จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 421 หวางซี่ไห่ผู้ถูกกระทำ
หวางซี่ไห่พูดว่า “ถ้าเขาหาเงินมาได้ห้าร้อยล้าน ก็ไม่จำเป็นต้องไปทำบัตรทองม่วงสูงศักดิ์ ถ้าเขาหาเงินห้าร้อยล้านไม่ได้ เช่นนั้นก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องไปทำบัตรปลอม เพราะถ้าอยากช่วยกู้วิกฤตให้กับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่จำเป็นคือเงินทอง ไม่ใช่อำนาจจอมปลอม!”
สีหน้าของหวางเจียเฉียงดีขึ้นเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้ว”
มู่ชิงซานยืนขึ้น เดินไปหาหลินหยุน โค้งคำนับเพื่อขอบคุณเขา “น้องชาย ในการประชุมการประมูลครั้งนั้น ฉันเสียมารยาทกับคุณมาก คาดไม่ถึงว่าคุณจะตอบแทนด้วยคุณธรรม โปรดยอมรับคำคารวะจากฉันด้วย!”
มู่เฉิงก็เดินมา ยิ้มอย่างมีความสุข “ท่านผู้มีพระคุณ ขอบคุณมาก!”
“ไม่ต้องเกรงใจ” หลินหยุนพูดเบาๆ
ในชาติที่แล้ว เขาจำได้ว่าตอนที่เขาได้รู้จักกับมู่เฉิง ยังไม่มีบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป และคิดว่าคงจะถูกบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปกลืนกินไปแล้วแน่นอน
เพียงแต่ว่า ตอนที่เขารู้จักมู่เฉิง มู่เฉิงอยู่ในธุรกิจนี้มีประสบการณ์มากพอแล้ว ไม่เหมือนกับตอนนี้ เหมือนเด็กใหม่ที่ยังไม่รู้ประสีประสาอะไร
ดูเหมือนว่า ในชาติที่แล้ว หลังจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปถูกกลืนกินไปแล้ว มู่เฉิงก็ได้เจอความยากลำบากไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมามาก
แต่ในชาตินี้ เท่ากับหลินหยุนขัดขวางชะตากรรมของมู่เฉิงก่อน และช่วยเขารักษาบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไว้ เช่นนี้มู่เฉิงคงไม่เจอกับความยากลำบากแน่นอน และเสียโอกาสในการฝึกฝน
หลินหยุนไม่รู้จริงๆ สิ่งที่เขาทำตอนนี้สำหรับมู่เฉิง มันดีหรือไม่ดี
อย่างไรก็ตาม ถ้าให้หลินหยุนต้องทนดูธุรกิจของตระกูลเพื่อนสนิทอยู่ในขั้นวิกฤต โดยไม่ยื่นมือเข้าช่วย เขาทำไม่ได้จริงๆ
หวางซี่ไห่มองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง เก็บความรู้สึกที่ดูถูกเหยียดหยามไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไอ้หนุ่ม คิดไม่ถึงว่านายจะได้บัตรทองม่วงสูงศักดิ์จากจินซื่อหรง! มันทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ”
“ถ้าวันนี้มีเพียงบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปของฉัน ด้วยบัตรทองม่วงสูงศักดิ์ใบนี้ของนาย ก็สามารถทำให้ฉันกลัวจนล่าถอย น่าเสียดาย น่าเสียดาย……”
มู่ชิงซานมองหวางซี่ไห่ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นี่คือคู่อริเก่าของเขา ถ้า ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่หลินหยุนออกมาช่วยกะทันหัน ไม่แน่เขาคงจบเห่ไปแล้ว
“หวางซี่ไห่ นายก็ไม่ต้องไปเสียดายแล้ว แม้ว่าวิกฤตของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะคลี่คลายลง แต่ครั้งนี้ถือว่าคุณชนะ เพียงแต่ว่า ฉันรับประกันว่า ในอนาคตคุณจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก!”
หวางซี่ไห่ยิ้มแปลกๆ “คลี่คลายวิกฤตได้แล้ว? คุณคิดว่ามีเงินแล้ว ก็สามารถคลี่คลายวิกฤตของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้หรือ?”
“หึหึ มู่ชิงซาน คุณประเมินค่าฉันต่ำเกินไปแล้ว!”
มูชิงซานสีหน้าเปลี่ยนไป รู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ เขาเห็นใบหน้าของคนรอบข้างอย่างชัดเจน คือใบหน้าที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
มู่ชิงซานตกใจมาก “หรือว่าหวางซี่ไห่ยังมีแผนเด็ด? ไม่อย่างนั้นคนพวกนี้ที่มากับเขา คงจะไม่มั่นใจขนาดนั้น!”
มู่เฉิงพูดอย่างเย็นชา “หวางซี่ไห่ น้องชายคนนี้ยินดีนำเงินออกมาห้าร้อยล้าน เงินจำนวนนี้แม้ว่าคุณจะขายบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป ก็ไม่สามารถหาเงินมาได้เยอะขนาดนี้! แผนการสมรู้ร่วมคิดของคุณถูกพวกเราทำลายแล้ว คุณยังต้องการอะไรอีก!”
หวางซี่ไห่หัวเราะคิกคักและพูดว่า “คุณคิดว่าแค่บริษัทซี่ไห่กรุ๊ปของฉัน ก็สามารถทำให้ประธานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเหล่านั้น แม้ตัวเองต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนมาก ก็ยอมหักหลังบริษัทเหรอ?”
“พวกคุณคิดจริงๆเหรอลำพังบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป ก็สามารถทำให้ธนาคารปฏิเสธที่จะให้คุณกู้ยืมได้หรือ?”
“พวกคุณประเมินค่าฉันสูงเกินไปแล้ว!”
สีหน้าของมู่ชิงซานเริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เขากลัวที่สุด ก็เกิดขึ้นในที่สุด
หวางซี่ไห่พูดเยาะเย้ย “มู่ชิงซาน เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันมาหลายปี ฉันจะบอกความจริงกับนาย ในครั้งนี้คนที่ลงมือจัดการกับนาย ไม่ใช่บริษัทซี่ไห่ของฉัน แต่เป็นท่านเจี่ยงผู้มีอิทธิพลในหลินโจว!”
เมื่อพูดถึงท่านเจี่ยงคำนี้ สีหน้าหวางซี่ไห่แสดงความเคารพทันที
ประธานผู้บริหารที่ติดตามเขาเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้าต่างแสดงความเคารพนับถือ แต่ไม่รู้สึกแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ข่าวนี้มานานแล้ว
มู่ชิงซานกับมู่เฉิงมีสีหน้าตกตะลึง!
“ท่านเจี่ยงแห่งหลินโจว!”
“เป็นไปได้อย่างไร! คุณเจี่ยงจะจัดการกับบริษัทเล็กๆอย่างบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปของเราได้อย่างไร? เขาจะมองเห็นความสำคัญของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปของเราได้อย่างไร?” มู่เฉิงมีสีหน้าเหลือเชื่อ
เปรียบเสมือนได้ยินช้างตัวหนึ่ง กำลังจะมาแย่งรังมด รู้สึกเหลือเชื่อมาก
สีหน้าของมู่ชิงซานดูแย่มากและพูดว่า “ถ้าเป็นท่านเจี่ยงที่ต้องการบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปของเรา ถ้างั้นฉันมู่ชิงซานยินดีจะยกให้ เพียงแต่ว่า ถ้าหวางซี่ไห่ใช้ในนามของท่านเจี่ยง เพื่อมายึดครองบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปของฉันล่ะ?”
“ถ้าอยากให้ฉันเชื่อ เว้นแต่ท่านเจี่ยงจะต้องมาด้วยตัวเอง หรือให้คนสนิทของเขามาก็ได้”
ในใจมู่ชิงซานเข้าใจดี ถ้าบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปต้องการกลืนพวกเขา เขาก็ยังสามารถต้านทานได้
แต่ถ้าเป็นท่านเจี่ยงที่ต้องการกลืนกินพวกเขา ถ้างั้นบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็มีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น
เพียงคำพูดคำเดียวจากท่านเจี่ยง บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็จะถูกบริษัทอื่นทอดทิ้งทันที
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในอำเภอจีหมิง อาจเรียกได้ว่ามีอำนาจบ้าง แต่ต่อหน้าบริษัทใหญ่เหล่านั้นในหลินโจว มันยังใหญ่ไม่พอ
ยิ่งไปกว่านั้นคนอย่างท่านเจี่ยง อยู่ในหลินโจวเป็นบุคคลยิ่งใหญ่อันดับต้นๆ
หลินหยุนยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร ช่วงนี้เจี่ยงสงกำลังยุ่งอยู่กับการขายน้ำชี่ทิพย์ จะมีเวลามายึดครองบริษัทที่อยู่ในอำเภอเล็กๆเช่นนี้ได้อย่างไร?
แต่ว่า ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาได้ยินข่าวการสนทนาระหว่างหวางเจียเฉียงกับหม่าเสี่ยวหลง หรือมองจากรูปลักษณ์ของหวางซี่ไห่ แผนการที่จะกลืนกินบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปครั้งนี้นั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับเจี่ยงสงอย่างแน่นอน
มิฉะนั้น ด้วยความสามารถของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป แค่ขอให้ธนาคารปฏิเสธที่จะให้กู้ยืมแก่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป พวกเขาก็ทำไม่ได้แล้ว
หวางซีไห่ยิ้มเยาะเย้ยและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล หลานชายของท่านเจี่ยงกำลังเดินทางมาแล้ว และอีกไม่นานก็จะได้เห็นเขา!”
เมื่อมองไปที่สีหน้าของหวางซี่ไห่ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องโกหก ใบหน้าของมู่ชิงซานเรียบเฉย และดูเหมือนว่าวิกฤตของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปในครั้งนี้คงจะหนีไม่พ้นแน่นอน
ทั้งสองฝ่ายหยุดการขัดแย้งชั่วคราว และดูเหมือนกำลังรอหลานชายของเจี่ยงสง
มู่เฉิงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย และถามเบาๆ “คุณพ่อ ฉันไม่เชื่อว่า ท่านเจี่ยงจะใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเช่นนี้กับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปของพวกเรา ในระดับของเขา จะมาโจมตีบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเล็กๆแบบนี้ได้อย่างไร?”
“ต้องเป็นหวางซี่ไห่ที่ใช้อำนาจปลอมๆแน่นอน!”
มู่ชิงซานก็ไม่เชื่อเช่นกัน แต่ว่า เขาสงบสติอารมณ์ได้ดีกว่ามู่เฉิง
แม้ว่าจะมีโอกาสเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เขาก็ต้องรอ รอจนกว่าหลานชายของเจี่ยงสงจะปรากฏตัว
หากหลานชายของเจี่ยงสงไม่ปรากฏตัว แสดงว่าคำพูดของหวางซี่ไห่เป็นเท็จ แต่ถ้าปรากฏตัวขึ้นจริงล่ะ? ตอนนี้ความอดทนของมู่ชิงซาน ถึงเวลานั้น ก็จะกลายเป็นโอกาสในการต่อรอง
ใบหน้าของหวางซี่ไห่นิ่งสงบ ราวกับว่ามั่นใจในความสำเร็จ รับประกันว่าหลานชายของเจี่ยงสงต้องมาแน่นอน
หลินหยุนก็ไม่ได้เปิดเผย และอยู่กับทุกคน รออย่างเงียบๆ เขาต้องการดูว่าเป็นใครกันแน่ ใช้ในนามของเจี่ยงสงเพื่อมากลั่นแกล้งผู้คนที่นี่
ไม่นาน ชายหนุ่มสวมสูทสีขาว และผมสีดำเป็นประกาย ก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องสี่คน
เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้น หวางซีไห่ก็รีบไปทำความเคารพทันที “สวัสดีคุณชายเจี่ยง!”
ชายหนุ่มไม่มีท่าทางเย่อหยิ่ง ก็โค้งคำนับให้ทุกคนอย่าง และพูดอย่างสุภาพ “รุ่นน้องเจี่ยงเวย ขอสวัสดีท่านอาวุโสทั้งหลาย!”
การกระทำเช่นนี้ สามารถซื้อใจผู้คนจำนวนมากทันที
“ไม่คาดคิดเลยหลานชายของท่านเจี่ยงเป็นคนถ่อมตัวขนาดนี้ และเป็นมิตร ไม่เหมือนลูกเศรษฐีที่หยิ่งผยองและเสียมารยาทเหล่านั้น”
“สมแล้วที่ท่านเจี่ยงเป็นถึงคนยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งในหลินโจว หลานชายของเขาค่อนข้างมีสไตล์ เหนือกว่าคนหนุ่มสาวในอำเภอจีหมิงสมัยนี้!”
ทุกคนถอนหายใจ
ในตอนแรกทุกคนอาจตกตะลึงในอำนาจของท่านเจี่ยง แต่ตอนนี้ พวกเขาค่อนข้างยอมจำนนอย่างจริงใจต่อคุณชายเจี่ยงท่านนี้