จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 492 โห้หมิงคนมีตาแต่ไร้แวว
โห้หมิงหันไปมองอันซินอย่างเย็นชา พร้อมตอบด้วยสีหน้าไม่แยแส: “เรื่องในครอบครัวของฉัน ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างเธอมายุ่ง”
“ถ้าเธอยังกล้าพูดมากอีก อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน !”
“คุณมัน……บ้าอำนาจจริงๆ !” อันซินโกรธจนใบหน้าเล็กๆ ของเธอแดงระเรื่อ
โห้ซือหนันกุมมืออันซินเอาไว้ พร้อมกับส่ายหน้า แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ : “อย่าสนใจฉันเลย เดี๋ยวเธอพาหลินหยุนออกไปจากที่นี่เถอะนะ!”
โห้หมิงตะคอกอย่างเยือกเย็น: “ยังไม่รีบไปอีก!ทางที่ดีก่อนที่ทางตระกูลกงจะมาถามหาเอาความรับผิดชอบจากเธอ ก็รีบเป็นฝ่ายไปยอมรับผิดกับนายท่านกงก่อนจะดีกว่า ถ้าหากรอให้คนตระกูลกงเป็นฝ่ายเข้ามาหาก่อน อย่างนั้นจะสายเกินไปแล้ว !”
มือทั้งสองของโห้ซือหนันกำหมัดแน่น ด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง
ทางด้านหลินหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆ คอยมองดูการแสดงของเจ้าบ้านตระกูลโห้คนนี้อย่างเงียบๆมาโดยตลอด ตอนนี้เขาเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วว่า คนแบบนี้ไปทำท่าไหนมาถึงได้ครอบครองสิทธิ์เป็นตัวแทนของน้ำแห่งชีวิต
“ดูแล้วในตอนที่เจี่ยงสงทำการเลือกตัวแทน คงจะยังไม่มีความเข้มงวดมากพอสินะ!”
โห้จินผิงที่เห็นว่าโห้ซือหนันยังยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน จึงกล่าวแนะด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม : “น้องซือหนัน ที่คุณพ่อพูดก็ไม่ผิด เธอรีบเป็นฝ่ายไปยอมรับผิดกับนายท่านกงก่อนจะดีกว่า อย่ารอให้ตระกูลกงมาเอาความถึงบ้าน ไม่อย่างนั้นจะสายเกินไปจริงๆ แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน!” หลินหยุนพูดขึ้นอย่างเฉยชา
สายตาของทุกคนพุ่งตรงไปยังร่างของหลินหยุนอย่างพร้อมเพรียงกัน
“คนที่พวกคุณพูดถึงหน่ะ ผมเป็นคนลงมือเองต่างหาก ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาผม เธอไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย”
หลินหยุนเดินตรงไปข้างหน้า แล้วบังหน้าของโห้ซือหนันเอาไว้ พร้อมกับตวาดสายตาอันเรียบนิ่งไปยังใบหน้าสองพี่น้องโห้จินผิง ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าของโห้หมิง
โห้หมิงมองไปยังหลินหยุนด้วยความสงสัย: “บาดแผลของกงเห้าเป็นฝีมือนายงั้นหรอ?”
“ใช่” หลินหยุนตอบ
โห้หมิงที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับหันไปถลึงตาใส่สองพี่น้องโห้จินผิง : “พวกเธอบอกว่าบาดแผลของกงเห้านั่น ซือหนันเป็นคนลงมือทำเองไม่ใช่หรือไง?”
โห้จินผิงก้มหน้าตอบ: “ไม่ผิดค่ะ เป็นน้องซือหนันที่ให้เจ้าหมอนี่เป็นคนลงมือค่ะ”
โห้หมิงถึงกับยิ้มอย่างเยือกเย็น: “พูดแบบนี้ หมายความว่าบาดแผลของกงเห้าไม่ใช่ซือหนันที่เป็นคนลงมือเองสินะ”
“อย่างนั้นก็แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นเยอะเลย”
โห้จินผิงสองพี่น้องได้เพียงหันหน้ามาสบตากัน ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกันว่าแผนการใส่ร้ายโห้ซือหนันของพวกเธอนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่าแล้ว และเพื่อที่จะให้โห้ซือหนันได้แต่งงานกับตระกูลกง โห้หมิงจะต้องหาหนทางในการปกป้องโห้ซือหนันแน่นอน
ทั้งสองถึงแม้จะยังมีความแคลงใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรอีกด้วยความชาญฉลาด
หลินหยุนที่เฝ้าฟังพ่อลูกตระกูลโห้สนทนา ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์แล้ว
ต้องเป็นเพราะว่าสองพี่น้องโห้จินผิง ที่อยากจะใส่ร้ายโห้ซือหนัน ดังนั้นจึงบอกไปว่าอาการบาดเจ็บของกงเห้านั้นเป็นฝีมือของตัวโห้ซือหนันที่เป็นคนลงมือเอง
แต่ว่า ความคิดของโห้หมิงกลับแตกต่างกับสองพี่น้องคู่นี้ เขานั้นไม่ต้องการที่จะเอาความโห้ซือหนัน เขานั้นเพียงต้องการพึ่งพาโห้ซือหนันให้แต่งงานกับตระกูลกง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าบาดแผลของกงเห้าเป็นฝีมือของหลินหยุน โห้หมิงจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และคิดเพียงแค่อยากจะพาหลินหยุนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลโห้ของเขาไปส่งให้กับกงเฉิงยู่
โห้หมิงจ้องหลินหยุนอย่างเฉยชา: “เจ้าหนุ่ม นายรู้ว่าคนที่นายไปทำร้ายนั่นเป็นใครหรือเปล่า ?นั่นเป็นถึงคนของตระกูลกงแห่งซีหนิงเชียว และเป็นลูกชายของลูกพี่ลูกน้องของเจ้าบ้านตระกูลกงด้วย!”
“นายกลับไปตัดตอนเขาอย่างนั้น นายเป็นคนหาที่ตายเอง แล้วยังกล้าพาตระกูลพวกเราไปลำบากรับผิดชอบด้วยอีก !”
“ตอนนี้ นายรีบไปตระกูลกงกับฉัน แล้วก็ไปก้มหัวยอมรับผิดกับนายท่านกงซะ แต่จะเป็นตายร้ายดียังไง ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของนายเอง!”
อันซินที่เห็นว่าตอนนี้โห้หมิงกำลังเอาความผิดทุกอย่างมาโยนใส่หัวหลินหยุน ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาต้องการให้หลินหยุนไปเป็นตัวตายตัวแทนให้กับโห้ซือหนัน
“ทำไมกันคะ หลินหยุนเพราะต้องการช่วยซือหนันถึงได้ลงมือ อีกอย่างกงเห้ายังเรียกบอดี้การ์ดมาต่อสู้กับหลินหยุนอีก หลินหยุนไม่ได้ทำผิด คนที่ควรรับผิดคือกงเห้าต่างหาก !” อันซินร้องตะโกนออกมาเย็นชา พลางจ้องโห้หมิงด้วยความโกรธเคือง
โห้หมิงยิ้มเยาะ: “ฉันไม่สนว่าพวกเธอใครผิดใครถูก ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้กงเห้าถูกเจ้าหนุ่มนี่ตัดตอนไปแล้ว และเจ้าหนุ่มนี่ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ในสภาพที่สมบูรณ์อีก ฉะนั้นเขานั่นแหละที่เป็นคนร้าย”
“ไปรับผิดต่อตระกูลกงกับฉันเสียดีๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกคนมาจับตัวนายไป !”
“พอได้แล้ว!” ทันใดนั้นโห้ซือหนันก็ร้องตะโกนออกมาอย่างดุดัน พร้อมเดินไปข้างหน้าแล้วขวางหน้าหลินหยุนเอาไว้ ก่อนจะจ้องตากับโห้หมิงด้วยความเคือง
“พ่อคะ หลินหยุนเป็นเพื่อนของหนู อีกอย่างเพื่อที่จะช่วยหนูเขาถึงได้ใช้กำลัง ดังนั้นหนูจะยอมรับความผิดทั้งหมดนี้เอง น่าไปสร้างความลำบากกับเขาเลย”
โห้หมิงชี้หน้าโห้ซือหนันด้วยความโมโห พร้อมกล่าวด่าทอ : “ยัยคนโง่ เธอจะรับผิดชอบยังไง !เธอคิดว่าตัวเองจะรับผิดชอบไหวหรือไง?เขาตัดตอนกงเห้า แบบนี้จะให้กงเฉิงยู่เอาหน้าไปไว้ที่ไหน ?เขาจะฆ่าเธอแน่!”
โห้ซือหนันตอบกลับด้วยสีหน้าที่แน่วแน่: “อย่างมากก็แค่ตาย ยังไงซะหนูก็ใช้ชีวิตมามากพอแล้ว”
“เธอ……” โห้หมิงโกรธจนหน้าแดง ก่อนจะตวาดฝ่ามือออกไปอย่างแรง : “เธออยากตาย ก็อย่าได้มาสร้างความเดือดให้กับคนในตระกูลสิ !”
โห้ซือหนันหลับตาแน่นอย่างยอมรับชะตากรรม รอรับฝ่ามือนั้น
แต่ทว่าผ่านไปสักพัก ฝ่ามือนั้นกลับยังไม่กระทบลงมาสักที
โห้ซือหนันลืมตาขึ้น แล้วได้เห็นว่ามือข้างหนึ่งของหลินหยุนกำลังจับข้อมือของโห้หมิงเอาไว้อย่างแน่น จากนั้นเขาพูดออกมาอย่างเย็นชา : “เพียงเพื่อแค่ได้ขายน้ำแห่งชีวิต ถึงกับยอมขายลูกสาวในไส้ของตัวเอง”
“ผมล่ะสงสัยจริงๆ กับแค่คนแบบคุณ ทำไมถึงได้ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนของการขายน้ำแห่งชีวิต”
โห้หมิงเดือดหนัก: “ไอ้หนุ่ม ปล่อยมือ!”
โห้จินผิงเองก็ตกใจไปเบา: “หลินหยุน รีบปล่อยมือคุณพ่อนะ !”
โห้จินเย่นรีบร้อนตะโกนออกมาเช่นกัน: “โห้ซือหนัน ยังไม่รีบบอกเพื่อนปีศาจของเธออีก รีบปล่อยคุณพ่อซะ !นี่เป็นเพื่อนที่เธอคบค้าด้วยงั้นหรอ แต่ละคนไม่มีการอบรมสั่งสอนเลย !”
โห้ซือหนันถึงกับต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสองพี่น้องโห้จินผิงใหม่อีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าโลกใบนี้ยังมีคนไร้ยางอายแบบนี้อยู่อีก
แต่ถึงอย่างไร ด้วยความที่ตั้งแต่เด็กโห้ซือหนันได้รับการสั่งสอนตามแบบดั้งเดิม ดังนั้นถึงแม้ว่าโห้หมิงจะปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เท่าเทียม แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้หลินหยุนลงมือทำร้ายโห้หมิง
“หลินหยุน อย่าเพิ่งใจร้อนเลย ไม่ว่าจะยังไง เขาก็เป็นพ่อฉัน ฉันไม่อยากเห็นนายลงมือทำร้ายเขา !”
หลินหยุนได้เพียงเหลียวไปมองโห้ซือหนัน พร้อมพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ : “เธอบอกว่าเขาคือพ่อของเธอ แต่ในสายตาของฉัน เขาก็แค่คนเลวที่ขายลูกสาวเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น”
เมื่อพูดจบ หลินหยุนก็ปล่อยข้อมือของโห้หมิง ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา : “เพราะเห็นแก่หน้าของลูกสาวคุณ จะปล่อยคุณไปสักครั้ง แต่ถ้าหากกล้าใช้กำลังอีก ไม่ว่าใครจะร้องขอก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้อีก”
โห้หมิงดึงแขนข้างที่ถูกหลินหยุนจับเอาไว้จนเกือบจะชากลับมา ภายในแววตาแฝงไปด้วยความตะลึง เจ้าหนุ่มคนนี้มีแรงเยอะใช่ย่อยเลย !
“ไอ้หนุ่ม เพราะความไม่รู้เลยทำให้นายไม่มีความหวาดเกรงอะไร แต่ไม่ช้าไม่นานยังไงมันก็จะพานายไปสู่ทางตัน นายไม่รู้ซะแล้วว่าการเป็นตัวแทนของน้ำแห่งชีวิตนั้นมีความล้ำค่าขนาดไหน ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าตระกูลกงมีการขัดขวางเอาไว้ แค่การพึ่งพาน้ำแห่งชีวิต ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีฉันก็สามารถก้าวข้ามตระกูลกงได้แล้ว และจะกลายเป็นตระกูลใหญ่อันดับในมณฑลซีหนิงโดยทันที !”
“สิทธิ์การเป็นตัวแทนของน้ำแห่งชีวิตนี้ ขนาดตระกูลกงยังเอามาไม่ได้เลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านเจี่ยง ก็คงจะไม่มีโอกาสเลย”
“แต่ถึงจะพูดแบบนี้ ฉันเองก็ลงมือลงแรงไปมากไม่น้อยเลยทีเดียว กว่าจะได้รับสิทธิ์การเป็นตัวแทนนี้มา”
“นายกล้ามาดูถูกน้ำแห่งชีวิตแบบนี้ ดูก็รู้ว่านายมีความไม่รู้ขนาดไหน คาดแล้วนายก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำแห่งชีวิตนั้นมีความอัศจรรย์ขนาดไหน”
หลินหยุนเผยสีหน้าขี้เล่นออกมา: “ใช่ครับ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้ำแห่งชีวิตนั้นมีความอัศจรรย์ยังไง แต่ผมรู้เพียงแค่ว่าสิทธิ์ตัวแทนของน้ำแห่งชีวิตนี้ มันไม่คู่ควรมอบให้กับคนอย่างคุณ ฉะนั้นสิทธิ์ตัวแทนของคุณ ผมขอรับคืนแล้วกันนะครับ”
โห้หมิงถึงกับยิ้มเยาะด้วยความดูถูก: “น่าขำ สิทธิ์ตัวแทนน้ำแห่งชีวิต มันเป็นสิ่งที่คุณบอกไม่ให้ก็ไม่ให้งั้นหรือไง ?”
“กว่าฉันจะโดดเด่นออกมาจากคู่แข่งจำนวนมากมายขนาดนั้นได้ ต้องใช้กำลังคนและกำลังทรัพย์ไปมากเท่าไหร่กว่าจะได้สิทธิ์นี้มาครอบครอง คิดว่าใครจะมาเอามันคืนกลับไปได้งั้นหรอ ?ต่อให้เป็นเจี่ยงสง ตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์จะเรียกคืนทั้งนั้น!”
“นายก็แค่ไอ้บ้านนอกที่แม้แต่เรื่องของน้ำแห่งชีวิตยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ ยังมีหน้ามาพูดจาใหญ่โตอยู่ตรงนี้อีก !”
“ฉันเตือนนายว่าให้ไปรับผิดต่อนายท่านกงกับฉันอย่างว่าง่ายจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ !”