จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 440 หักหลัง
หลินหยุนไม่คิดที่จะรวมกลุ่มกับใคร แต่ว่าเขาสามารถพาคนเข้าไปได้อีกหนึ่งคน
หญิงสาวที่ชื่อว่าหยางเฟยเย่นคนนี้ ไม่เพียงแค่หน้าตาสะสวย เมื่อกี้เพื่อที่จะล้างแค้นให้พี่ชาย ก็กล้าที่จะท้าทายผู้อาวุโสของสำนักอู๋จี๋ หลินหยุนก็รู้สึกชื่นชมเธออยู่เล็กน้อย
หลินหยุนตัดสินใจช่วยเหลือเธอสักครั้ง พาเธอผ่านเข้าไปด้วย
“ได้” หลินหยุนตอบด้วยเสียงเรียบๆ
“ขอบคุณ!” หยางเฟยเย่นเผยรอยยิ้มที่หอมหวานออกมา ดูงดงามมาก
ในหมู่ฝูงชน เหล่าชายหนุ่มที่กำลังหาสมาชิกในทีมกันอยู่ หยางเฟยเย่นมีหน้าตาสะสวย และยังเป็นอัจฉริยะจากตระกูลหยางของเจ็ดตระกูลใหญ่ มีฝีมือไม่ธรรมดา ถ้าเกิดได้ร่วมทีมกับเธอ ไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาสชนะใจของสาวงาม
แต่ว่า หยางเฟยเย่นได้ตรวจสอบคนพวกนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีใครที่อยู่ในสายตาของเธอ
แถมตอนนี้เธอยังร่วมทีมกับหลินหยุนแล้ว แน่นอนว่าต้องปฏิเสธพวกที่มาชวนเธอเข้าทีมอยู่แล้ว
“ต้องขออภัยด้วยสหาย นี่เป็นเพื่อนร่วมทีมของข้า!”
หยางเฟยเย่นใช้หลินหยุนเป็นโล่ป้องกัน แบบนี้ก็จะสามารถปฏิเสธเหล่าชายหนุ่มที่มาชวนเธอได้ แถมยังไม่ต้องทำให้คนอื่นมีอคติกับตัวเอง
แต่ว่า แบบนี้ความแค้นก็จะไปตกอยู่ในตัวของหลินหยุน
เหล่าชายหนุ่มที่ถูกปฏิเสธ ก็เหมือนกับผู้ชายที่ถูกแย่งแฟนสาวไป เริ่มอิจฉาหลินหยุน สายตาที่จ้องมองหลินหยุน เต็มไปด้วยความอาฆาต
“เฮิง เจ้าหนุ่มคนนี้หน้าตาก็ไม่หล่อเหลา มีความสามารถอะไรถึงได้ร่วมทีมกับหยางเฟยเย่น!”
“ถ้าเกิดอีกเดี๋ยวเขาเป็นตัวถ่วงของเฟยเย่น ข้าจะอัดเขาจนกลายเป็นหัวหมูเลย!”
ทางด้านหนึ่ง หลี่อู๋จี๋เองก็เหมือนกัน มีหญิงสาวมากมายต่างก็ต่อแถวขอร่วมทีมกับเขา แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธทั้งหมด
เวลานี้เอง จู่หลี่อู๋จี๋ก็เริ่มขยับ
ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมาก
หลี่อู๋จี๋ค่อยๆเดินไปอยู่ตรงหน้าของหยางเฟยเย่น พูดด้วยรอยยิ้มว่า “สหาย ขอร่วมทีมกับเจ้าได้ไหม?”
“อ้ากก หลี่อู๋จี๋กลับขอหยางเฟยเย่นร่วมทีมด้วยตัวเอง!”
“เฮิง เจ้าหยางเฟยเย่นมีดีอะไร! ทั้งบนและล่างก็สู้ข้าไม่ได้ ทำไมหลี่อู๋จี๋ถึงได้สนใจนาง!”
ใบหน้าของเหล่าหญิงสาวเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา สายตาที่จ้องมองหยางเฟยเย่น ราวกับเป็นมีดที่แหลมคม
หยางเฟยเย่นอึ้งไปสักพัก ยืนอยู่ที่เดิม แล้วจ้องมองหลี่อู๋จี๋เงียบๆ
ถ้าเกิดสายตาสามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้หยางเฟยเย่นคงตายจนไม่รู้จะตายยังไงแล้ว
ถ้าเกิดผู้หญิงอิจฉาขึ้นมา น่ากลัวยิ่งกว่าผู้ชายเป็นสิบๆเท่า
“หลี่อู๋จี๋กลับขอข้าร่วมทีมด้วยตัวเอง!นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง! แต่ว่า ข้ามีทีมแล้ว จะทำยังไงดี?”
พอหยางเฟยเย่นได้สติกลับมา ก็รู้สึกสับสน รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เมื่อกี้ไม่ได้ไปขอร่วมทีมกับหลี่อู๋จี๋
แน่นอนว่า หยางเฟยเย่นดีใจมากกว่า ถูกคุณชายอู๋จี๋เชิญด้วยตัวเอง นี่เป็นความใฝ่ฝันของหญิงสาวมากมาย
ภายในใจของหยางเฟยเย่นกำลังสับสนอย่างรุนแรง
ถ้าเกิดรับปากหลี่อู๋จี๋ งั้นจะต้องมีเรื่องกับหลินหยุนอย่างแน่นอน นอกจากจะทำให้หลินหยุนถูกคนอื่นหัวเราะ ตัวเธอเองก็จะถูกด่าว่าเป็นคนทรยศ
แต่ว่านี่เป็นโอกาสในการใกล้ชิดหลี่อู๋จี๋ เป็นสิ่งที่เหล่าหญิงสาวไม่แม้แต่จะใฝ่ฝัน เธอไม่อยากเสียมันไปจริงๆ
ในระหว่างที่หยางเฟยเย่นกำลังลังเล หลี่อู๋จี๋จึงถามขึ้นมาอีกหนึ่งรอบ “ทำไม? เจ้าไม่อยากงั้นเหรอ?”
ในตอนที่หยางเฟยเย่นกำลังจะตัดสินใจตอบตกลง ผู้หญิงที่อยู่รอบๆก็ตอบแทนเธอไปว่า
“เฮิง สหายหลี่ ไม่ใช่ว่านางไม่อยาก แต่เพราะว่านางมีทีมอยู่ก่อนแล้ว!”
“ถ้าเกิดนางทิ้งเพื่อนในทีม งั้นก็จะโดนกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ”
ใบหน้าของหยางเฟยเย่นเย็นชา จ้องมองผู้หญิงพวกนั้นด้วยความโมโห ผู้หญิงพวกนี้กำลังอิจฉาเธอชัดๆ พวกเธอถูกหลี่อู๋จี๋ปฏิเสธ แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเธออยู่ทีมเดียวกับหลี่อู๋จี๋
หลี่อู๋จี๋มองหลินหยุนที่อยู่ข้างๆหยางเฟยเย่น ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดด้วยความดูถูก “ถ้าเกิดทิ้งตัวถ่วง แล้วเลือกเพื่อนในทีมที่มีประโยชน์กับเจ้า นี่ไม่เรียกว่าทรยศ แต่เป็นความฉลาด”
ผู้หญิงพวกนั้นจู่ๆก็โมโหขึ้นมา
“หลี่อู๋จี๋พูดแทนนางงั้นเหรอ มันจะเกินไปแล้ว เจ้าหยางเฟยเย่นก็แค่สวยนิดหน่อย? ไม่เห็นมีอะไรดีเลย!”
พอได้ยินว่าหลี่อู๋จี๋กำลังดูถูกหลินหยุน ซูจื่อเหลียงที่อยู่ข้างๆก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโห “เจ้าหนู เจ้าหุบปากเน่าๆของเจ้าให้ดี ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า!”
ข้างหลังหลี่อู๋จี๋ มีผู้อาวุโสสูงอายุที่จู่ๆก็เดินออกมาข้างหน้า จ้องมองซูจื่อเหลียงอย่างเย็นชา แล้วพูดออกมาว่า “เจ้าจะไม่เกรงใจยังไง? แสดงให้ข้าดูหน่อย!”
ผู้อาวุโสคนนั้นของสำนักอู๋จี๋ แววตาเผยความดูถูกออกมา นี่ยังไม่ทันได้เริ่มการทดสอบเลย คนพวกนี้กำลังจะมีเรื่องกันสักแล้ว
แต่ว่าตีกันได้ก็ดี ถ้าจะให้ดีก็ให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ให้สำนักอู๋จี๋ของพวกเขารอเก็บผลงานที่หลัง
หลินหยุนมองหลี่อู๋จี๋ คนคนนี้ไม่เหมือนคนที่ไม่มีหัวคิด ที่คิดแต่เรื่องรังแกคนที่อ่อนแอกว่า เมื่อกี้ตอนที่กำลังเผชิญหน้ากับสำนักอู๋จี๋ ถึงแม้เขาจะทำท่าเกรงใจ แต่ว่าเขากำลังแสดงให้ทุกคนเห็น เพื่อที่เขาจะเอามาใช้ประโยชน์
และตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุน ท่าทางของเขาก็หยิ่งยโสเป็นอย่างมาก นั่นเป็นความดูถูกที่เกิดจากใจจริงของเขา
แต่ว่า หลินหยุนรู้ตัวว่าตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามา ก็จ้องมองตัวเขาอยู่ตลอด เห็นได้ชัดว่ากำลังทดสอบตัวเขา
ตรวจสอบศัตรูอย่างมีกลยุทธ์ และตรวจสอบคุณค่าของศัตรูอย่างมีชั้นเชิง เห็นได้ชัดว่าอัจฉริยะของเจ็ดตระกูลใหญ่คนนี้ สมคำร่ำลือ
หลินหยุนไม่แสดงสีหน้าใดๆ จ้องมองหลี่อู๋จี๋ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “นางมีทีมแล้ว เจ้าตาบอดรึไง?”
ทุกคนมองไปยังหลินหยุน ด้วยสีหน้าตกใจ
“เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน ถึงกล้าพูดกับคุณชายอู๋จี๋แบบนี้!”
“กล้ามาก เจ้าหนุ่มคนนี้กล้าไม่เบา!”
“บางทีเขาอาจจะมีฝีมือจริงๆก็ได้นะ?”
“ฮ่าๆ มีฝีมือกับผี เขาเป็นคนจากโลกบู๊ปลอม คงจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของหลี่อู๋จี๋มาก่อน ถึงได้ไม่หวาดกลัวหลี่อู๋จี๋”
“ที่แท้ก็เป็นคนจากโลกบู๊ปลอม หยางเฟยเย่นตาบอดหรือเปล่า? ถึงได้เลือกคนจากโลกบู๊ปลอม!”
พอได้ยินว่าหลินหยุนไม่ใช่คนของโลกบู๊โบราณ เหล่าคนจากโลกบู๊โบราณต่างก็เริ่มหัวเราะเยาะ และพวกที่อยู่ในโลกบู๊ ก็ไม่ได้คิดที่จะเป็นศัตรูกับหลินหยุน แต่กลับยืนอยู่ข้างๆ เพื่อรอชมความสนุกที่ได้เห็นคนอื่นเดือดร้อน
เห็นได้ชัดว่า ต่อให้คนจากโลกบู๊ถูกคนจากโลกบู๊โบราณหาว่าเป็นโลกบู๊ปลอม ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
เมื่อดูจากความแข็งแกร่ง โลกบู๊ยังห่างชั้นกับโลกบู๊โบราณมาก
หญิงสาวในชุดแดงคนนั้นที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงเฮิงด้วยความเย็นออกมา “พวกเจ้าเป็นคนจากโลกบู๊โบราณแล้วยังไง? ก็ยังเป็นได้แค่พวกเสแสร้งเท่านั้นเอง”
“บังอาจ กล้าดูถูกโลกบู๊โบราณงั้นเหรอ อยากตายหรือไง!” มีคนตะโกนด่า
หลี่อู๋จี๋พูดว่า “เอาล่ะเอาล่ะ ก็แค่ผู้หญิงที่อยู่แดนพรสวรรค์เท่านั้นเอง ทำไมพวกเราต้องใส่ใจกับคำพูดของนางด้วย!”
หญิงสาวในชุดแดงคนนั้นเผยสีหน้าตกใจออกมา เจ้าหลี่อู๋จี๋สามารถมองความแข็งแกร่งของเธอออกได้ในทันที
หลี่อู๋จี๋มองไปยังหลินหยุน ด้วยท่าทางดูถูกเหมือนเดิม “เจ้าหนู เจ้าบอกว่านางเป็นเพื่อนร่วมทีมใช่ไหม? คำพูดของเจ้าไม่มีค่าอะไร ต้องให้คุณหนูหยางเป็นคนพูดด้วยตัวเอง”
“หลี่อู๋จี๋มองหยางเฟยเย่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุณหนูเฟยเย่น เจ้าเต็มใจที่จะเป็นเพื่อนร่วมทีมของข้าไหม? แน่นอนว่า ถ้าเกิดเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็ไม่ว่าอะไร!”
“ข้าจะนับถึงสิบ ถ้าเกิดเจ้าไม่ตกลง งั้นข้าก็จะถึงว่าเจ้าปฏิเสธ”
พอพูดจบ หลี่อู๋จี๋ก็เริ่มนับเลข
หนี่ง สอง……
“ข้าตกลง!”
หลี่อู๋จี๋ยังไม่ทันนับถึงสาม หยางเฟยเย่นก็วิ่งออกมา ยืนอยู่ข้างๆหลี่อู๋จี๋ แววตาของหลี่อู๋จี๋ เต็มไปด้วยความพึงพอใจ ใบหน้าที่งดงาม เต็มไปด้วยสีชมพู
หลี่อู๋จี๋มองหลินหยุน ด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง “ฮ่าๆๆ เจ้าหนู ข้าบอกแล้ว เป็นเพื่อนร่วมทีมของเจ้าหรือเปล่า คำพูดของเจ้าไม่ค่าอะไร!”
หยางเฟยเย่นมองไปยังหลินหยุน ก้มหน้าเพราะความรู้สึกผิดเล็กน้อย “ต้องขอโทษด้วย! เจ้าไม่ใช่คนจากโลกบู๊โบราณ ข้าไม่สามารถร่วมทีมกับเจ้าได้!”