จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 419 ฉันกล้า
นี่ก็คือความมั่นใจของมู่ชิงซาน และก็เป็นสาเหตุที่เขายอมลงทุนใช้เงินซื้อราชาประมูลมาในราคาที่สูงขนาดนั้น
หวางซี่ไห่ยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัย “งั้นเหรอ? ถ้าเกิดบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปเกิดความวุ่นวายขึ้นจากภายใน ธนาคารจะยังให้แกกู้เงินอยู่หรือเปล่า? สำหรับบริษัทที่ไม่มีปัญญาจะใช้หนี้ แกคิดว่ายังมีธนาคารไหนที่กล้าให้แกกู้เงินอีกงั้นเหรอ?”
“อีกอย่าง สำหรับบริษัทที่มีปัญหาทั้งภายในและภายนอก แกยังคิดว่าสามารถหาคนมาลงทุนได้อีกงั้นเหรอ?”
มู่ชิงซานยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันเองก็สนใจเป็นอย่างมาก แกจะใช้วิธีไหนทำให้บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของฉันเกิดปัญหาทั้งภายในและภายนอก? ใช้เพียงแค่คำพูดลอยๆของแกงั้นเหรอ?”
หวางซี่ไห่มองไปยังเหล่าประธานของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ทุกท่าน พวกท่านยังไม่คิดจะเปิดเผยอีกงั้นเหรอ?”
เหล่าประธานของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป ต่างก็จ้องมอง ซึ่งกันและกัน สีหน้าดูสับสน
สุดท้าย ประธานหยางก็เป็นคนยืนขึ้นมาเป็นคนแรก พูดเสียงดังออกมาว่า “ให้ฉันเป็นคนพูดก็แล้วกัน!พี่มู่ ฉันต้องการถอนหุ้น!”
สีหน้าของมู่ชิงซานดูหมองลงไป เขาสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกประธานมาอวยพรปีใหม่ในวันแรกของปี จะต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน นึกไม่ถึงว่าพวกเขากลับวางแผนกับบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปเอาไว้
สายตาของมู่ชิงซาน กวาดมองไปยังประธานที่เหลือ แล้วถามว่า “พวกคุณเองก็ต้องการถอนหุ้นงั้นเหรอ?”
ใบหน้าของผู้อำนวยการหลี่เผยความอับอายเล็กน้อย “ไอ้มู่ คุณอย่าโทษพวกเรา พวกเราเองก็ไม่อยากให้เงินของตัวเองต้องเสียไปอย่างสูญเปล่า!”
มู่ชิงซานขมวดคิ้ว ถามด้วยความสงสัยว่า “ไอ้หลี่ ฉันไม่เข้าใจคำพูดนี้ของคุณ เงินที่พวกคุณลงทุนกับบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป จะสูญเปล่าได้ยังไงกัน? หลายปีมานี้ พวกคุณยังคิดว่าได้กำไรมาไม่มากพอเหรอ?”
ผู้อำนวยการหลี่อึ้งไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “ไอ้มู่ เรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คุณคิดเอาไว้ เห็นแก่มิตรภาพที่พวกเราทำงานร่วมกันมาหลายปี ฉันขอเตือนคุณสักประโยค ยอมแพ้เถอะ เหลือสักนิดก็ยังดี!ครั้งนี้ คุณสู้พวกเขาไม่ได้!”
มู่ชิงซานโกรธจนหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปเป็นสิ่งที่ตระกูลมู่ทั้งสามรุ่นของฉันก่อตั้งมากับมือ ฉันจะไม่มีทางยอมให้มันล่มสลายในมือของฉันอย่างแน่นอน!ความหวังดีของคุณ ฉันขอรับไว้ด้วยใจก็พอ”
“ถ้าเกิดพวกคุณต้องการถอนหุ้น งั้นก็ทำตามสัญญาที่เขียนไว้ก็แล้วกัน!”
ตอนที่มู่ชิงซานทำสัญญาร่วมมือกับพวกประธาน มันไม่ได้ใจกว้างเหมือนกับที่หวางซูเฟินของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปที่ทำกับพวกประธานของเธอ
ถ้าเกิดถอนหุ้นกลางคัน จะต้องชดใช้ค่าเสียหายครึ่งหนึ่ง มู่ชิงซานไม่เชื่อว่า พวกประธานจะไม่เสียดาย
หวางซี่ไห่ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “มู่ชิงซาน มีประธานถอนหุ้นขนาดนี้ เกรงว่าบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกคุณคงไม่สามารถจ่ายเงินเดือนได้แล้ว? ตอนนี้อยากจะโทรไปหาผู้รับผิดชอบของธนาคารไหม ดูว่าพวกเขาจะยอมให้คุณกู้เงินหรือเปล่า?”
“ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้!” สีหน้ามู่ชิงซานดูหมองมาก หยิบมือถือขึ้นมา เริ่มพูดคุยกับเพื่อนตั้งแต่สมัยประถม และเป็นหนึ่งในห้าธนาคารใหญ่ของประเทศจีน
รอเพียงแป๊บเดียวก็รับสาย เริ่มแรกทั้งสองคุยกันอย่างไหลลื่น แต่ว่าหลังจากที่มู่ชิงซานบอกว่าต้องการจะขอกู้เงินไปลงทุน อีกฝ่ายก็หาข้ออ้างในการกดวางสายทันที
มู่ชิงซานจ้องมองแววตามั่นใจของหวางซี่ไห่ด้วยความตกใจ ยังไม่อยากเชื่อจึงโทรไปหาคนรับผิดอีกคนของธนาคารอีกแห่ง
ปรากฏว่าครั้งนี้ไม่มีคนรับสาย ตอนที่โทรไปครั้งที่สอง ก็โทรไม่ติดอีกแล้ว เขาถูกบล็อกไปแล้ว!
จู่ๆมู่ชิงซานก็นั่งลงไปบนเก้าอี้ จ้องมองหวางซี่ไห่ด้วยความตกใจ
“เป็นไปได้ยังไง!ด้วยอำนาจของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อธนาคาร!”
หวางซี่ไห่ยิ้มอย่างเย็นชาอีกรอบแล้วพูดว่า “ไอ้มู่ คุณยังสามารถหาคนมาลงทุนได้นะ!พอดีเลยตอนนี้ก็มีเจ้าของบริษัทมากมายอยู่ที่นี่ แถมยังมีหลายคนที่ค่อนข้างจะสนิทกับคุณ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตไปพร้อมกับบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกคุณ คุณลองดูสิ!”
แม้ว่ามู่ชิงซานจะไม่อยากโดนอีกฝ่ายจูงจมูก แต่ก็ยังคงหันไปมองคนพวกนั้นอยู่ดี
เขาเองก็อยากจะรู้ว่า พอถึงตอนที่บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในช่วงวิกฤต คนพวกนี้จะยอมยื่นมือมาช่วยเหลือเขาไหม!
แต่ว่า ความจริงมันช่างเจ็บปวด
เหล่าเจ้าของบริษัทที่มาอวยพรปีใหม่เขาด้วยความจริงใจ ตอนที่มู่ชิงซานหันมามองพวกเขา แต่ละคนก็เอาแต่ก้มหน้า
ส่วนคนที่เหลือ ยิ่งไม่ต้องถามอะไร
ตอนนี้ ถึงช่วงเวลาจนหนทางจริงๆแล้ว
มู่ชิงซานเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน วันนี้ตื่นเช้ามาบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปยังดีๆอยู่เลย ทำไมจู่ๆถึงโดนบีบบังคับจนไร้หนทางแบบนี้ล่ะ?
มู่เฉิงที่เห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเอง ก็อึ้งไปเช่นกัน มองมู่ชิงซานโดยที่ไม่อยากจะเชื่อว่า “พ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ลุงหยาง ลุงหลี่ พวกคุณเป็นอะไรกันหมด? อยู่ดีๆทำไมถึงต้องถอนหุ้นด้วย?” ใบหน้าของมู่เฉิงเต็มไปด้วยความสงสัย สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เขารับไม่ไหวจริงๆ
มู่ชิงซานจ้องมองหวางซี่ไห่ด้วยใบหน้าโกรธแค้น ชี้นิ้วไปหาเขา ชี้นิ้วไปหาหวางซี่ไห่ด้วยนิ้วที่สั่นไปมา กัดฟันพูดออกไปว่า “แกไอ้แซ่หวาง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด แกคงเตรียมการมาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม!”
หวางซี่ไห่ไม่ได้ปฏิเสธ ยังไงซะตอนนี้ผลลัพธ์ก็ออกมาแล้วว่า ตระกูลมู่ไม่มีอำนาจอะไรแล้ว
“ถูกแล้ว ฉันเตรียมการมาตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อน แม้แต่แฟนสาวที่อยู่ข้างกายลูกชายแก ฉันก็เป็นคนส่งไปเอง”
จู่ๆใบหน้าของมู่เฉิงก็ขาวซีด “เป็นไปไม่ได้! เสี่ยวหลงไม่มีทางหักหลังฉัน!”
หวางซี่ไห่ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เฮิง นั่นเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของฉัน จะไปชอบคนไร้น้ำยาอย่างแกได้ยังไง? ที่เธอเข้าใกล้แก ก็เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้แก แล้วสืบข่าวการเคลื่อนไหวของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปก็เท่านั้น”
“ครั้งนี้ข่าวที่พวกแกต้องเอาราชาประมูลมาให้ได้ ก็เป็นเธอเองที่เป็นคนบอกพวกเรา เพราะงั้น ในตอนที่ฉันอยู่งานประมูล ถึงได้จงใจปั่นราคาให้สูงขึ้น ให้พวกแกซื้อในราคาที่สูงที่สุด เพื่อเอาราชาประมูลมา แบบนี้ ถึงจะทำให้เงินทุนของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปว่างเปล่า”
สีหน้าของมู่ชิงซานหมองจนน่ากลัว มู่เฉิงก็ยิ่งสั่นไปทั้งตัว เริ่มจะยืนไม่อยู่แล้ว
“เป็นไปไม่ได้ เสี่ยวหลงไม่มีทางหลอกฉัน!” มู่เฉิงส่ายหัว จนแล้วจนรอดก็ไม่อยากจะยอมรับว่าหม่าเสี่ยวหลงกำลังหลอกลวงเขา
หวางเจียเฉียงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “งั้นฉันขอถามแกหน่อย แกรู้จักกับเสี่ยวหลงมานานขนาดนี้ แกเคยแตะต้องเธอหรือเปล่า?”
สีหน้าของมู่เฉิงขาวซีดยิ่งกว่าเดิม อย่าว่าแต่แตะต้องเลย ทุกครั้งที่อยากจะเข้าไปชิดตัว หม่าเสี่ยวหลงก็จะหาข้ออ้างในการถอยหนี
เมื่อก่อนมู่เฉิงยังคิดว่าเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ที่หวงตัว ที่แท้ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง
ดูเหมือนว่าหวางเจียเฉียงจะรู้สึกว่ายังทำให้มู่เฉิงเจ็บช้ำไม่พอ หัวเราะฮิๆอย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “ในตอนที่งานประมูลสิ้นสุด หม่าเสี่ยวหลงก็มาหาฉันที่ข้างในรถ เธอบอกใช่ไหมว่าพ่อเธอมารับตัวเธอ?”
“พอแล้ว!” มู่เฉิงตะโกนเสียงดังด้วยความดุดัน ความจริงมันอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาไม่เชื่อไม่ได้
มู่เฉิงส่งเสียงพุตงออกมา คุกเข่าลงต่อหน้าของมู่ชิงซาน ร้องไห้ด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด “พ่อ ผมทำผิดต่อพ่อ!ผมเป็นคนทำลายตระกูลของพวกเรา!”
มู่ชิงซานตะโกนออกมา “ลุกขึ้น!เป็นลูกผู้ชาย ล้มที่ไหน ก็ต้องลุกขึ้นจากที่นั่น!จะร้องไห้ เหมือนพวกผู้หญิงทำไม!”
“ฮ่าๆ ไอ้มู่ แกสอนลูกชายตัวเองแบบนี้งั้นเหรอ? ไม่แปลกใจที่สอนออกมาเป็นคนไร้น้ำยา!”
“พอแล้ว พวกแกเองก็อย่าร้องไห้ตรงนี้เลย วันนี้ฉันมาก็เพื่อเข้ามาซื้อกิจการบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของแก เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันมาหลายปี ห้าสิบล้าน ไม่น้อยไปใช่ไหม!”
มู่เฉิงตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “เหลวไหล แค่ที่ดินทำเลทองผืนนั้นก็มีมูลค่ากว่าหกสิบล้านแล้ว ยังไม่รวมต้นทุนที่พวกเราเอาไปลงทุนในภายหลังอีก ทำแบบนี้ก็เหมือนพวกแกเข้ามาแย่งไปชัดๆ?”
หวางซี่ไห่หัวเราะ ด้วยใบหน้าที่สะใจ “แกพูดถูกแล้ว นี่เป็นการแย่งกิจการ!ถ้าไม่เชื่อแกลองถามดูสิ นอกจากฉัน ยังมีใครที่จะกล้าซื้อบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกแกอีก!”
“พูดสิ!ใครกล้า!” หวางซี่ไห่กางแขนออกทั้งสองข้าง จ้องมองคนรอบๆด้วยสีหน้านอกจากฉันยังมีใครกล้าอีก ดูมั่นใจเป็นอย่างมาก
ในห้องโถง มีประธานจากธุรกิจต่างๆมากขนาดนั้น แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียง ไม่มีใครกล้าออกมาพูดแทนบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป
ทุกคน ต่างก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร ยอมอยู่ใต้อำนาจของหวางซี่ไห่
ตรงมุมหนึ่งทางเข้าของเหล่าผู้คนรอบๆที่อยู่ข้างหลัง ก็มีชายหนุ่มเอนหลังพิงกำแพงด้วยท่าทางที่สบายๆ แล้วยืนดูการแสดงของหวางซี่ไห่
ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มคนนั้นก็เบิกตาขึ้นมา แววตาราวกับมีการไหลเวียนของดวงดาว
เสียงของเขาดูไม่แยแสอะไร พร้อมกับแฝงความขี้เกียจ แต่กลับดึงดูดความสนใจของทุกคน
“ฉันกล้า!”