จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 383 รอบแรกของการท้าแข่ง
“เหลวไหล! คนอย่างข้าต้องให้แกสอนด้วยเหรอ!” เซี่ยหมิงเห้าโกรธมาก
พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ยังไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
เซี่ยหมิงเห้าร้อนรนแล้ว “เจ้าเด็กนี่ ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
สำหรับความแข็งแกร่งของนักบู๊ คนรอบๆที่อยู่ในสนามมีคนมากมายที่ไม่รู้เรื่อง แต่ว่า พวกเขาดูออกว่า หลินหยุนกำลังได้เปรียบอยู่
“ขอโทษนางซะ” หลินหยุนจ้องมองเซี่ยหมิงเห้าด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เซี่ยหมิงเห้ายิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ฝันไปเถอะ! พวกแกมันก็แค่ฝูงมด ไม่คู่ควรกับคำขอโทษจากตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนหรอก?”
หลินหยุนไม่เถียงกับเขา เริ่มเพิ่มแรงตรงข้อมือ
“อ๊าก!”
จู่ๆเซี่ยหมิงเห้าก็ร้องด้วยความเจ็บปวด คนที่ได้รับการดูแลมาอย่างทะนุถนอมอย่างเขา ไม่เคยรับความเจ็บปวดแบบนี้แม้แต่น้อย
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ แกเชื่อไหมว่าข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!” เซี่ยหมิงเห้าร้องตะโกนด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
“ขอโทษ!” น้ำเสียงของหลินหยุนยังคงสงบนิ่ง พูดซ้ำประโยคเมื่อกี้อีกครั้ง
“ฝันไปเถอะ!” เซี่ยหมิงเห้าเจ็บปวดจนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมขอโทษ
คนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ตั้งแต่ยุคโบราณก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมาโดยตลอด ให้เขาขอโทษผู้หญิงจากโลกมนุษย์คนหนึ่ง มันน่าอายยิ่งกว่าเอารองเท้ามาฟาดหน้าเขาสักอีก!
หลินหยุนเพิ่มแรงตรงข้อมือไปเรื่อยๆ ต่อให้เซี่ยหมิงเห้าจะเป็นนักบู๊คนหนึ่ง ตอนนี้มือของเขาก็คงใกล้จะหักแล้ว
คนรอบๆต่างก็เหงื่อแตกซีด แม้แต่ท่านหลิวก็ร้อนรนไม่น้อย เซี่ยหมิงเห้าต่อให้จะไร้มารยาทและหยิ่งผยอง แต่ก็ยังเป็นคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ถ้าเกิดหลินหยุนทำร้ายเขา ต่อให้รวมคนที่อยู่ที่นี่ ก็รับผิดชอบไม่ไหว!
แต่ว่า ความกังวลของคนพวกนี้เป็นแค่ของส่วนเกิน
คุณชายอย่างเซี่ยหมิงเห้าที่ไม่เคยตกลำบากมาก่อน ที่ทนมาได้ขนาดนี้ก็เพราะแรงใจ พอปล่อยวาง สติของเขาก็เหมือนกับเขื่อนน้ำที่แตกออก ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“หยุด หยุด ผมขอโทษแล้ว!”
เซี่ยหมิงเห้าร้องออกมาด้วยไร้เรี่ยวแรง
หลินหยุนจึงยอมปล่อยมือ เซี่ยหมิงเห้ารีบเอามือกลับมาด้วยความเร็วสูงในทันที จ้องมองหลินหยุนด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว
เวลาสั้นๆเพียงแค่นี้ เสื้อทั้งตัวของเขาก็เปียกไปด้วยเหงื่อ
“ขอโทษ!” เซี่ยหมิงเห้าก้มหัวให้กับโจวเฟิน แล้วพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
วินาทีที่ก้มหัว แววตาของเซี่ยหมิงเห้าก็แดงก่ำ ราวกับได้รับความอับอายอย่างใหญ่หลวง
เซี่ยหมิงเห้าแอบสาบานในใจของตัวเอง “ไอ้หนุ่ม แกจะต้องชดใช้กับกระทำของเจ้าในวันนี้! ข้าขอสาบาน!”
พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เซี่ยหมิงเห้าก็รีบกลับไปนั่งที่ของท่านหลิวอีกครั้ง จ้องมองท่านหลิวด้วยความเย็นชา แล้วถามว่า “ราชาการแพทย์ของพวกแกล่ะ? ต้องการท้าแข่งกับตระกูลใหญ่การแพทย์ของพวกเราไม่ใช่รึไง? ให้เขาออกมาเถอะ!”
ท่านหลิวพูดว่า “ตอนนี้เจ้าก็ได้เจอกับราชาการแพทย์แล้ว”
เซี่ยหมิงเห้าแอบด่าและสาปแช่งในใจ “เจ้าเด็กนี้เป็นราชาการแพทย์จริงๆงั้นเหรอ!”
“งั้นก็ได้ ในเมื่อเป็นราชาการแพทย์ งั้นจะวัดฝีมือกับแกในด้านทักษะการแพทย์ก็แล้วกัน พูดมาสิ แกต้องการแข่งยังไง?” เซี่ยหมิงเห้ามองไปยังหลินหยุนแล้วพูดออกมา ลึกๆในแววตาเหมือนจะซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้
ทุกคนหลังจากที่ได้รู้ความหมายที่เซี่ยหมิงเห้าพูดออกมา เขาบอกว่าต้องการแข่งทักษะการแพทย์กับหลินหยุน เน้นประโยคว่าทักษะการแพทย์ ดูเหมือนพอโดนหลินหยุนจับมือเมื่อกี้จะทำให้เกิดความหวัดกลัวสักแล้ว
ทุกคนต่างก็รู้สึกดูถูกเล็กน้อย คนของตระกูลใหญ่การแพทย์ ก็แค่พวกที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าตัวเอง
แต่ว่า ด้านทักษะการแพทย์ของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน กลับไม่มีใครกล้าดูถูก
ท่านหลินพูดเตือนด้วยตัวเองว่า “คุณหลิน ตระกูลใหญ่การแพทย์มีทักษะการแพทย์รอบด้าน ในฐานะที่คุณเป็นผู้ท้าชิง คุณสามารถเลือกหัวข้อ เพื่อเลือกทักษะการแพทย์ที่คุณถนัดที่สุดได้!”
ฉู่หยุนหวาเองก็บอกแล้ว “ทักษะการแพทย์ที่ตระกูลใหญ่การแพทย์อ่อนที่สุด ก็คือการวิชาการฝังเข็ม”
คนรอบๆต่างก็ส่งเสียงออกมาว่า “ราชาการแพทย์ เลือกวิชาการฝังเข็ม! วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงของคุณ ต่อให้เทียบกับตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ก็คงไม่ห่างชั้นกันมาก!”
กู่เชียนซานยิ้มด้วยใบหน้าที่เย็นชา แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร “เฮิง ความสามารถที่แท้จริงของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ไม่ใช่สิ่งที่หมอทั่วไปอย่างพวกแกจะสามารถเดาออกได้!”
ดูเหมือนหลินหยุนจะไม่ได้ฟังคำเตือนของทุกคน ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ไม่ได้เห็นเซี่ยหมิงเห้าอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ “แล้วแต่”
……
ทุกคนพูดอะไรไม่ออก!
“ราชาการแพทย์คนใหม่คนนี้ยังคงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง!”
“นี่เป็นคนแรกที่กล้าพูดคำว่าแล้วแต่กับคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน”
ท่านหลิวและฉู่หยุนหวาคิ้วขมวด หลินหยุนดื้อรั้นเกินไปแล้ว
คนที่เขาต้องเผชิญในตอนนี้ ไม่ใช่หมอทั่วไป แต่เป็นตระกูลใหญ่ที่เต็มไปด้วยปริศนาและแข็งแกร่งมากอย่าง ตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน!
แต่ว่า พวกเขาก็ทำได้แค่ร้อนรน ความดื้อรั้นของหลินหยุน พวกเขาเห็นมาตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของหลินหยุนได้
เซี่ยเจี้ยนโก๋เองก็ตกใจ นี่เป็นโอกาสเดียวของเขา จะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด
“เสี่ยวหยุน เธอจะต้องระมัดระวังให้ดี อย่าดูถูกศัตรูเป็นอันขาด! เบื้องหลังของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถจินตนาการได้”
ใบหน้าของเซี่ยหมิงเห้าได้เผยความดีใจออกมาแวบหนึ่ง “เจ้าเด็กนี่มันจะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว! ข้ากำลังกังวลอยู่ว่าเขาจะเลือกทักษะการแพทย์ที่ข้าไม่ถนัด นึกไม่ถึงว่าเขาจะให้ข้าเป็นคนเลือกหัวข้อในการแข่งขัน!”
เซี่ยหมิงเห้ารีบพูดออกไปว่า “เจ้าเด็กน้อย แกเป็นคนรนหาที่เองนะ เดี๋ยวแพ้แล้วอย่าโทษข้าล่ะ!”
“ในเมื่อพวกเขาให้เจ้าเลือกวิชาการฝังเข็ม งั้นข้าจะทำตามความปรารถนาของเจ้า คนอื่นจะได้ไม่หาว่าตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนไม่ยุติธรรม!”
เซี่ยหมิงเห้ามีท่าทางที่รอไม่ไหว กลัวว่าจู่ๆหลินหยุนจะเปลี่ยนความคิด
หลินหยุนพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ได้”
ท่าทางที่สงบนิ่งแบบนั้น ราวกับไม่ได้กำลังเผชิญอยู่กับตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ดูไม่แตกต่างจากเห็นแมวกับหมาด้วยซ้ำ
เซี่ยหมิงเห้าพูดด้วยความดีใจว่า “ดี!”
“พวกแกก็เห็นแล้ว เขาเป็นคนพูดออกมาเอง”
“งั้นก็เริ่มกันเถอะ!”
เฮ้อ……
เซี่ยเจี้ยนโก๋และคนรอบๆ ต่างก็ถอนหายใจออกมา ราวกับรู้สึกเสียดายแทนหลินหยุน
ท่านหลิวเดินมาอยู่ตรงหน้า มองไปอย่างหลินหยุน และพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “ตามกฎที่ระบุเอาไว้ ราชาการแพทย์สามารถท้าแข่งกับคนเฝ้าประตูของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนได้สามรอบ ขอแค่ชนะได้สองรอบ ก็ถือว่าชนะ!”
“ด้วยข้อตกลงจากปากคำของทั้งสอง การแข่งขันรอบแรก เป็นวิชาการฝังเข็ม ทั้งสองฝ่ายยังมีอะไรจะพูดเสริมอีกหรือไม่?”
หลินหยุนพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ไม่มี”
เซี่ยหมิงเห้ามองไปยังหลินหยุน แล้วเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “ไม่มี”
ท่านหลิวพูดว่า “ข้าขอประกาศ เริ่มการแข่งขัน รอบแรก ณ บัดนี้
สำหรับการแข่งขันของทักษะการแพทย์ สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุดก็คือให้คนป่วยเป็นคนยืนยัน
คนป่วยที่เตรียมมาเพื่อการแข่งขันราชาการแพทย์มีอยู่เยอะมาก แถมยังมีการแบ่งระดับ ผู้ป่วยอาการหนักที่เตรียมมาในครั้งนี้ ล้วนเป็นโรคที่ร้ายแรง
พอดีเลย จะได้เอามาใช้ในการท้าแข่งในครั้งนี้ เพื่อรักษาโรคที่ร้ายแรงของผู้ป่วย
คนป่วยคนนี้ถูกเจ้าหน้าที่ยกออกมาพร้อมกับเตียงผู้ป่วย เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว จากผลวิจารณ์ของหมอหลายคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อย่างมากก็คงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสิบวัน
ท่านหลิวได้ทำการแนะนำอาการคร่าวๆของผู้ป่วยให้ทั้งสองคนฟัง จากนั้นก็พูดว่า “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกคุณแล้ว”
หลินหยุนเดินเข้าไป ตรวจสอบอาการของผู้ป่วยไปพักหนึ่ง
ผู้ป่วยเป็นชายชราวัยห้าสิบกว่า บางทีเพราะป่วยเป็นประจำ ผมจึงร่วงหมดหัว สวมชุดผู้ป่วยลายทางสีขาว หน้าบวมเป็นอย่างมาก จนไม่สามารถเห็นหน้าที่แท้จริงได้
แต่ว่า ดูเหมือนจิตใจของเขายังพอไหว เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมาก
“คุณหมอ ยังไงซะผมก็มีชีวิตอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน พวกคุณลงมือได้เต็มที่! ผมได้ทำพินัยกรรมไว้แล้ว ถ้าเกิดโชคร้ายเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ก็ถือซะว่าเป็นความซวยของผม ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเอาผิดได้”
พอพูดจบ เขาก็ยิ้มออกมา แต่ว่าทันใดนั้น เขาก็เจ็บปวดไปทั่วร่างกายจนสั่นขึ้นมา
มะเร็งระยะสุดท้าย มะเร็งได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว จะเกิดความเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ต่อให้ใช้ยาระงับความเจ็บปวดก็ไม่เป็นผลแล้ว
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร มะเร็งระยะสุดท้าย ต่อให้เป็นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกซะจากปรับปรุงร่างกายใหม่ แต่ว่า ด้วยการบำเพ็ญของเขาในตอนนี้ ยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้
สิ่งที่เขาสามารถทำได้ ก็แค่ลดความเจ็บปวดจากโรค และยืดชีวิตของผู้ป่วยก็เท่านั้น
เซี่ยหมิงเห้าเองก็เดินไปข้างหน้า มองผู้ป่วยด้วยสายตารังเกียจเล็กน้อย พูดออกไปอย่างไม่พอใจว่า “พวกแกเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คนคนนี้ใกล้จะลงโรงอยู่แล้ว พวกแกยังให้ข้ามารักษาเขาอีก! พวกแกตั้งใจส่งเรื่องยากมาให้ข้าใช่ไหม?”