จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 400 คนหน้าด้านไร้ยางอายที่สุด
ในไม่ช้า ฉินโสว่กับโหลวจิ้งโยว รับจางเหมิงและเหยียนเสวเหวินมาถึงห้องวีไอพี
ทันทีที่จางเหมิงและเหยียนเสวเหวินปรากฏตัว ก็ดึงดูดความสนใจจากทุกคนทันที
“โอ้ ฮีโร่ของเราในวันนี้มาแล้ว!”
“ให้พวกเราปรบมือเสียงดัง ต้อนรับฮีโร่ของพวกเราหน่อย!”
เพี๊ยะๆๆๆ!
มีเสียงปรบมืออย่างดังในห้องวีไอพี
เหยียนเสวเหวินรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย และดวงตาของจางเหมิงเปล่งประกาย
แน่นอน แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ ทำไมพวกเขาถึงได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้
ฉินโสว่โค้งคำนับให้เหยียนเสวเหวินอย่างสุดซึ้งและพูดว่า “ขอบคุณ พี่เหยียนสำหรับความช่วยเหลือครั้งนี้ บุญคุณอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ฉินโสว่จะจำฝังใจ!”
แม้ว่าฉินโสว่จะไม่เคยถูกชะตากับเหยียนเสวเหวิน แต่ขณะนี้เขาได้เป็นหนี้บุญคุณเขาแล้ว ฉินโสว่ทำได้เพียงก้มหัวอย่างเชื่อฟังเท่านั้น
เหยียนเสวเหวินหัวเราะเบาๆและพูดว่า “น้องฉินไม่ต้องเกรงใจหรอก ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน สมควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
จางเหมิงที่อยู่ข้างๆยิ้มและพูดว่า “ใช่ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ไม่ต้องเกรงใจ!”
ใบหน้าของจางเหมิงและเหยียนเสวเหวินดูไม่เป็นธรรมชาติเลย
เทพฟ้าผ่ารู้สึกสงสัย ปกติจางเหมิงกับเหยียนเสวเหวินไม่ใช่คนถ่อมตนเช่นนี้!
พฤติกรรมของสองคนนี้…
“จางเหมิง ฉันจำได้ว่าเมื่อวานตอนที่โหลวจิ้งโยวขอร้องเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะปฏิเสธไปแล้วนี่? ทำไมจู่ๆถึงแสดงความเมตตา และช่วยเหลือฉินโสว่ล่ะ?” เทพฟ้าผ่าถามจางเหมิงอย่างสงสัย
ทันใดนั้นในห้องก็เงียบสงบขึ้นทันที
นี่เป็นข้อสงสัยในใจของเพื่อนๆหลายคนเช่นกัน
เมื่อวานเนื่องจากหลินหยุนแทรกเข้ามาอย่างเด็ดขาด ทำให้โหลวจิ้งโยวยกเลิกการขอความช่วยเหลือจากจางเหมิง และจางเหมิงก็ขู่ต่อหน้าฝูงชนอย่างได้เปรียบว่า แม้ว่าโหลวจิ้งโยวจะขอร้องเธอ เธอก็จะไม่ช่วยเด็ดขาด!
แต่หลังจากผ่านไปเพียงวันเดียว ทำไมจางเหมิงถึงเปลี่ยนใจ?
มันไม่สมเหตุสมผล!
นี่ไม่ใช่อุปนิสัยของจางเหมิง!
“ใช่แล้ว ทำไมเป็นเช่นนี้” เพื่อนร่วมชั้นทุกคนมองไปที่จางเหมิง รอเธออธิบายให้ทุกคนฟัง
ใบหน้าที่สวยงามของจางเหมิงแดง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเพราะอะไร? เธอไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเหยียนเสวเหวินเลย!
วันนี้จู่ๆก็ได้ยินมาว่า ท่านเจี่ยงได้ขับไล่คนของตระกูลกงออกไปแล้ว
นอกจากปรมาจารย์หลิน ใครสามารถสั่งท่านเจี่ยงได้?
ดังนั้นเรื่องนี้นอกจากเหยียนเสวเหวินแล้ว ใครจะสามารถช่วยเรื่องนี้ได้บ้าง?
ทุกคนรู้ว่า มีเพียงเหยียนเสวเหวินเท่านั้นที่สามารถเชิญปรมาจารย์หลินได้!
ดังนั้นแน่นอนจางเหมิงก็ต้องยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนช่วยเหลือฉินโสว่
เมื่อเห็นว่าจางเหมิงไม่สามารถตอบได้ ทุกคนก็ยิ่งสงสัย
ในเวลานี้ ทันใดนั้นโหลวจิ้งโยวก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ทุกคนอย่าเดาเลย ฉันเป็นคนไปขอร้องเหมิงเหมิงอีกครั้ง แม้ว่าเหมิงเหมิงจะไม่ตอบตกลง แต่ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนที่ปากร้ายใจดี และในที่สุดก็ช่วยเหลือพวกเรา!”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!
โหลวจิ้งโยวผู้ที่เกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจงด้วยตนเอง ทุกคนก็เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยแน่นอน
จางเหมิงก็พูดไปตามสถากาณณ์ว่า “ใช่แล้ว ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ฉันจะทนเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยได้ยังไง!”
“ไม่เสียแรงที่เป็นถึงดาวประจำมหาลัย มีความชอบธรรม จิตใจเช่นนี้พวกเราขอชื่นชม!” ชายผู้หนึ่งรีบประจบสอพลอทันที
“ใช่แล้ว ดาวประจำมหาลัยไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีความชอบธรรมด้วย! พี่เหยียนสามารถหาแฟนที่ดีเช่นนี้ได้ ช่างโชคดีจริงๆ!” มีคนประจบสอพลอเหยียนเสวเหวิน
เมื่อเทพฟ้าผ่าเห็นโหลวจิ้งโยวออกมาสารภาพด้วยตัวเอง ขณะนั้นก็ได้แต่ขจัดความสงสัยนั้นออกไป
อย่างไรก็ตาม เทพฟ้าผ่าก็ยังคงไม่ค่อยเชื่อ จางเหมิงจะใจดีขนาดนี้?
นอกจากนี้ เทพฟ้าผ่ายังเชื่อเสมอว่า หลินหยุนเป็นคนที่แอบช่วยฉินโสว่
เพียงแต่ว่า เมื่อเทพฟ้าผ่าแอบมองไปที่หลินหยุนอย่างเงียบๆ พบว่าใบหน้าของหลินหยุนนั้นเรียบเฉย และไม่ได้ออกมาเปิดเผยการกระทำของจางเหมิงกับเหยียนเสวเหวิน
ขณะนี้เทพฟ้าผ่าก็สับสนเช่นกัน หรือไม่ใช่หลินหยุนที่เป็นคนช่วยเหลือจริงๆ?
เหยียนเสวเหวินก็รีบพูดด้วยว่า “จริงๆแล้วเรื่องนี้ ฉันได้ยินมานานแล้ว ในเวลานั้นเหมิงเหมิงยังไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากฉัน ฉันก็ขอให้พ่อของฉันไปขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์หลินแล้ว ยังไงแล้วทุกคนก็คือเพื่อนร่วมชั้นกัน แม้ว่าตระกูลกงจะมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ แต่สำหรับปรมาจารย์หลินแล้ว เรื่องมันง่ายนิดเดียว”
“ถ้าฉันสามารถช่วยตระกูลของน้องฉินให้พ้นจากวิกฤตนี้ เมื่อมันมีความสุขแล้วทำไมฉันจะไม่ไปทำล่ะ”
พอเหยียนเสวเหวินอธิบายเช่นนี้ ทุกคนก็เชื่อเช่นนี้
แม้แต่จางเหมิงก็ยังถูกหลอก มองเหยียนเสวเหวินด้วยความชื่นชม และคิดว่าไม่มีอะไรที่เหยียนเสวเหวินแก้ไขไม่ได้!
เหยียนเสวเหวินมีความสุขกับสายตาที่ชื่นชมจากเพื่อนร่วมชั้นของเขา เพราะการยอมรับผลงานที่ตัวเองไม่ได้ทำนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยทำ
แม้ว่าเมื่อสิ่งนั้นเมื่อถูกเปิดเผย มันจะหน้าแตกมาก
แต่ขณะนี้มันยังไม่มีใครมาเปิดเผยไม่ใช่เหรอ? และเหยียนเสวเหวิน ยังได้ผลประโยชน์ สาวงาม และชื่อเสียงพร้อมกัน
ดังนั้น แม้แต่เหยียนเสวเหวินเอง ก็กำลังจะหลงเชื่อคำโกหกของตัวเอง
เหยียนเสวเหวินออกมาพูดอธิบาย และเพื่อนๆก็ไม่สงสัยอีกต่อไป พวกเขาต่างออกมาประจบเหยียนเสวเหวินและจางเหมิง เยินยอเหยียนเสวเหวินและจางเหมิงจนตัวลอย
จางซือจู่ที่อยู่ข้างๆเห็นฉินโสว่ขอบคุณเหยียนเสวเหวินไม่ยอมหยุด ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ฮึ่ม อะไรจะดีขนาดนั้น! สักวันฉันจะเสี่ยงโชคดู บางทีปรมาจารย์หลินเห็นรูปร่างของฉันอาจตกตะลึง และยอมรับฉันเป็นลูกศิษย์!”
หลินหยุนที่อยู่ด้านข้างที่มีสีหน้าเรียบเฉย ทันใดนั้นมือก็สั่น และแก้วกระจกน้ำชาก็ตกลงไปที่พื้น และแตกเป็นชิ้นๆ
ในขณะเดียวกัน สายตาของฝูงชน ก็ถูกดึงดูดเข้ามา
ใบหน้าของเถียนชุ่ยชุ่ยเผยให้เห็นถึงความชั่วร้าย และก็ยิ้มอย่างเย็นชา “โอ้ ดูเหมือนพวกเราจะลืมไปอย่างหนึ่งแล้ว! เมื่อวานใครเป็นคนที่เกลี้ยกล่อมโหลวจิ้งโยว บอกเธอว่าอย่าไปเชื่อใจจางเหมิง!”
“เห็นว่าตระกูลของเพื่อนรักกำลังตกอยู่ในอันตราย เห็นเดือดร้อนและไม่ยอมช่วย คนเช่นนี้จิตใจทำด้วยอะไรกันแน่?”
หวางหยู่หันหัวเราะเยาะและพูดว่า “บางทียาจกบางคนอาจไม่พอใจความมั่งคั่งของเพื่อน และหวังให้คนอื่นล้มละลาย!”
“คนประเภทนี้ เป็นเพียงเนื้องอกร้ายของสังคม ต่อไปทุกคนต้องจับตามองให้ดีๆ และอย่าผูกมิตรกับคนแบบนี้!”
เพื่อนร่วมชั้นมองไปที่หลินหยุน เต็มไปด้วยความดูถูก
คนที่ไม่มีเงินหรืออำนาจมันไม่น่ากลัว แต่คนที่น่ากลัวคือคนที่ไม่มีทั้งเงินและอำนาจแต่จิตใจเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
คนแบบนี้จะมัวแต่โทษฟ้าดิน รู้สึกว่าโชคชะตาไม่ยุติธรรมต่อเขา ตัวเองไม่พยายาม แต่เมื่อเห็นคนอื่นเดือดร้อน ก็ยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น
แม้แต่คนสุดโต่งบางคน ก็มีความคิดที่จะแก้แค้นสังคม
ตอนนี้หลินหยุนถูกตราหน้าว่าเป็นคนแบบนี้ และเพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างก็ดูถูกเขา หลบเขาราวกับเป็นโรคระบาด
เทพฟ้าผ่าไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป และตะโกนว่า “พวกนายทั้งสองอย่าพูดเรื่องไร้สาระ! หลินหยุนแค่ไม่ต้องการให้จางเหมิงใช้โอกาสนี้หาผลประโยชน์จากโหลวจิ้งโยว แต่พวกนายกลับบิดเบือนข้อเท็จจริง เผยแพร่ข่าวลือเท็จเพื่อใส่ร้ายหลินหยุน พวกนายช่างมีจิตใจที่ชั่วร้ายจริงๆ!”
“โอเค โอเค ทุกคนไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้ที่ฉันเชิญทุกคนมา เพื่อขอบคุณทุกคน หลินหยุนเป็นเพื่อนของฉัน และฉันเชื่อในอุปนิสัยของเขา ดังนั้นขอให้ทุกคนเห็นแก่หน้าฉัน อย่าให้เขาลำบากใจเลย!” ฉินโสว่รู้สึกจนปัญญา เป็นเพียงคนกลางที่คอยไกล่เกลี่ย
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ครังนี้ ทำให้นิสัยของฉินโสว่นิ่งสงบลงมาก แต่ก่อน ในเวลานี้ เขาจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน
หลินหยุนไม่ได้สนใจเถียนชุ่ยชุ่ยและหวางหยู่หัน และพูดกับฉินโสว่ว่า “นายไม่เป็นไรแล้วก็ดี ฉันกลับไปก่อน”
ฉินโสว่ยกมือขึ้น และอยากเกลี้ยกล่อมให้หลินหยุนอยู่ทานอาหารด้วยกัน
เเต่ว่า ถูกโหลวจิ้งโยวที่อยู่ข้างๆแอบดึงไว้
ฉินโสว่หันหัวกลับมา และเห็นโหลวจิ้งโยวส่ายหัวให้เขา และกระซิบว่า “สถานที่แบบนี้ เขาไม่เหมาะที่จะอยู่”
มือที่ยกขึ้นของฉินโสว่ ค่อยๆวางลง ท้ายที่สุดเขาก็ไม่รั้งหลินหยุน
เขาเข้าใจว่า ถ้าหลินหยุนอยู่ต่อ จะมีแต่คนที่ดูหมิ่นและโจมตีเขามากขึ้นเท่านั้น
“หลินหยุน!” จางซือจู่ตะโกนเรียก และกำลังจะวิ่งตามไป แต่ถูกเทพฟ้าผ่าดึงไว้
“ไม่ต้องไล่ตาม ปล่อยเขาไปเถอะ! สถานที่แบบนี้ ถ้าเขาอยู่ต่อมันก็ไม่เหมาะ”
จางซือจู่ทำตาเหลือกใส่เถียนชุ่ยชุ่ยและหวางหยู่หัน แต่ทำอะไรพวกเธอไม่ได้
ฉินโสว่ยกแก้วเหล้าขึ้น และพูดเสียงดังกับทุกคนว่า “ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือฉัน วันนี้พวกเราไม่เมาไม่เลิก!”
ทุกคนชนแก้วกัน แล้วแยกตัว
จางเหมิงกับเหยียนเสวเหวิน ได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย
หวางหยู่หันชนแก้วกับเถียนชุ่ยชุ่ยเบาๆ และยิ้มอย่างมีชัย “ในที่สุดต่อหน้าฝูงชนได้ทำให้หลินหยุนอับอาย มีความสุขในการร่วมมือครั้งนี้!”
“มีความสุขในการร่วมมือครั้งนี้!”