จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 407 ควีนจินอ้อนวอนขอร้อง
ทราบว่าควีนจินเป็นคุณป้าของกงซื่อซวน สถานะของกงซื่อซวน ก็ยิ่งดูสูงศักดิ์ขึ้นอีกโดยพลัน
ผู้มีชื่อเสียงในท้องถิ่นเมืองหลินโจวคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า: “ตระกูลกงแห่งมณฑลซีหนิงกับควีนจินแห่งมณฑลหลิงหนานเป็นเครือญาติกัน โดยทั้งสองตระกูลต่างก็คอยช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสามารถของทั้งสองตระกูลควบรวมเข้าด้วยกันแล้วก็จะสามารถเทียบเคียงได้กับหลายวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงเลย! ”
ผู้คนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าแสดงความเห็นด้วย สายตาที่มองไปยังกงซื่อซวนนั้น เต็มไปด้วยความเคารพและเกรงขาม
เถียนชุ่ยชุ่ยดีอกดีใจ หากกงซื่อซวนยิ่งเปิดเผยสถานะของตนเองมากขึ้นเท่าไหร่ หลินหยุนก็ยิ่งจะไม่สามารถทำตามคำพูดของตนเองได้
เถียนชุ่ยชุ่ยหัวเราะเยาะเย้ยและพูดขึ้นว่า: “ฮ่าฮ่า ใครบางคนไม่ใช่ว่าจะตัดขาทั้งสองข้างของคนอื่นไม่ใช่หรอกเหรอ? ไม่ใช่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วไม่ทำตามคำพูดของตนเองล่ะ! ”
หวางหยู่หันกับเพื่อนคนอื่น ๆ ก็แสดงสีหน้าเหยียดหยาม หัวเราะเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
ครู่เดียว เจี่ยงสงก็มาถึงเป็นคนแรกด้วยความรีบร้อน
“ท่านเจี่ยงมาแล้ว! ”
“ใช่ท่านเจี่ยงจริง ๆ ด้วย! ”
“ท่านเจี่ยง! ”
ทุกคนเปิดทางให้เจี่ยงสงเดินเข้ามา และน้อมศีรษะแสดงความทักทาย
เจี่ยงสงสีหน้าเคร่งเครียด พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ
เถียนชุ่ยชุ่ยกับเพื่อนคนอื่น ๆ แต่ละคนก็มีสีหน้าท่าทางที่ตื่นเต้น
“ที่จริงแล้วท่านผู้นี้ก็คือเจี่ยงสงผู้มีอิทธิพลอำนาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองหลินโจว! ไม่ธรรมดา เลยจริง ๆ! ”
ได้เห็นผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งเมืองหลินโจวด้วยตาของตัวเอง ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของเถียนชุ่ยชุ่ยและพวกคนเหล่านี้ ได้รับความพึงพอใจเป็นอย่างมากที่สุด
เห็นกงซื่อซวนอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย เจี่ยงสงจึงเบาใจลงได้บ้าง
เจี่ยงสงโค้งคารวะแสดงความเคารพต่อหลินหยุน: “หลิน คุณหลิน ควีนจินใกล้จะมาถึงแล้ว! ”
คำพูดของเจี่ยงสงขณะอยู่ที่ริมฝีปาก ก็เกิดลังเลใจเล็กน้อย จึงได้แก้ไขคำพูด ไม่ได้เรียกออกไปโดยตรงว่าปรมาจารย์หลิน
หลินหยุนมีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก ไม่ได้สนใจอะไร
เจี่ยงสงแอบขมวดคิ้ว ไม่กล้าที่จะลุกขึ้น และยังคงอยู่ในท่าทางโค้งคารวะทำความเคารพ
ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างพากันตะลึงไปทั้งหมด!
“เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น? ท่านเจี่ยงทำไมถึงได้แสดงความเคารพต่อไอ้หนุ่มน้อยนั่น? ”
“ไอ้หนุ่มนั่นมีสถานะอะไรกันแน่? ”
เถียนชุ่ยชุ่ยกับเพื่อนคนอื่น ๆ ยิ่งตกใจตกตะลึงมากกว่า!
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจี่ยงสงเป็นถึงผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งเมืองหลินโจว! ทำไมเขาถึงได้คารวะแสดงความเคารพต่อหลินหยุนไอ้คนยากจนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวนั่นด้วย? ” เถียนชุ่ยชุ่ยสีหน้าถึงกับอึ้งทึ่งไปเลยทีเดียว
“ก็ใช่น่ะสิ หลินหยุนมีคุณธรรมมีความสามารถอะไรกัน ถึงได้รับการคารวะแสดงความเคารพจากท่านเจี่ยงด้วย! ” จางเหมิงกับหวางหยู่หันต่างก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน
สิ่งที่ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างมากก็คือ หลินหยุนกลับเมินเฉยต่อการแสดงความเคารพของเจี่ยงสง ส่วนเจี่ยงสงที่เป็นถึงผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งเมืองหลินโจว หากว่าหลินหยุนไม่ได้พูดขึ้นก่อน เขาก็ไม่กล้าที่จะลุกขึ้น!
นี่คือสังคมในยุคสมัยศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว! ไม่ใช่สังคมศักดินาแบบในอดีตที่จะต้องมีการแบ่งระดับชนชั้น ซึ่งนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และยังเกิดขึ้นกับตัวของท่านเจี่ยง เองด้วย!
จากเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า เจี่ยงสงเมื่ออยู่ต่อหน้าไอ้หนุ่มน้อยนี้ จะต้องมีความนอบน้อม ถ่อมตนมากถึงขนาดนี้!
ส่วนไอ้หนุ่มนั่นก็มีความหยิ่งยโสมากขนาดนี้ด้วยเช่นกัน!
จนกระทั่งเจี่ยงสงมีเหงื่อไหลที่หน้าผาก หลินหยุนจึงพูดขึ้นว่า: “ลุกขึ้นเถอะ! ”
“ขอบคุณคุณหลินมาก! ” เจี่ยงสงมีสีหน้าท่าทางที่ผ่อนคลายลงทันที ไม่เพียงจะไม่มีคำบ่นว่าแล้ว ยังเหมือนกับได้รับการนิรโทษอีกด้วย
นี่ตกลงมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่!
ผู้มีชื่อเสียงในเมืองหลินโจวที่ล้อมรอบมุงดูอยู่นั้นต่างก็งุนงงกันไปหมด
เถียนชุ่ยชุ่ยกับเพื่อนคนอื่น ๆ นี้ก็ยิ่งช็อกตาตั้งไปกันเลยทีเดียว!
จงเฟยหยู่กับเสิ่นจงซูและเพื่อนคนอื่น ๆ ในกลุ่มเล็กนั้น ยังมีอาการดีกว่าพวกเถียนชุ่ยชุ่ยนั้นเล็กน้อย เพราะพวกเขาเคยได้เห็นถึงทักษะความสามารถทางการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ของหลินหยุนมาแล้ว
ในส่วนของเซี่ยหยู่เวย ก็มีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก ทุกสิ่งทุกอย่างนี้อยู่ในการคาดเดาของเธอทั้งหมด เพราะเธอทราบอยู่ก่อนแล้วว่าเมื่อเจี่ยงสงอยู่ต่อหน้าหลินหยุน จะนอบน้อม ถ่อมตนอย่างมาก
ส่วนฉินหลัน ก็เคยพบเห็นมาก่อนในการประชุมสุดยอดจงโจว จึงไม่ตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
กงซื่อซวนกลับมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เจี่ยงสงเป็นถึงผู้มีอิทธิพลอำนาจในเมืองหลินโจว แม้ว่าอยู่ต่อหน้าของควีนจิน ก็ไม่เห็นจะต้องนอบน้อมถ่อมตนขนาดนี้!
ไอ้หนุ่มนี้ตกลงเป็นใครกันแน่?
แต่ ไม่สนว่าไอ้หนุ่มนี้เป็นใคร เจี่ยงสงมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้รับใช้ทั้งสิบสองของควีนจิน ทำไม ถึงต้องทำตัวนอบน้อมถ่อมตนขนาดนี้ด้วย!
ในเมื่อสถานะได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว กงซื่อซวนก็ไม่ได้เกรงใจเจี่ยงสงอีก: “ท่านเจี่ยง ท่านทำตัวนอบน้อมถ่อมตนเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นแบบนี้ ไม่เป็นการทำให้คุณป้าของข้าต้องเสียหน้าอย่างนั้นเหรอ! ”
เจี่ยงสงจ้องมองไปที่กงซื่อซวน ช่วงจังหวะนั้น โหดเหี้ยมราวกับเสือกระโดดลงจากภูเขา ทรงพลังน่าเกรงขามอย่างยิ่ง!
กงซื่อซวนตกใจจนตัวสั่น ทนไม่ไหวถึงขนาดต้องถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าว!
ถ้าหากไม่ได้เห็นแก่หน้าและเกียรติของควีนจินแล้ว เจี่ยงสงคงอยากที่จะเดินเข้าไปตบหน้ากงซื่อซวนไอ้เด็กที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงสักฉาดให้กระเด็นไปไกล
ที่เขามาอย่างรีบร้อน ก็เพราะกังวลว่ากงซื่อซวนจะไปทำให้หลินหยุนเกิดความโมโห จนถึงกับต้องเสียชีวิต
คิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กคนนี้ไม่เพียงไม่รู้จักที่จะขอบคุณซาบซึ้ง ยังจะมาดูถูกเหยียดหยามตนเองอีกถ้าหากว่าไม่ใช่เพื่อมาปกป้องเขา เจี่ยงสงก็คงไม่ต้องนอบน้อมถ่อมตนขนาดนี้
“ไม่รู้จริง ๆ ว่ากงซิวซ่างผู้ที่ฉลาดปราดเปรื่อง ทำไมถึงได้เกิดลูกชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างนายแบบนี้! ” เจี่ยงสงตะโกนด่าใส่
“ตอนนี้รีบไปแสดงความขอโทษต่อคุณหลินเดี๋ยวนี้ อ้อนวอนให้เขาไว้ชีวิตนาย! ” เจี่ยงสงโมโหจนตัวสั่นไปทั้งร่างกาย
กงซื่อซวนมองไปที่เจี่ยงสงด้วยสีหน้าท่าทางอย่างไม่น่าเชื่อ และพูดตะโกนขึ้นอย่างเกินจริงว่า: “นายให้ข้าไปขอโทษกับเขางั้นเหรอ? เขาทำร้ายคุณเฉินที่เป็นบอดี้การ์ดของพ่อข้า และยังจะมาข่มขู่ว่าจะตัดขาสองข้างของข้าทิ้ง นายยังจะมาให้ข้าไปขอโทษเขาอีก! เจี่ยงสง นายมันช่างเป็นคนที่กินในเรือนขี้บนหลังคาจริง ๆ! ”
“รอให้คุณป้าของข้ามาถึงแล้ว ข้าจะฟ้องเรื่องของนายต่อหน้าของเธอ! ”
เจี่ยงสงโกรธจัดจนหน้าเขียว ถ้าหากว่าไม่คำนึงถึงควีนจินแล้ว ตอนนี้เขาก็คิดที่จะจัดการไอ้หนุ่มกงซื่อซวนนี้ให้ตายไปเลยทีเดียว
ทันใดนั้น กลุ่มคนที่อยู่ภายนอกเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น มีคนอุทานขึ้นเบา ๆ ว่า: “คุณท่านจิน คุณท่านจินมาถึงแล้ว! ”
สำหรับภายนอก ควีนจินจะเรียกตนเองว่าคุณท่านจินมาโดยตลอด นอกจากเป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน สำหรับคนนอกนั้นชื่อเรียกของเธอก็คือคุณท่านจินมาโดยตลอด
กงซื่อซวนสีหน้าดีอกดีใจ และมองไปที่หลินหยุนอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง: “ไอ้หนุ่มน้อย คุณป้าของข้ามาแล้ว นายต้องตายแน่! ”
ควีนจินพาหยุนเยว่กับจินไซ เดินเข้ามาด้านใน
“คุณป้า! ” กงซื่อซวนตื่นเต้นและตะโกนเรียกมาจากระยะไกล รอจนควีนจินเดินใกล้เข้ามาถึง เขาที่เป็นคนผิดก็ได้รีบฟ้องขึ้นก่อน โดยชี้ไปยังหลินหยุนแล้วตะโกนขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม: “ไอ้หนุ่มคนนี้ เขาทำร้ายคุณเฉินที่เป็นบอดี้การ์ดของพ่อจนบาดเจ็บ และยังคุยโวว่าจะตัดขาสองข้างของข้าทิ้ง ท่านจะต้องแก้แค้นให้กับฉันด้วย! ”
ควีนจินมีผ้าคลุมปิดหน้า และมองไปที่เขาอย่างเย็นชา ภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้น เหมือนกับมีความเย็นยะเยือกทะลุออกมา
กงซื่อซวนตกใจอย่างมาก นี่มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น?
หยุนเยว่ที่อยู่ด้านข้างได้มองไปที่กงซื่อซวนอย่างเย็นชา คุณชายใหญ่ตระกูลกงผู้นี้มีลักษณะนิสัยอย่างไร ควีนจินกับหยุนเยว่ต่างก็ชัดเจนกันดี
แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะฟังเขาพูดกลับถูกเป็นผิดแล้วกลับผิดเป็นถูกอย่างเด็ดขาด!
แต่ เมื่อมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกัน ควีนจินก็ไม่สามารถที่จะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ!
“คุณหลิน ฉันจะไม่ขอร้องแทนเขา เพียงแค่หวังว่าท่านจะให้เกียรติฉัน โดยไว้ชีวิตเขา! ” ขณะที่ ควีนจินพูด ก็ได้โค้งคารวะทำความเคารพต่อหลินหยุน
กงซื่อซวนเบิกตาโพลงด้วยความหวาดกลัว!
ทุกคนโดยรอบต่างก็อ้าปากค้าง สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!
เถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิงและเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ยิ่งตกตะลึงจนคางแทบจะห้อยตกลงมาที่พื้นแล้ว!
ฉินโส่วก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อ มองหลินหยุนเหมือนกับว่าเป็นคนที่แปลกหน้า
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน! นึกไม่ถึงว่าคุณป้าจะแสดงความเคารพเพื่อขอร้องเขา! ”
“นั่นเป็นถึงควีนจินแห่งมณฑลหลิงหนาน ทำไมถึงต้องแสดงความเคารพไอ้หนุ่มนี่ด้วย? ตกลงว่าไอ้หนุ่มนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่! ”
“หลินหยุนมีศีลธรรมมีความสามารถขนาดนั้นเชียวหรือ ทำไมแม้แต่ควีนจินถึงจะต้องให้ความเคารพขนาดนี้ด้วย! ”
หลินหยุนมองไปยังควีนจินที่กำลังโค้งคารวะแสดงความเคารพ ด้วยสีหน้าท่าทางที่เฉยเมย
ควีนจินฉลาดหลักแหลมอย่างมาก เธอไม่ขอร้อง เพราะเธอรู้ว่าถ้าหากกงซื่อซวนทำผิดอย่างรุนแรง ขอร้องไปก็ไม่เป็นผล
แต่ว่า ถ้าหากเธอต้องการที่จะรักษาชีวิตของกงซื่อซวนเอาไว้ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือน้ำใจ ซึ่งหวังว่าหลินหยุนจะมีน้ำใจต่อเธอ
หลินหยุนมองไปที่ควีนจินอย่างสงบนิ่ง นับตั้งแต่ที่ได้รู้จักผู้มีอำนาจแห่งมณฑลหลิงหนานท่านนี้ ควีนจินให้เกียรติกับเขาเป็นพิเศษมาโดยตลอด
แม้ว่าเรื่องที่ควีนจินได้กระทำขึ้นส่วนใหญ่นั้น ต่างก็เป็นเพียงแค่เสริมสิ่งที่ดีงามให้ดีงามยิ่งขึ้น สำหรับหลินหยุนแล้วจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่เมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน สิ่งนี้ก็คือน้ำใจที่ยิ่งใหญ่สิ่งหนึ่ง
แม้แต่หลินหยุนเองก็ค่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง จนควีนจินกลายเป็นคนกันเองกับเขาไปโดยสิ้นเชิง
“ข้าไม่ฆ่าเขาหรอก แต่ข้าพูดเอาไว้ว่าจะตัดขาสองข้างของเขา ซึ่งก็จะทำตามนั้นให้ได้” หลินหยุน สีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก และน้ำเสียงเฉยชา