จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 437 เข้าสู่ภูเขากู่
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!ฉันก็ว่าอยู่ ทำไมจู่ๆเจียงซ่างหมิงถึงเปลี่ยนไปกะทันหัน ถึงได้เกรงใจหลินหยุนขนาดนี้!”ฉินหลันจ้องมองเจียงซ่างหมิง ยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมสีหน้าดูถูก
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ “นี่เป็นเรื่องของแก ไม่เกี่ยวกับฉัน อย่ามากวนฉัน”
ใบหน้าของเจียงซ่างหมิงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หลินหยุนเป็นคนที่พูดยากมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
เจียงซ่างหมิงจึงได้แต่หันไปพึ่งพาหลินตงหัว เขารู้ว่าหลินตงหัวเป็นคนใจอ่อน แถมขอแค่เป็นเรื่องที่ส่งผลดีต่อหมู่บ้านเปากู่ของเขา เขาก็จะทำมันอย่างเต็มที่
“น้องตงหัว คุณสนิทกับคุณหลินหยุนขนาดนั้น คุณช่วยผมพูดกับเขาหน่อยได้ไหม? ถ้าเกิดครั้งนี้ท่านเจี่ยงมาลงทุนกับอำเภอจีหมิงของพวกเรา หมู่บ้านเปากู่ของคุณเองก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวง!”
“นี่เป็นเรื่องที่ส่งผลดีกับชาวบ้าน คุณจะต้องช่วยเหลือฉันนะ!”
ฉินหลันตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เล่นสกปรก!”
หวางซูเฟินเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พวกเธอล้วนเข้าใจหลินตงหัวดี รู้ว่าถ้าพูดกับหลินตงหัว เขาจะต้องหวั่นไหวอย่างแน่นอน
เป็นอย่างที่คิดไว้ คำพูดของเจียงซ่างหมิง ทำให้หลินตงหัวหวั่นไหวขึ้นมาทันที
หลินตงหัวมองไปยังเจียงซ่างหมิง แล้วถามว่า “การที่ท่านเจี่ยงมาลงทุนมันส่งผลดีอะไรกับหมู่บ้านเปากู่?”
พอเจียงซ่างหมิงเห็นว่าหลินตงหัวหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว จู่ๆก็แอบอีกใจขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “การที่มีท่านเจี่ยงมาลงทุนกับอำเภอจีหมิงของพวกเรา คุณลองคิดดู ขอแค่อำเภอจีหมิงของพวกเราเกิดการพัฒนา พวกหมู่บ้านที่อยู่ในอำเภอเดียวกันก็จะเจริญตามไปด้วย ถึงเวลานั้นหมู่บ้านเปากู่ของคุณ จะต้องร่ำรวยยิ่งกว่าตอนนี้หลายสิบเท่า!”
“สิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?” สีหน้าของหลินตงหัวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอน!ผมขอรับประกันกับคุณ ให้ผมสาบานก็ได้!” เจียงซ่างหมิงชูนิ้วขึ้นมา กำลังเตรียมที่จะเริ่มคำสาบาน
“ไม่จำเป็นต้องสาบาน ผมเชื่อคุณ!” หลินตงหัวพูดด้วยเสียงจริงจัง
หลินตงหัวจ้องมองหลินหยุนด้วยความละอายใจเล็กน้อย
ไม่รอให้เขาพูดออกมา หลินหยุนชิงพูดออกมาก่อนว่า “คุณอยากช่วยเหลือเขาเหรอ?”
หลินตงหัวส่ายหัว “ผมไม่ได้อยากจะช่วยเหลือเขา ผมแค่อยากจะให้ชาวบ้านของหมู่บ้านเปากู่ มีชีวิตที่ดียิ่งกว่านี้!”
“เข้าใจแล้ว” หลินหยุนพูด
“ไปกันเถอะ ฉันจะกลับไปพร้อมกับแก” หลินหยุนพูดกับเจียงซ่างหมิง
“ขอบคุณ ขอบคุณคุณหลินหยุนมาก!” เจียงซ่างหมิงดีใจมาก
พอกลับถึงโรงแรม หลินหยุนก็เห็นเจี่ยงเวยอย่างที่คาดเอาไว้ ทุกอย่างเป็นเหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้
“คุณ คุณหลิน เจี่ยงเวยขอคารวะ!” เจี่ยงเวยโค้งคำนับด้วยความเคารพ ท่าทางดูถ่อมตัวมาก
หลินหยุนจ้องมองเจี่ยงเวยอย่างเงียบๆ พูดตรงๆ คนคนนี้เป็นคนมีฝีมือ
สำหรับเป้าหมายของเจี่ยงสง หลินหยุนก็เข้าใจมันดี
เอางั้นก็ได้ ให้เจี่ยงสงสมหวังก็ได้
“ลุกขึ้นเถอะ!” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ
เจี่ยงเวยดีใจเป็นอย่างมาก ปรมาจารย์หลินกำลังจะให้อภัยเขางั้นเหรอ?
“ขอบคุณคุณหลิน!” เจี่ยงเวยลุกขึ้นมา ทำความเคารพแล้วถอยไปอยู่ข้างๆ ทำท่าทางเหมือนกำลังรอฟังคำสั่งจากหลินหยุน
หลินหยุนพูดว่า “ในเมื่อแกมาลงทุนแทนเจี่ยงสง งั้นก็ตั้งใจทำงานล่ะ!”
ใบหน้าของเจี่ยงเวยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความหมายของปรมาจารย์หลิน คือจะให้เขากลับมาทำงานได้แล้วงั้นเหรอ?
“ครับ ผมจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่!” เจี่ยงเวยตื่นเต้นจนร่างกายสั่นไปทั้งตัว
เจียงซ่างหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เจี่ยงเวยเป็นถึงหลานชายของท่านเจี่ยงเลยนะ แต่กลับถ่อมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุนถึงขนาดนี้
ตกลงไอ้หลินหยุนคนนี้เป็นใครกันแน่?
ดูเหมือนว่า จากนี้จะต้องเอาใจหลินตงหัวดีๆสักแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างหลินหยุนกับหลินตงหัว ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา
“ผู้อาวุโสหลิน เรื่องที่เหลือ ผมไม่ขอเข้าร่วมก็แล้วกัน ผมยังมีเรื่องที่จัดการ ขอตัวก่อน” หลินหยุนยิ้มเบาๆ แล้วขอตัวออกไปก่อน
“เสียวหยุน เดี๋ยวมากินข้าวที่บ้านสิ!” หลินตงหัวไม่รู้จะขอบคุณหลินหยุนยังไงดี อีกอย่างเขารู้สึกสนใจชายหนุ่มลึกลับคนนี้เป็นอย่างมาก อยากจะพูดคุยกับหลินหยุนตามลำพัง
“ถ้าเกิดผมมีเวลาว่างจะไปอย่างแน่นอน แล้วพบกัน!”
เวลานี้ หลินหยุนไม่มีทางไปอย่างแน่นอน เขาเข้าใจดี หลินตงหัวจะต้องตั้งคำถามกับเขามากมายอย่างแน่นอน
หลินหยุนยังไม่รู้จะอธิบายยังไงดี รอสักพักก็แล้วกัน รอให้หลินหยุนหาคำตอบให้ได้ก่อน ค่อยกลับบ้าน
หลินหยุนกลับไปถึงโรงแรม แล้วไปหาซูจื่อเหลียง
ทางด้านอำเภอจีหมิง มีเจี่ยงสงอยู่ น่าจะไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งหลินตงหัวกับพวกมู่เฉิง หลินหยุนถึงสามารถขึ้นภูเขากู่ได้อย่างสบายใจ
คืนนั้นเอง ซูจื่อเหลียงเป็นคนนำทาง ทั้งสองเดินทางขึ้นภูเขากู่
ภูเขากู่ อยู่ตรงกลางระหว่างสถานที่ที่หลินตงหัวใช้ปกครองหมู่บ้านเปากู่
มองจากที่ห่างไกล ภูเขากู่ก็เหมือนกับถูกล้อมรอบจนเป็นรูปวงกลมด้วยหมู่บ้านเปากู่ ล้อมรอบภูเขากู่เอาไว้
แถมหมู่บ้านเปากู่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน คนทั้งหมู่บ้านก็เหมือนกับมีหน้าที่ค่อยเฝ้าปกป้องภูเขากู่เอาไว้
ถึงกระทั่ง คนสูงอายุของหมู่บ้านเปากู่ ต่างก็เล่าต่อๆกันว่า คนของหมู่บ้านเปากู่ จะต้องมีคนค่อยสืบทอดปกป้องภูเขากู่ต่อไปเรื่อยๆ
เรื่องเล่านี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า แต่ว่ามันก็เป็นความจริงที่ว่าคนของหมู่บ้านเปากู่ต่างก็ยอมแพ้ที่จะย้ายออกไปแล้ว ยอมปล่อยชีวิตที่สุขสบายไป เพื่ออยู่เฝ้าหมู่บ้านเปากู่ต่อไปเรื่อยๆ
ทั้งหลินหยุนและซูจื่อเหลียง ผ่านหมู่บ้านเปากู่ และเข้าไปยังภูเขากู่ด้วยกัน
ภูเขากู่ ไม่ได้สูงมาก ล้อมรอบไปด้วยภูเขานับไม่ถ้วน และใจกลางภูเขา ก็มีภูเขาลูกใหญ่ตั้งเอาไว้
ปรกติบนภูเขามักเต็มไปด้วยหมอก เมื่อมีคนก้าวเท้าเข้าไป สามารถหลงทางได้ง่ายมาก
แถม ในภูเขานี้ก็ยังมีสัตว์ร้ายปรากฏออกมาเป็นบ้างครั้ง ที่ไม่สามารถพบเห็นได้บ่อยในสังคมปัจจุบัน
ซูจื่อเหลียงพาหลินหยุนเข้าไปยังภูเขากู่ ทั้งสองมุ่งตรงไปยังเป้าหมาย แต่ว่า เพิ่งเข้าไปได้ไม่นาน ก็เห็นว่ามีนักบู๊กำลังเข้าออกกันอยู่
เห็นได้ชัดว่า ข่าวเรื่องถ้ำเซียนป้ายเยว่ นับวันก็ยิ่งมีคนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ
หลินหยุนและซูจื่อเหลียงไม่ได้สนใจพวกนักบู๊ที่กำลังหาสถานที่กันอยู่ ทุกคนต่างก็เดินไปตามเส้นทางของตัวเอง ยังไงซะภูเขากู่ก็เป็นภูเขาที่ใหญ่มาก ทางเดินบนภูเขาก็ไม่ชัน มีทางมากมายให้เลือกเดิน
หลังจากที่ซูจื่อเหลียงพาหลินหยุน ข้ามผ่านภูเขาลูกเล็กไป ก็เดินตรงเข้าไปยังใจกลางหุบเขาที่มีรัศมีล้อมรอบหลายสิบลี้
เพิ่งก้าวเท้าเข้าไปยังภูเขา หลินหยุนก็สัมผัสความรู้สึกบางอย่างได้ เขารู้สึกว่าภูเขาลูกนี้ไม่ธรรมดา
แต่ว่า ด้วยการบำเพ็ญของเขาในตอนนี้ ยังไม่สามารถรับรู้ได้ว่าตรงส่วนไหนที่มันผิดปรกติ
ซูจื่อเหลียงพาหลินหยุน บินผ่านภูเขาไปอย่างรวดเร็ว ค่อยๆเดินเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของภูเขา
ตรงหน้า เป็นป่าไม้ที่กระจัดกระจายกันออกไป ต้นไม้ชนิดนี้แปลกมาก ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นต้นอะไร ลำต้นดำไหม้ แต่กลับเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี
ทั้งลำต้นและกิ่งก้านล้วนเป็นสีดำ ราวกับเป็นนักรบเกราะที่เต็มไปด้วยคราบเลือด กำลังยืนอยู่ตรงนั้น
ข้างหน้าป่าไม้ มีก้อนหินยักษ์สีดำที่ใหญ่ประมาณสิบเมตร ก็เหมือนกับอุกกาบาตที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า ชนเข้ากับภูเขากู่ จนกลายเป็นหุบเขาลูกใหญ่
บนโขดหินสีดำ มีเนินสูงออกมาสองเมตร ดูแล้วผิดปรกติเป็นอย่างมาก
ซูจื่อเหลียงกระโดดขึ้นไป อยู่บนเนินพวกนั้น มือทั้งสองกดเข้าไปที่หนึ่งในเนินพวกนั้น กดลงไปอย่างรุนแรง
เนินนั้นถูกเขาขยับไปสองเมตร ข้างล่างก็ปรากฏทางเข้าออกมา มืดสนิท ไม่รู้ว่าสิ้นสุดทางที่ไหน
“ที่นี่ก็คือทางเข้าไปยังถ้ำเซียนป้ายเยว่” ซูจื่อเหลียงพูดเบาๆ
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร เดินขึ้นไปบนโขดหินด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ซูจื่อเหลียงตามมาติดๆ เข้าไปยังใต้ดิน
หลังจากที่เข้าไปยังทางเข้า ตรงหน้าก็ปรากฏพื้นที่ใหม่ ราวกับเป็นวังที่ถูกสร้างอยู่ใต้ดิน
ศาลาสวยๆ สะพานเล็กๆ น้ำไหล ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าไม่มีต้นไม้ใบหญ้า ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ากำลังอยู่ใต้ดิน
ภาพที่อยู่ตรงหน้าหลินหยุนกับซูจื่อเหลียง เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยม บนพื้นที่สี่เหลี่ยมมีก้อนหินสีฟ้าขนาดยักษ์ ตรงกลางสี่เหลี่ยม เป็นวังขนาดยักษ์ที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม
ตอนนี้ รอบๆพระราชวังสี่เหลี่ยม มีคนยืนอยู่เป็นจำนวนมาก มีหลากหลายขนาด มีทั้งชายและหญิง มีทั้งคนแก่และเด็ก
ทุกๆทางของพระราชวังสี่เหลี่ยม ล้วนเป็นประตูหินขนาดใหญ่ ทุกๆประตูหิน ล้วนมีคนยืนเฝ้าเอาไว้
ซูจื่อเหลียงพูดกระซิบ “ประตูหินมีค่ายกลปกป้องเอาไว้ คิดว่ายังไม่มีใครที่สามารถเข้าไปได้”
“ตอนที่ข้ากำลังจะบุกเข้าไปยังประตูหิน จู่ๆก็มียอดฝีมือออกมาทำร้ายข้า”
ใจของหลินหยุนยิ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่เห็นพระราชวังสี่เหลี่ยม ความรู้สึกนั้นเป็นความตื่นเต้นระดับสูงสุด
“ไป ไปดูกัน” หลินหยุนพูด พร้อมกับเดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ