จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 448กุญแจค่ายกล
ลูกน้องทั้งสี่คนของหลี่อู่จี๋ถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
บนภูเขาหลินหยุนและคนอื่นๆได้ดูภาพวิดีโอคอลจากการส่งมาของทั้งสี่คน
ถนนสี่สายที่เชื่อมต่อกับภูเขากู่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใดแม้แต่ป่าไม้ยังไม่มีหากมีสิ่งใดที่เหมือนกันก็จะระบุได้ง่าย
“คุณชายไม่มีสิ่งที่น่าสงสัยใดๆ!”เสียงลูกน้องของหลี่อู๋จี๋แว่วมาจากวิดีโอคอล
“ตรงนี้ก็ไม่มีเหมือนกัน”
เย่สวนฉียิ้มเยาะเย้ยและพูดว่า“ไอ้หนุ่มนายนี่พูดเรื่องไร้สาระตลอดหลอกลวงทุกคนค่ายกลนิรันดร์กาลอะไรขบวนค่ายกลสี่เหลี่ยมอะไรไร้สาระทั้งหมด!”
“เดี๋ยวก่อนพวกคุณดู!”หลี่อู๋จี๋ตะโกนขึ้นมาทันที
“ก้อนหินก้อนหินทรงกลม!ในสี่ทิศทางนั้น!ต่างมีก้อนหินทรงกลม!แต่ถูกปกคลุมด้วยดินค้นหายาก!”หลี่อู๋จี๋พูดอย่างตื่นเต้น
หลินหยุนพูดว่า“นั่นคือขบวนค่ายกลสี่เหลี่ยม”
“ไปพวกเราลงไปกันเถอะ!”
หลินหยุนเป็นผู้นำทางและทุกคนเดินลงจากภูเขา
ใบหน้าของเย่สวนฉีรู้สึกเขินเล็กน้อยและในที่สุดก็ตามลงไปและพูดพึมพำอย่างเย็นชา“ฉันไม่เชื่อหรอกในโลกนี้จะมีค่ายกลที่แปลกประหลาดเช่นนี้!ฉันจะคอยดูนายกำลังเล่นกลอุบายอะไร!”
หลินหยุนและคนอื่นๆมาถึงตีนเขาซึ่งมีถนนสายหลักทางตะวันออกที่เชื่อมต่อภูเขากู่
ที่เชิงเขาเล็กๆมีแผ่นหินกลมซึ่งส่วนใหญ่ฝังอยู่ในดินสีเหลือง
หากเป็นนักบู๊ธรรมดาจะไม่เห็นความผิดปกติของแผ่นหินนี้เลยแต่หลินหยุนสามารถเห็นได้ว่าแผ่นหินนี้เป็นหยกที่ยังไม่ได้ผ่านการเจียระไน
หินชนิดนี้มีชี่ทิพย์จากฟ้าดินผสมอยู่และยังสามารถจารึกไว้ในค่ายกลซึ่งสามารถใช้เป็นขบวนค่ายกลของค่ายกลได้
อยู่ในทะเลสาบเยว่หยาหลินหยุนได้วางค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์โดยกำเนิดไว้และใช้หยกนี้เป็นขบวนค่ายกลแต่ถ้าเทียบกับคุณค่าของหินนี้มันมีระดับสูงกว่า
“นี่แหละ!”
“ขุดมันออกมา!”
ทันใดนั้นมีนักบู๊สองคนก้าวไปข้างหน้าใช้ชี่ทิพย์ทั้งหมดที่มีและขุดแผ่นหินนั้นขึ้นมา
มีโคลนจำนวนมากบนแผ่นหินเผยให้เห็นถึงกลิ่นไอที่ไม่จางของประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานานและบางแห่งเป็นหลุมเป็นบ่อซึ่งบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ที่ผ่านลมผ่านหนาวมานานมาก
“แปลกมากทำไมแผ่นหินถึงมีรูกลมอยู่ตรงกลางแผ่นหิน?ดูเหมือนว่าจะมีคนจงใจเจาะออกไป!”หลี่อู๋จี๋ถามด้วยความสงสัย
หลินหยุนพูดว่า“นั่นไม่ใช่รูนั่นเป็นที่เสียบกุญแจขบวนค่ายกลไร้กุญแจค่ายกลต้องหากุญแจค่ายกลให้เจอเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างค่ายกลได้สำเร็จ”
ถึงตอนนี้ทุกคนเชื่อคำพูดของหลินหยุนแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์
“ล้อเล่นไม่รู้ว่าแผ่นหินนี้มีมานานแค่ไหนแล้วหลังจากหลายปีผ่านไปจะไปหากุญแจค่ายกลจากที่ไหน?”เย่สวนฉีพูดอย่างเย็นชา
“ใช่แล้วเซียนป้ายเยว่นั้นเป็นบุคคลเกือบพันปีที่แล้วค่ายกลฮู่ซานนี้อย่างน้อยก็มีมาพันปีแล้วเวลาพันปีทุกสรรพสิ่งในโลกได้เปลี่ยนไปสิ่งของอาจเหมือนเดิมแต่คนได้เปลี่ยนไปแล้วพวกเราจะไปหากุญแจค่ายกลจากที่ไหนกัน?”
ผู้อาวุโสเก้าพูดด้วยเสียงทุ้มลึกว่า“ไอ้หนุ่มนายมีวิธีหากุญแจค่ายกลได้หรือ?หรือใช้ประโยชน์จากขบวนค่ายกลนี้สามารถสัมผัสกุญแจค่ายกลได้หรือไม่?”
“คุณคิดมากเกินไปแล้ว”หลินหยุนโต้กลับอย่างไม่ไว้หน้า
“ไม่มีวิธีไหนที่จะสัมผัสถึงกุญแจค่ายกลและไม่มีวิธีไหนที่จะเดาได้ว่ากุญแจค่ายกลนั้นอยู่ที่ไหนอย่างไรก็ตามพวกเราสามารถหาคนที่รู้เรื่องในตอนนั้นได้”
ผู้อาวุโสเก้าถาม“จะหาได้อย่างไร?หลังจากผ่านไปพันปีใครจะมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้?”
หลินหยุนพูด“อารยธรรมประจีนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและอารยธรรมอื่นๆก็ล่มสลายแล้วมีแต่อารยธรรมประเทศจีนยังคงสืบทอดต่อไปสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนประเทศจีนให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสืบทอดพ่อสืบทอดถึงลูกชายอาจารย์สืบทอดให้ลูกศิษย์ดังนั้นที่อยู่ของกุญแจค่ายกลจะต้องถูกสืบทอดอย่างแน่นอน”
ผู้อาวุโสเก้าขมวดคิ้วและพูดว่า“อย่างไรก็ตามแม้ว่าหมู่บ้านนี้จะไม่ใหญ่แต่อย่างน้อยก็มีผู้คนนับหมื่นพวกเราจะหาผู้สืบทอดนี้ได้อย่างไร?”
หลายคนเงียบไม่พูดอะไรคนพวกนี้ต่างเป็นนักบู๊ฝึกฝนการฆ่าคนพวกเขามีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างไรก็ตามการให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆตามแนวคิดของคนทั่วไปนั้นมันค่อนข้างยากหน่อย
เมื่อเห็นทุกคนขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างหนักโล่เสว่ฉีถามอย่างสงสัย“มันก็แค่ค้นหาผู้สืบทอดไม่ใช่หรือ?นี่มันง่ายมาก!”
เย่สวนฉียิ้มเยาะเย้ยและพูดว่า“ง่ายเหรอ?สาวน้อยให้เธอหาผู้สืบทอดท่ามกลางผู้คนนับหมื่นโดยที่ไม่มีเบาะแสใดๆเลยเธอบอกฉันซิว่ามีวิธีง่ายๆได้ยังไง?”
“สาวน้อยก็ชอบพูดไร้สาระคนหนุ่มสาวไม่มีประสบการณ์เวลาทำงานก็ไว้ใจไม่ได้!”
ทุกคนปฏิบัติต่อโล่เสว่ฉีไม่ค่อยสุภาพนัก
โล่เสว่ฉีไม่ค่อยพอใจเงยหน้าที่งดงามของเธอและพูดอย่างเย็นชา“แม้ว่าจะมีผู้คนนับหมื่นในหมู่บ้านนี้เราแค่ต้องเข้าใจว่าในจำนวนคนพวกนี้มีผู้สืบทอดอยู่จากนั้นจึงใช้วิธีแบ่งแยกกำจัดคนที่เป็นไปไม่ได้เหล่านั้นออกไปและผู้ต้องสงสัยที่เหลือน่าจะมีน้อยมาก”
“เธอพูดต่อ!”ผู้อาวุโสเก้าพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
โล่เสว่ฉีพูดว่า“ในเมื่อเป็นผู้สืบทอดถ้างั้นฉันคิดว่าผู้สืบทอดแต่ละรุ่นก่อนที่ตัวเองจะเสียชีวิตจะต้องบอกความลับนี้แก่ผู้สืบทอดรุ่นต่อไปดังนั้นก่อนอื่นต้องดูอายุของผู้สืบทอดจะต้องเป็นคนที่มีอายุมากสุดในหมู่บ้านด้วยวิธีนี้เป้าหมายที่เรากำลังมองหานั้นก็ลดลงมากพวกเราแค่ไปหาผู้รับผิดชอบในหมู่บ้านและให้เขาพาพวกเราไปหาคนชราในหมู่บ้านก็พอ”
ผู้อาวุโสเก้าพยักหน้า“ด้วยวิธีนี้ในไม่ช้าก็จะพบผู้สืบทอดได้”
“ถ้างั้นจะรออะไรอยู่พวกเราก็รีบไปหาผู้รับผิดชอบในหมู่บ้านกันแล้วให้พวกเขาพาพวกเราไปตามหาคนชราเหล่านั้นกัน!”ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนอย่างอดใจไม่ไหว
“เดี๋ยวก่อนที่นี่คือโลกมนุษย์พวกเรามีคนเยอะขนาดนี้จะทำให้คนอื่นตกใจกลัวได้ฉันคิดว่าส่งตัวแทนสักสองสามคนไปก็เพียงพอแล้ว”เพราะยังไงโล่เสว่ฉีเป็นนักบู๊ที่ดำรงอยู่ในโลกมนุษย์และให้ความสำคัญกับผลกระทบของโลกมนุษย์มากกว่านักบู๊ที่รู้แต่การฝึกฝนเหล่านี้
“ไม่สำคัญว่าจะส่งผลกระทบอะไรพวกเราคนเยอะจะได้จัดการได้ง่ายถ้าผู้รับผิดชอบคนนั้นปฏิเสธล่ะ?ได้ยินมาว่าคนในโลกมนุษย์ต้องได้รับสิ่งของรางวัลถึงจะช่วยเหลือ”ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนอย่างไม่พอใจ
ผู้อาวุโสเก้าเหลือบมองโล่เสว่ฉีซึ่งกลอกตาไปด้านข้างจ้องไปที่ชายหนุ่มและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“เธอพูดถูกสำหรับคนในโลกมนุษย์พวกเราต้องระวังผลกระทบนั้น”
เมื่อผู้อาวุโสเก้าพูดชั่วขณะชายหนุ่มก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ผู้อาวุโสทั้งเก้าพูดว่า“ด้วยวิธีนี้หลี่อู๋จี๋ปรมาจารย์เย่หลินหยุนพวกเราสี่คนเป็นผู้นำและมาเลือกคนสองสามคนที่จะไปกับพวกเรา!”
“ดี!ฉันจะดูว่าสิ่งที่เรียกว่ากุญแจค่ายกลนั้นมีอยู่จริงหรือไม่!”เย่สวนฉียิ้มเยาะเย้ย
“พวกนายใครจะยินยอมติดตามไป”ผู้อาวุโสเก้าเหลือบมองฝูงชนและถาม
ทุกคนอยากไปแต่หลังจากปรึกษากันสักพักก็ตัดสินใจว่าให้ผู้อาวุโสที่มีพลังอำนาจสูงสุดสองคนเป็นตัวแทนและติดตามผู้อาวุโสเก้าและคนอื่นๆเพื่อไปค้นหาผู้สืบทอด
หลังจากเลือกคนเรียบร้อยแล้วหลี่อู๋จี๋พูดว่า“ฉันอยู่ในบริษัทโลกมนุษย์แห่งหนึ่งรู้จักคนที่รับผิดชอบหมู่บ้านนี้ฉันได้แจ้งข่าวไปแล้วพวกเราไปที่สำนักงานของผู้รับผิดชอบหมู่บ้านนี้โดยตรงเลย”
“ดี!”ผู้อาวุโสเก้าพูด
หลินหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่งผู้รับผิดชอบในหมู่บ้านเปากู่เดิมทีคือหยูจงหยวนแต่เพราะความสัมพันธ์ของเขาตอนนี้คงถูกแทนที่โดยพ่อของตัวเอง
คราวนี้บางทีฉันอาจได้เจอคุณพ่อ
ถ้าตัวเองอยู่คนเหล่านี้คงไม่กล้าทำเกินขอบเขตกับพ่อของตัวเอง
ซูจื่อเหลียงและคนอื่นๆรออยู่ที่เดิมหลินหยุนกับหลี่อู๋จี๋และผู้อาวุโสเก้าได้ไปที่สำนักงานของผู้รับผิดชอบหมู่บ้านเปากู่
การเดินทางอย่างราบรื่นทุกคนไม่มีการถากถางเยาะเย้ยและตรงไปยังที่หมายแล้วลงจากรถ
เมื่อไปถึงสำนักงานของผู้รับผิดชอบเมืองเป่ากู่จากระยะไกลก็เห็นกลุ่มคนสามคนรออยู่ที่หน้าประตู
เมื่อเห็นหลินหยุนและพรรคพวกของเขาลงจากรถทั้งสามก็เดินมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านไหนคือคุณชายหลี่ครับ?”คนที่พูดที่แท้ก็คือหยูจงหยวน