จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 489 ความสกปรกของพี่น้องตระกูลโห้
โห้จินผิงจ้องโห้จินเย่น เขาเข้าใจสิ่งที่น้องสาวต้องการ ต่อให้โห้ซือหนันจะแต่งออกไป เธอก็ไม่ยอมปล่อยให้โห้ซือหนันใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
แต่ว่า ถ้าเกิดงานแต่งนี้เกิดปัญหาขึ้นมา ตระกูลโห้ที่ลงทุนลงแรงจนได้สิทธิ์ในการค้าขายน้ำแห่งชีวิต ก็จะสูญเปล่าทันที
ถ้าเกิดอยู่ในมณฑลซีหนิง แล้วไม่ได้รับอนุญาตจากตระกูลกง ต่อให้ตระกูลโห้ของเขาจะเป็นตระกูลอันดับสองของมณฑลซีหนิง ก็ทำงานลำบาก
“น้องพี่ อย่าพูดจาเหลวไหล!ถ้าเกิดประโยคนี้ไปถึงหูพ่อของคุณชายกง เขาจะคิดกับคุณชายกงยังไง?” โห้จินผิงพูดเตือนสติ
โห้จินเย่นยิ้มด้วยเสียงเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ภายในใจกลับแอบหัวเราะเยาะพี่ชายตัวเองที่ไม่เข้าใจความคิดของลูกคุณหนูอย่างกงเห้า
กงเห้าตามจีบโห้ซือหนันมาโดยตลอด ตอนนี้โห้ซือหนันกลับโดนพ่อตัวเองแย่งไปก่อน เขาโมโหเป็นอย่างมาก พี่ใช้พ่อเขาในการกดดันเขา ไม่เพียงแค่ไม่มีประโยชน์ แถมยังเป็นการเพิ่มน้ำมันเข้าไปในกองเพลิง
อย่างที่คิดไว้ กงเห้าเตะประตูใหญ่อย่างรุนแรง แล้วตะโกนด่าเสียงดัง “โห้ซือหนันนางแพศยา ถ้าเกิดวันนี้มึงไม่มาอธิบายกับกูให้ชัดเจน กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
โห้จินเย่นมองไปยังชั้นบนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “น้องซือหนัน ถึงแม้พรุ่งนี้เธอจะแต่งเข้าตระกูลกง แต่จะทำตัวเป็นไม่รู้จักพี่ชายพี่สาวของตัวเองไม่ได้ถูกไหม?”
“พวกเราอุตส่าห์มาเยี่ยมเธอ แต่เธอกลับไม่ยอมให้เราเข้าไป ถ้าเกิดใครรู้เข้าจะโดนหัวเราะเยาะเอานะ!”
โห้จินผิงพอเห็นว่ากงเห้าต้องการจะเข้าไปให้ได้ จึงมีแต่ต้องทำตัวเป็นพี่ชายคนหนึ่ง หันไปตะโกนใส่ชั้นบนด้วยเสียงจริงจัง “น้องซือหนัน รีบเปิดประตูเดี๋ยวนี้ ให้คุณชายกงเข้าไป!การที่ปล่อยให้แขกอยู่ข้างนอก นี่ไม่ใช่วิธีการต้อนรับแขกของตระกูลโห้!”
ข้างในห้อง อันซินมองโห้ซือหนันด้วยความเป็นห่วง “ซือหนัน ทำยังไงกันดี? พี่ชายกับพี่สาวเธอก็มาด้วย”
โห้ซือหนันโกรธจนหน้าเขียว “โห้จินผิงกับโห้จินเย่นสองพี่น้องคู่นี้ ถึงขั้นนี้แล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยฉันไป!”
ถึงแม้โห้ซือหนันจะโมโหอยู่ แต่ว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความสับสนอย่างเห็นได้ชัด และเห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวสองพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างมาก จนคิดอะไรไม่ออก
อันซินพูดว่า “ทำยังไงดี?เรื่องแบบนี้ต่อให้แจ้งความก็ไม่มีประโยชน์!”
โห้ซือหนันเอามือกอดอกอย่างแน่นหนา ผ่านไปสักพัก ก็กัดฟันพูดออกมาว่า “ฉันจะไปเปิดประตู ดูสิว่าพวกเขาจะทำอะไรฉันได้!”
โห้ซือหนันไปเปิดประตู หลินหยุนและอันซินตามหลังเธอมา เธอยืนอยู่หน้าประตู จ้องมองกงเห้าทั้งสามคนด้วยสายตาเย็นชา
“พวกมึงต้องการอะไร?” โห้ซือหนันตะโกนด้วยสีหน้าเย็นชา
ทั้งสามเหมือนจะนึกไม่ถึงว่า ข้างในบ้านโห้ซือหนันจะมีคนอื่นอยู่ด้วย จ้องมองหลินหยุนกับอันซิน แล้วอึ้งไปสักพัก
โห้จินเย่นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ถึงว่าทำไมน้องซือหนันใช้เวลานานขนาดนี้ถึงยอมมาเปิดประตู ที่แท้ก็เก็บผู้ชายไว้ข้างในบ้านนี่เอง!”
กงเห้ามองหลินหยุนด้วยความโกรธ แล้วตะโกนถามว่า “นางแพศยา มันเป็นใคร?”
โห้ซือหนันโกรธจนหน้าแดง โห้จินเย่นนางปากหมา ไม่เคยพูดอะไรดีๆออกมาสักครั้ง
มองกงเห้าด้วยความโกรธ โห้ซือหนันพูดด้วยเสียงเย็นชา “เขาเป็นใคร มึงเกี่ยวอะไรด้วย! มึงมีสิทธิ์อะไรถึงได้มาตะโกนใส่หน้าฉัน?”
โห้จินผิงทำหน้าจริงจัง เหมือนพี่ชายคนหนึ่ง แล้วตะโกนว่า “โห้ซือหนัน ห้ามเสียมารยาทกับคุณชายกง!”
โห้จินเย่นยิ้มอย่างเย็นชา “คุณชายกง ได้ยินหรือยัง? เขาไม่สนใจจะอธิบายกับคุณด้วยซ้ำ ยังไงซะพรุ่งนี้เธอก็จะกลายเป็นแม่เลี้ยงของคุณแล้ว”
คำว่าแม่เลี้ยง จงใจลากเสียงยาวแล้วเน้นคำนี้ ฟังแล้วไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
กงเห้าเคยรับความอับอายแบบนี้ที่ไหน ทั้งๆที่ตอนแรกควรจะเป็นผู้หญิงของตัวเอง กลับกลายเป็นแม่เลี้ยงของตัวเองซะได้
ในฐานะที่เกิดเป็นคุณชาย จากนี้กงเห้าจะใช้ชีวิตต่อยังไง? นี่จะกลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายไปชั่วชีวิตของเขา
กงเห้าทำสีหน้าดุร้าย บวกกับที่มีฤทธิ์ของเหล้า เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจอะไรแล้ว ค่อยๆเดินเข้าไปหาโห้ซือหนัน มุมปากเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “แม่เลี้ยง? มึงชอบตาแก่ในบ้านกูขนาดนั้นเลยเหรอ? มันมีอะไรดี? ตาแก่นั้นกล้าแย่งผู้หญิงของกู กูก็กล้ายุ่งกับผู้หญิงของมัน!”
โห้ซือหนันตกใจจนค่อยๆถอยกลับไป ตะโกนเสียงดังว่า “กงเห้า มึงบ้าไปแล้วเหรอ ที่นี่เป็นบ้านของกู ถ้าเกิดอยากปลดปล่อยก็ไปปลดปล่อยที่อื่น!”
พอเห็นกงเห้าค่อยๆเดินเข้าไปหาโห้ซือหนัน โห้จินผิงกำลังคิดที่จะเข้าไปห้ามเขา แต่ว่า โห้จินเย่นที่อยู่ข้างหลังดึงโห้จินผิงเอาไว้
“พี่ชาย พี่ไม่รู้สึกว่าถ้าเกิดพวกเรากุมจุดอ่อนของกงเห้าเอาไว้ จะเป็นประโยชน์กับพวกเรามากกว่างั้นเหรอ?” โห้จินเย่นเบิกตาโตแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
โห้จินผิงเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ว่าสายตากลับไม่ได้มองการณ์ไกลเท่าโห้จินเย่น แต่ว่า พอได้คำเตือนจากโห้จินเย่น ครุ่นคิดสักพัก เขาก็สามารถคาดเดาผลลัพธ์ที่ตามมาได้ ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อตัวเองมากที่สุด
โห้จินผิงยิ้มด้วยใบหน้าชั่วร้าย “น้องพูดถูกแล้ว ถ้าเกิดสามารถกุมจุดอ่อนของกงเห้า แล้วเอามาใช้ประโยชน์กับพวกเรา เห็นได้ชัดว่ามันส่งผลดีกับพวกเรามากที่สุด”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะช่วยเขาสักหน่อยก็แล้วกัน!”
สายตาของโห้จินผิง มองไปยังอันซินที่อยู่ข้างๆ แววตาเผยความเร่าร้อนออกมา
สำหรับหลินหยุนที่อยู่ข้างๆอันซิน โดนมองข้างไปอย่างสิ้นเชิง
“คุณชายกง ผมจะมอบน้องสาวให้กับคุณก็แล้วกัน สาวสวยที่อยู่ข้างๆ ผมขอก็แล้วกัน!” โห้จินผิงยิ้มแล้วพูดด้วยสีหน้าชั่วร้าย
พอได้ยินประโยคของโห้จินผิง กงเห้าก็ยิ่งไร้ยางอายมากกว่าเดิม ความลังเลสุดท้ายเองก็หายไปจนหมดแล้ว
“ได้ มีสุขก็ต้องร่วมเสพ! น้องจินเย่น รบกวนเธอช่วยจัดการหน่อย!” กงเห้ายิ้มแล้วพูดด้วยใบหน้าชั่วร้าย
สีหน้าของโห้จินเย่นเต็มไปด้วยความดูถูก “คุณชายกงสนุกให้เต็มที่ การที่สามารถเอาใจคุณชายกง เป็นความโชคดีของน้องสาวฉัน”
“น้องซือหนัน อย่าลืมปรนนิบัติคุณชายกงให้ดีๆล่ะ ไม่งั้นจากนี้ถ้าเกิดเธอแต่งเข้าตระกูลกง ระวังจะอยู่ไม่เป็นสุขล่ะ!”
เห็นความเดือดร้อนของซือหนันเป็นความเรื่องสนุก โห้จินเย่นเอามือกอดอก ทำท่าทางเหมือนกำลังดูเรื่องสนุก
“สกปรก!โห้จินผิง โห้จินเย่น พวกมึงสองคนมันต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน!” โห้ซือหนันด่าทอด้วยความโกรธ
โห้จินผิงยิ้มอย่างเย็นชา “โห้ซือหนัน การที่คุณชายกงสนใจเธอ เป็นความโชคดีของเธอ จากนี้ถ้าเกิดเธอแต่งเข้าตระกูลกง ยังต้องได้รับการช่วยเหลือจากคุณชายกงไม่น้อย จะต้องปรนนิบัติคุณชายกงให้ดี ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”
อันซินที่อยู่ข้างๆโกรธจนกัดฟันแน่น มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น “สกปรกเกินไปแล้ว ไร้ยางอายเกินไปแล้ว บนโลกนี้กลับมีพี่น้องที่ชั่วร้ายขนาดนี้อยู่ด้วย! ถึงแม้ว่าซือหนันกับพวกเขาจะไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน แต่ยังไงซะทั้งสามคนก็มีพ่อคนเดียวกัน ทำไมทั้งสองคนถึงต้องทำกับซือหนันถึงขั้นนี้!”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในมหาลัย ก็มักจะได้ยินซือหนันพูดถึงบ่อยๆ ถ้าเกิดไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ต่อให้ตายฉันก็เชื่อไม่ลงว่าบนโลกนี้กลับมีญาติพี่น้องที่ต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานแบบนี้อยู่ด้วย!”
หลินหยุนจ้องมองภาพเหล่านี้อย่างเงียบๆมาโดยตลอด คนที่จิตใจสงบแบบเขา ก็เผลอปล่อยจิตสังหารออกมา
วิธีที่สองพี่น้องนี้ใช้กับโห้ซือหนัน เลวร้ายยิ่งกว่าตระกูลหวางที่ทำกับเขาในชาติที่แล้วสักอีก
ยิ่งไปกว่านั้น น้องสาวของตัวเองยังยืนมองอยู่ข้างๆ พวกเขาสองคนกลับคิดจะลงมือทำเรื่องชั่วช้ากับผู้หญิงสองคน!
เห็นแบบนี้ก็พอรู้ว่า ตระกูลกงหยิ่งยโสขนาดไหนในมณฑลซีหนิง!
โห้ซือหนันถอยจนหลังติดกำแพง โห้จินผิงเองก็เดินไปหาอันซินด้วยใบหน้าชั่วร้าย
หลินหยุนไม่พูดอะไร ก้าวเท้าออกไปทันที วินาทีต่อมา ก็ไปอยู่ตรงหน้าของโห้ซือหนัน ตบกงเห้าจนกระเด็นออกไป
“อ้าก!
กงเห้าส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กระอักเลือดออกมาพร้อมกับฟันหลายซี่ หน้าครึ่งหนึ่งบวมจนเหมือนกับหัวของหมู
ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะกังวลว่าถ้าเกิดลงมือฆ่าในทันทีแล้วจะทำให้ผู้หญิงทั้งสองตกใจ ฝ่ามือนี้คงจะส่งกงเห้าไปโลกหน้าแล้ว
“คุณชายกง!” โห้จินผิงร้องด้วยเสียงตกใจ ราคะที่อยู่บนตัวหายไปจนหมด รีบวิ่งเข้าไปหากงเห้า แล้วพยุงกงเห้าขึ้นมา
“คุณชายกง คุณเป็นอะไรไหม?”
กงเห้าจับปากของตัวเอง พูดจาไม่ค่อยชัด “มึง มึง มึงกล้าตบกูเหรอ กูจะฆ่ามึงทั้งครอบครัว!”