จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 434 พวกเรามาพบคุณหลิน
หลินตงหัวยืนอยู่บนเวทีอย่างเงียบๆ จ้องมองภาพที่คนข้างล่างเวทีต่างก็ลุกขึ้นมาจนเกือบหมด ราวกับกำลังอยู่ในความฝัน
เขาบีบต้นขาตัวเองอย่างแรง ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมาทำให้เขารู้ว่า นี่ไม่ใช่ความฝัน
หลินตงหัวโค้งคำนับให้กับทุกคน น้ำตาคลอเบ้า “ขอบคุณ ขอบคุณทุกท่านมาก!”
ผ่านมานับขนาดนี้ จนใช้ชีวิตมาครึ่งชีวิต หลินตงหัวก็ไม่เคยซาบซึ้งเหมือนกับวันนี้มาก่อน
ผู้รับผิดชอบแต่ละหมู่บ้านพวกนั้น ต่างก็จ้องมองตาค้างจนตาแทบจะหลุดออกจากเบ้าตาตั้งนานแล้ว อ้าปากค้างอยู่นานมากจนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถปิดปากได้
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? นี่ยังเป็นหลินตงหัวอยู่ไหม? ทำไมเขาถึงมีผู้สนับสนุนเยอะขนาดนี้กันล่ะ!”
“หลินตงหัวทำอะไรกันแน่! ถึงได้รับการสนับสนุนมากมายขนาดนี้! แม้แต่ซี่ไห่และบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเองก็ยังออกมาสนับสนุนเขา!”
“ผู้สนับสนุนของหลินตงหัว กลับมีมากกว่าเจียงซ่างหมิง!”
ภายในใจของทุกคน ต่างก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์ หัวสมองเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ใบหน้าของหม่าเจี้ยนกั๋วเต็มไปด้วยความมืดมน ภาพแบบนี้มันเป็นภาพที่อยู่ในจินตนาการของตัวเองไม่ใช่หรือไงกัน? ตอนที่อยู่ในความฝัน เขาก็ยังเคยฝันเห็นภาพแบบนี้
แต่ว่า ภาพนี้กลับปรากฏอยู่บนตัวของหลินตงหัว
“เสี่ยวหลง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมหลินตงหัวถึงได้รับการสนับสนุนจากซี่ไห่กับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้ล่ะ?” หม่าเจี้ยนกั๋วทำสีหน้ามืดมน กำหมัดแน่นทั้งสองข้าง คนที่ควรจะได้รับเกียรติยศแบบนี้ ควรจะเป็นของเขาสิ!
หม่าเสี่ยวหลงเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ว่า สัญชาตญาณบอกเธอว่า คนพวกนี้ไม่ได้ทำเพื่อต้องการสนับสนุนหลินตงหัวอย่างแน่นอน แต่ว่ามีมือที่มองไม่เห็น กำลังชักจูงพวกเขา ให้พวกเขาต้องออกมาสนับสนุนหลินตงหัว
“ใช่แล้ว คนใหญ่คนโตคนนั้น!จะต้องเป็นฝีมือคนใหญ่คนโตคนนั้นอย่างแน่นอน!”
สายตาของหม่าเสี่ยวหลง เริ่มทำการสำรวจตัวของผู้ที่ออกมาสนับสนุนหลินตงหัว แต่ว่า ก็ยังไม่พบอะไรที่มันผิดสังเกตอยู่ดี
ในหมู่คนพวกนี้ ไม่มีใครที่มีลักษณะตรงกับคนใหญ่คนโตที่อยู่ในใจของหม่าเสี่ยวหลง
“คนใหญ่คนโตคนนั้นเป็นใครกันแน่? หรือว่าเขาจะคอยควบคุมเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง?”
ฉินหลันและหวางซูเฟินหันไปมองหลินหยุนพร้อมกัน แต่ละคนต่างก็ครุ่นคิด
พวกเธอไม่เชื่ออยู่แล้วว่า จิตใต้สำนึกของคนพวกนี้จะตื่นขึ้นจริงๆ ถึงได้ออกมาสนับสนุนหลินตงหัว
จะต้องเป็นเพราะว่าพวกเขารู้ฐานะที่แท้จริงของหลินหยุน พอเห็นว่าหลินหยุนเคารพหลินตงหัวมากขนาดนี้ เพื่อที่จะเอาใจหลินหยุน ถึงได้ลุกขึ้นมาสนับสนุนหลินตงหัว
แต่ว่า ทำไมหลินหยุนต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ? เขามีเป้าหมายอะไรกันแน่?
หวางซูเฟินหันไปมองฉินหลันที่อยู่ข้างๆโดยอัตโนมัติ แล้วพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “ฉินหลัน ดูเหมือนว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะหลงรักเธอมากเลยนะ!”
ใบหน้าที่งดงามของฉินหลันเริ่มร้อนเล็กน้อย รีบพูดกลับไปว่า “ท่านประธาน ท่านเข้าใจผิดแล้ว! บางทีเขาอาจจะถูกชะตากับลุงหลิน เพราะงั้นถึงได้อยากช่วยเหลือลุงหลิน!”
หวางซูเฟินขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เขากับลุงหลินของเธอรู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองถูกไหม? ปีใหม่นี้เขากลับเดินทางจากหลินโจวมายังอำเภอจีหมิง เวลานั้นดูเหมือนเขายังไม่ได้รู้จักลุงหลินของเธอถูกไหม หรือจะบอกว่าเขากับลุงหลินของเธอมีสายสัมพันธ์เชื่อมต่อกัน? ถึงได้รู้อยู่ก่อนว่าลุงหลินของเธอเป็นใคร?”
ใบหน้าของฉินหลันเเดงก่ำ จนพูดอะไรไม่ออก
ใบหน้าของหยูจงหยวนในตอนนี้ ดำมืดราวกับก้นกระทะ
ที่ผ่านมาหลินตงหัว ไม่เคยมีผู้สนับสนุนแม้แต่คนเดียว แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาถึงได้โชคดีขนาดนี้ เพียงแป๊บเดียวก็มีคนออกมาสนับสนุนเขามากขนาดนี้
จู่ๆหยูจงหยวนก็มีความรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา “โอ้พระเจ้า ท่านกำลังล้อเล่นกับเขาใช่ไหม?”
สถานการณ์ที่ควรจะชนะอย่างแน่นอน ตอนนี้กลับแพ้ซะแล้ว แถมยังแพ้ย่อยยับ
ใบหน้าของเจียงซ่างหมิงเต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธ ผู้สนับสนุนของหลินตงหัว กลับมีมากกว่าเขาหลายเท่าตัว
คราวนี้จะเอาหน้าของผู้รับชอบสูงสุดของอำเภอ ไปไว้ที่ไหนดีล่ะ?
เรื่องนี้มันก็เหมือนกับการต่อสู้ของหัวหน้าแก๊งทั้งสอง แต่หัวหน้าแก๊งของอีกฝ่ายกลับไม่สนใจหัวหน้าใหญ่คนนี้ แต่กลับไปก้มหัวให้กับลูกน้องของตัวเอง
ใบหน้าชราของเจียงซ่างหมิง ทั้งอึดอัดและโกรธแค้น
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตกตะลึง หลินหยุนก็มองไปยังหยูจงหยวน แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “แกแพ้แล้ว!”
หยูจงหยวนมีสีหน้าที่ดำมืด จ้องมองไปยังหลินหยุน แต่พูดอะไรไม่ออก
ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่กำลังจ้องมองอยู่ ต่อให้เขาอยากจะหนี ก็ทำไม่ได้
เวลานี้เอง จู่ๆผู้ช่วยของเจียงซ่างหมิงก็วิ่งเข้ามา เข้าไปกระซิบข้างหูของเจียงซ่างหมิงว่า “ท่านเจียง จางเต๋อชางประธานบริษัทเต๋อชางกรุ๊ปของอำเภอหรู่หลิน ต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ของพวกเรา!”
เจียงซ่างหมิงขมวดคิ้ว “บริษัทแถวหน้าอย่างบริษัทเต๋อชางกรุ๊ปของอำเภอหรู่หลิน มีอำนาจมากกว่าเมื่อเทียบกับอำนาจของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปและบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ทำไมจางเต๋อชางถึงอยากจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ของพวกเราได้ล่ะ?”
“หรือเป็นเพราะเขารู้ว่าท่านเจี่ยงต้องการจะมาลงทุนกับฉัน? ถึงได้อยากจะมาผูกมิตรกับฉัน?”
“จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่!”
หลังจากที่เจียงซ่างหมิงผ่านการครุ่นคิด จู่ๆก็อารมณ์ดีขึ้น แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ไป รีบไปเชิญจางเต๋อชางประธานบริษัทเต๋อชางกรุ๊ปเข้ามา!”
“ครับ!” พอผู้ช่วยพยักหน้าก็ออกไปทันที
ทุกคนต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน
“บริษัทเต๋อชางกรุ๊ป? บริษัทเต๋อชางกรุ๊ปจากไหนกัน? หรือว่าจะเป็นบริษัทเต๋อชางกรุ๊ปของอำเภอหรู่หลิน?”
“นั่นเป็นบริษัทแถวหน้าของอำเภอหรู่หลินเลยนะ! ทำไมพวกเขาถึงมาเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ของพวกเรากันล่ะ?”
“ดูจากสีหน้าดีใจของเจียงซ่างหมิง ก็น่าจะเป็นเรื่องดีแหละ!”
“หรือว่าจางเต๋อชางจะได้ยินเรื่องที่ท่านเจี่ยงจะมาลงทุนกับพวกเรา ถึงได้มาที่นี่เพื่อผูกมิตรกับเจียงซ่างหมิง?”
“มีความเป็นไปได้สูงถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่งั้นเจียงซ่างหมิงที่ถูกหลินตงหัวแซงหน้า นอกจากจะไม่โมโหแล้ว กลับแสดงสีหน้าดีใจอีก นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ!”
ระหว่างที่กำลังสนทนา ก็มีคนสวมชุดสูทสีดำ ผู้อาวุโสวัยประมาณหกสิบได้แต่งตัวอย่างเป็นระเบียบ แล้วก้าวเท้าเดินเข้ามาข้างใน
“น้องเจียง ขอโทษที่มารบกวน คงไม่ถือสากันนะ!” จางเต๋อชางประสานมือทักทายเขียงซ่างหมิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เจียงซ่างหมิงหัวเราะแล้วทักทายกลับไปว่า “พี่จางพูดอะไรกันน่ะ การที่พี่ยอมมาเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ของผม นั่นถึงเป็นเกียรติของผม ทำให้ทั้งอำเภอจีหมิงของพวกเรามีหน้ามีตายิ่งขึ้น ผมจะว่าอะไรได้ล่ะ?”
“ขอบคุณน้องเจียงมาก จริงสิ ไม่ทราบว่าคนไหนคือคุณหลินหยุน?” จู่ๆจางเต๋อชางก็ถามขึ้นมา แล้วกวาดสายตามองคนรอบๆ
คุณหลินหยุน?
ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เขาเป็นใครกัน ถึงทำให้ท่านจางเต๋อชางมาหาเขาด้วยตัวเอง!
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงซ่างหมิงหายไป รู้สึกตัวแล้วว่าจางเต๋อชางไม่ได้มาหาตัวเขา แต่มาหาคนที่ชื่อว่าหลินหยุน
แต่ว่าไอ้หลินหยุนมันเป็นใครกัน? ถึงเชิญจางเต๋อชางมาได้?
บนเวที หลินตงหัวกลับจ้องมองหลินหยุนด้วยความสงสัย จางเต๋อชางผู้โด่งดังมาหาเขาด้วยตัวเอง นึกไม่ถึงว่าจางเต๋อชางจะเดินทางจากที่ห่างไกล แค่เพื่อที่จะมาพบหลินหยุน
มู่เฉิงจ้องมองหลินหยุนด้วยความประหลาดใจ “สหายหลินหยุน นายยังรู้จักจางเต๋อชางด้วยเหรอ!ไม่สิไม่สิ แม้แต่ท่านเจี่ยงนายยังรู้จัก จางเต๋อชางในสายตาของนาย จะมีค่าอะไรอีก?”
หลินหยุนมองจางเต๋อชางแวบหนึ่ง แล้วถามด้วยเสียงเรียบๆว่า “คุณรู้จักผมงั้นเหรอ?”
“คุณก็คือคุณหลินหยุน!” จางเต๋อชางมองไปยังหลินหยุน ดูตกใจเล็กน้อย แล้วแอบพูดในใจว่า “ไม่ผิดแน่ เป็นอย่างที่ท่านเจี่ยงบอกเอาไว้ ยังเป็นชายหนุ่ม อายุประมาณยี่สิบต้นๆ!”
จางเต๋อชางเดินไปหาด้วยสีหน้าตื่นเต้น พออยู่ห่างจากหลินหยุนไปสามเมตร ก็โค้งคำนับแล้วพูดว่า “จางเต๋อชางขอคารวะคุณหลิน!”
ทุกคนที่อยู่ในงาน อ้าปากค้างอีกรอบ ไม่อยากเชื่อภาพที่อยู่ตรงหน้า
“นี่มันสถานการณ์อะไรกัน! จางเต๋อชางเดินทางจากที่ห่างไกล ก็เพื่อที่จะมาพบไอ้หนุ่มคนนี้เนี่ยนะ!”
“จางเต๋อชางตาไม่ดีหรือเปล่า ถึงได้จำคนผิด!”
“เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมจางเต๋อชางถึงต้องเคารพเขาขนาดนั้น?”
“จางเต๋อชางไม่ละอายใจหรือไง ไอ้หนุ่มคนนั้นสามารถเป็นหลานเขาได้เลยนะ แต่เขากลับแสดงความเคารพขนาดนั้น!”
คนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างก็ตกใจครั้งใหญ่ สายตาที่ทุกคนมองภาพที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยความแปลกใจ!
แต่ว่า ต่อมา ผู้ช่วยคนนั้นของเจียงซ่างหมิงก็วิ่งเข้ามาหาเจียงซ่างหมิงอีกรอบ กระซิบบอกเขาว่า “ท่านครับ หลิวเจี้ยนหลินประธานบริษัทเจี้ยนหลินกรุ๊ปของอำเภอชิงเหอ มาขอเข้าพบครับ!”
สีหน้าตื่นตกใจของเจียงซ่างหมิงหายไป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าดีใจ “บริษัทเจี้ยนหลินกรุ๊ป นี่มันบริษัทแถวหน้าระดับเดียวกันกับบริษัทเต๋อชางกรุ๊ป! ฉันกับประธานหลิวเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน เขาจะต้องมาหาฉันอย่างแน่นอน!”
“รีบเชิญเข้ามา!”