชนะ ฉู่หยุนหวาได้แล้ว ทำให้ซ่างกวงเย่าสือกลายเป็นคู่ต่อกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉู่หยุนหวามาโดยตลอด
แน่นอนว่า กู่เชียนซานก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน
พวกผู้ชมที่อยู่ด้านหลัง ต่างก็ชะเง้อคอยาวกันหมดแล้ว โดยมองไปที่ซ่างกวงเย่าสือ ซึ่งหวังว่าจะไม่พลาดในทุกจังหวะการเคลื่อนไหว
การแข่งขันราชาการแพทย์ในครั้งที่ผ่านมา ซ่างกวงเย่าสือได้แสดงวิชาการฝังเข็มเบญจพิษที่เก่งกาจแห่งตระกูลซ่างกวง
วิชาการฝังเข็มเบญจพิษดัดแปลงมาจากวิชาการฝังเข็มห้ามังกรสายฟ้าอัคคีของท่านหวังจ้งเหวิน ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มในสมัยราชวงศ์ชิง วิชาการฝังเข็มนี้ใช้แมลงมีพิษห้าชนิดที่มีคุณสมบัติควบคุมบังคับซึ่งกันและกัน มากำจัดขับไล่อาการป่วยของโรคให้หายไป ซึ่งได้ช่วยเหลือคนมานับไม่ถ้วนแล้ว
ซ่างกวงเย่าสือค่อยๆ หยิบเข็มเงินออกมาจากกล่องที่สั่งทำพิเศษกล่องหนึ่ง โดยด้านบนเข็มเงินเหล่านี้ของเขานั้น ปรากฏแสงเปล่งประกายของสีที่แตกต่างกัน
ชัดเจนว่า เข็มเงินเหล่านี้ต่างก็ผ่านการชุบเบญจพิษมาก่อนแล้ว
ในตอนเริ่มต้น ซ่างกวงเย่าสือก็แสดงทักษะความสามารถประจำตระกูลออกมาเลย นั่นก็คือวิชาการฝังเข็มเบญจพิษ
หลังจากการฝังเข็มแล้ว ก็เขียนสูตรยาแจกจ่ายให้กับผู้ป่วย
ซ่างกวงเย่าสือรักษาผู้ป่วยโดยใช้วิธีการแพทย์แผนจีนอย่างเดียวเลย
นั่นแสดงให้เห็นว่า แพทย์ที่มีทักษะวิชาการแพทย์สูงส่ง ต่างก็ใช้เฉพาะแพทย์แผนจีนในการรักษา
คนป่วยทั้งห้าคนไม่มีใครที่สามารถสร้างความยากลำบากให้กับซ่างกวงเย่าสือได้เลย โดยกรรมการได้จดบันทึกสูตรยาของซ่างกวงเย่าสือ รวมไปถึงปฏิกิริยาการตอบรับของผู้ป่วย เพื่อสะดวกในการตัดสินให้คะแนน
“วิชาการฝังเข็มเบญจพิษช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” ฉู่หยุนหวาพูดชมเชยขึ้น
ผู้ชมบริเวณโดยรอบเหล่านั้นต่างก็แสดงท่าทางประหลาดใจ “วิชาการฝังเข็มเบญจพิษของ ซ่างกวงเย่าสือ ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง!”
“ใช่สิ ข้าคิดว่าต่อให้เปรียบเทียบกับวิชาการฝังเข็มปลิดชีพของฉู่หยุนหวา ก็คงจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่!”
“ถูกต้องเลย วิชาการฝังเข็มทั้งสองนี้จัดอยู่ในระดับเดียวกัน โดยการแข่งขันในครั้งก่อนนั้น ซ่างกวงเย่าสือพ่ายแพ้ให้กับฉู่หยุนหวาเพียงแค่เล็กน้อย ครั้งนี้คิดว่าจะต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแน่นอน แต่ว่า หากจะพูดถึงวิชาการฝังเข็มจริงๆ แล้วนั้น วิชาการฝังเข็มปลิดชีพกับวิชาการฝังเข็มเบญจพิษ ต่างก็ไม่สามารถเทียบได้กับวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง”
“วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงยอดเยี่ยมมากอย่างแท้จริง แต่ก็ยากมากที่จะเรียนรู้จนสำเร็จ คุณไม่เห็นคนเมื่อครู่หรือยังไง เพราะว่าเรียนรู้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงยังไม่ชำนาญ เกือบที่จะทำให้คนเสียชีวิต!”
“นั่นก็เพราะตัวเขาเองที่ไม่พากเพียรเรียนรู้จนถ่องแท้ ประเทศจีนที่กว้างใหญ่ของพวกเรา ในเมื่อมีคนสามารถคิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงขึ้นมาได้ ก็คงจะต้องมีคนที่สามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างชำนาญ”
ได้ยินที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ กู่เชียนซานก็แสดงท่าทางที่กระหยิ่มยิ้มย่องออกมา
ซ่างกวงเย่าสือกลับเข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งของตน กรรมการจดบันทึกเรียบร้อย และตะโกนต่อว่า“กลุ่มต่อไป”
กู่เชียนซานมองไปที่หลินหยุน พบว่าหลินหยุนยังคงไม่มีท่าทีที่จะลงแข่งขัน เขาก็ทำเป็นเมินเฉยด้วยเช่นกัน
ฉู่หยุนหวาเห็นสถานการณ์ดังกล่าว จึงเดินขึ้นมาด้านหน้าและพูดว่า “ข้าลงแข่งเอง!”