จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 500 เธอไม่ต้องการ
แน่นอนว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันนี้มีเหล่านักเรียนจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์จำนวนมากมาที่นี่ และนักเรียนส่วนใหญ่ก็มาเพื่อที่จะเอาสนุกเท่านั้น แต่การที่จะบอกว่าไม่มีความคิดเรื่องการหาโอกาส ตีสนิท หรือกระชับความสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หลินเสี่ยวลู่เองก็เข้าใจจุดนี้ ถึงได้ใจกล้าใช้คำพูดนี้ใส่ร้ายอีหลิง
แม้ว่าคนส่วนมากจะช่วยอีหลิงพูดต่อว่าอยู่ในใจ แต่กลับไม่มีใครกล้าตำหนิหลินเสี่ยวลู่ออกมาอย่างเปิดเผยเลย
เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถหาเหตุผลที่จะมาโต้แย้งหลินเสี่ยวลู่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือถ้าหากโต้แย้งกลับไปอย่างมั่วซั่ว บางทีอาจถูกหลินเสี่ยวลู่โยงไปถึงเรื่องคนที่จะใช้ความคิดกับท่อนล่างในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น
ส่วนจางซือจู่และคนอื่นๆ ที่เหลือเองก็ไม่สามารถเหตุใดมาล้มล้างได้เหมือนกัน เพราะว่าตอนแรกพวกเขาเองที่อยากจะให้อีหลิงไปตีสนิทกับหลินเสี่ยวลู่ เพื่อเพิ่มโอกาส
ถึงแม้ว่าอีหลิงจะไม่ได้มีความคิดอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงอะไรได้เลย
อู่ซื่อหานที่เห็นว่าอีหลิงและคนอื่นๆ ไม่พูดอะไร จึงยิ่งเกิดความทะนงมากขึ้น พร้อมกับพูดอย่างได้ใจ : “พูดสิ พวกเธอทำไมถึงไม่พูดแล้วหล่ะ ?ถ้าหากว่าไม่ได้มีความคิดที่จะตีสนิทแล้วใช้ทางลัดเข้าทำงาน แล้วนักเรียนอย่างพวกเธอจะมางานฉลองการรวมกิจการของบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ทำไมกัน ?”
“งานเลี้ยงฉลองแบบนี้ มีความเกี่ยวข้องกับพวกเธอหรือยังไง !”
เทพฟ้าผ่าตะคอกลั่น : “เธอมาอยู่ที่นี่ทั้งที่ก็เป็นนักเรียนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ?”
อู่ซื่อหานยิ้มอย่างเยาะเย้ย: “ก็เพราะฉันเป็นผู้ช่วยของพี่จื่อฉีน่ะสิ ไม่ให้ฉันมาอยู่ที่นี่แล้วจะให้ผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบนายมาดูแลพี่จื่อฉีหรือไง ?”
ฝ่ายเถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิง พวกเขาทำได้เพียงมองดูอยู่ไกลๆ เท่านั้น ถึงแม้ว่าพวกเธอจะอยากเห็นอีหลิงได้รับความอับอาย แต่เพราะว่ามีหลินหยุนที่นั่งอยู่ตรงนั้น พวกเธอเลยไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปใกล้
ส่วนบางคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินเสี่ยวและจ้าวจื่อฉี ก็เริ่มช่วยพวกเธอที่ทำในการสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์อีหลิง
หญิงสาวสวมชุดสุดเปรี้ยวคนหนึ่ง พูดแดกดันขึ้นมา : “พี่เสี่ยวลู่พูดก็ถูกนะ เป็นแค่นักเรียนแต่กลับมางานแบบนี้ นอกจากมองหาโอกาสแล้ว จะยังเป็นอะไรได้อีก !”
ในขณะที่หญิงสาวอีกคนที่กำลังส่องกระจกเติมเครื่องสำอางอย่างหนักพูดต่อด้วยเสียงเยาะเย้ย : “หล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียว แต่กลับมีผู้ชายตามตัวตั้งหลายคนขนาดนั้น ยิ่งกว่านั้นผู้ชายพวกนั้นแต่ละคนก็ยังช่วยพูดให้กับเธออีก เธอที่คิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติไหมล่ะ ?”
“ฉันว่านะ ยัยคนนี้ก็แค่อยากจะตีสนิทกับพี่เสี่ยวลู่ แต่พอถูกพี่เสี่ยวลู่มองออก ก็เลยแสร้งทำตัวน่าสงสาร เพื่อให้ทุกคนเห็นใจ”
“หื้ม อายุน้อยอย่างนี้ก็มีความคิดแผนการเยอะขนาดนี้ หลังจากจบจากสถาบันก็คงจะเป็นคนเจ้าแผนการคนหนึ่ง !”
ความคิดเห็นจากคนรอบตัวเริ่มเอนเอียง เปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่เป็นผลดีต่ออีหลิงทันที
อีหลิงรู้สึกตระหนกจนเกือบจะร้องไห้ออกมา แต่เธอก็ไม่สามารถหาหลักฐานอะไรที่มีน้ำหนักในการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้มีความคิดในการตีสนิทกับหลินเสี่ยวลู่
“ฉันแค่อยากจะทักทายกับรุ่นพี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นนะ!ไม่ได้มีความคิดอื่นใดเลย ทุกคนโปรดเชื่อใจฉันด้วย !”
แววตาของอีหลิงเต็มไปด้วยความน่าเห็นใจอย่างมาก มองไปยังทุกคนเพื่อร้องของความช่วยเหลือ
ทว่าคนส่วนมากที่ได้เห็นสายตานั้นของอีหลิงต่างพากันหันหน้าหนีไปทางอื่นแทน หรือไม่ก้มหน้าลง โดยไม่พูดอะไร
ทางด้านจางซือจู่และคนอื่นๆ ก็อยากจะช่วยพูดให้กับอีหลิง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี อีกอย่างก็กลัวว่านอกจากจะช่วยอะไรอีหลิงไม่ได้แล้ว บางทีอาจจะถูกหลินเสี่ยวลู่และอู่ซื่อหานจับจุดอ่อนได้แทน
หลินหยุนเหลียวมองไปยังหลินเสี่ยวลู่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ : “เธอไม่จำเป็นต้องไปตีสนิทกับคุณหรอก”
“เพราะว่า คุณไม่คู่ควร!”
เสียงของหลินหยุนราบเรียบ แต่ว่าภายในวงสนทนาที่เสียงดังนั้น ทุกคนกลับได้ยินคำพูดนั้นที่เข้าไปในหูอย่างชัดเจน
ผู้คนรอบถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่จะพากันหันไปมองหลินหยุน แล้วพูดอย่างตกใจ : “เจ้าเด็กนี่เป็นใครหัน?ถึงได้กล้ามาพูดว่าหลินเสี่ยวลู่ไม่คู่ควร !”
“ไม่รู้จัก แต่เดาว่าน่าจะเป็นเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนนั้น ที่เป็นนักเรียนจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์”
“แต่จะยังไงเจ้าเด็กนั่นก็ใจกล้าไม่เบา ถึงได้กล้าย้อนคำพูดหลินเสี่ยวลู่ !”
ใบหน้าพึงพอใจของหลินเสี่ยวลู่ กลับกลายเป็นความโกรธขึ้นมาทันที เธออยากจะกระโจนเข้าไปฉีกปากหลินหยุนทิ้งซะ
แต่เพราะว่าที่นี่คือสถานที่สาธารณะ เธอจึงต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ก่อน
หลินเสี่ยวลู่สะกดความโกรธเอาไว้ แล้วมองหลินหยุนพร้อมพูดด้วยสีหน้าที่ดูถูก : “เจ้าหนุ่ม นายเป็นอะไรกัน ถึงได้กล้ามาพูดโอ้อวดอยู่ตรงนี้ !”
“ไหนนายลองบอกกับทุกคนหน่อยสิว่าทำไมฉันถึงไม่คู่ควร ?”
อู่ซื่อหานที่อยู่ข้างๆ เอ็ดตะโรขึ้นมา: “ไอ้หมาบ้าจากไหน กล้ามาเห่าหอนอยู่ที่นี่ !เป็นแค่นักเรียนตัวกระจ้อยอย่างพวกนาย ยังจะกล้าดีมาดูถูกพี่เสี่ยวลู่อีก!ในสายตาของพวกนายดาราชั้นนำและผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงที่นั่งอยู่ในงานนี้ ไม่คู่ควรให้พวกนายเคารพแล้วงั้นสินะ !”
อู่ซื่อหานคิดร้ายอยู่ในใจ เพราะแค่เอ่ยปากพูดก็เป็นการผลักไสให้หลินหยุนและคนอื่นๆ ตกไปในหลุมพายุทันที ถ้าหากเขาตอบได้ไม่ดี มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกับทุกคนทันที
เหล่าดาราชั้นนำ และเหล่าคนชั้นผู้ใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังวงการที่นั่งอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ชื่นชอบที่อู่ซื่อหานใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือ แต่เมื่อเทียบกับท่าทีจองหองนั้นของหลินหยุนแล้ว กลับยิ่งไม่ชื่นชอบมากกว่าอีก
ในวงการบันเทิง ถึงแม้จะมีความเละเทะ แต่เรื่องรุ่นและกฎเกณฑ์ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าลับหลังทุกคนจะคอยทิ่มแทงกันยังไง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจะต้องแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกัน และสุภาพต่อกัน
หลินหยุนในฐานะที่ยังเป็นนักเรียนคนหนึ่ง แต่กลับกล้าไปดูถูกหลินเสี่ยวลู่ที่ได้มีผลงานปรากฏต่อสาธารณชนมานานถึงสองปี และพอจะมีชื่อเสียงแล้ว เรื่องนี้อย่าเพิ่งไปสนใจว่าใครเป็นฝ่ายถูกฝ่ายผิด เพราะพฤติกรรมของหลินหยุนนั้นเทียบได้กับว่าเขากำลังท้าทายกฎเกณฑ์บางอย่างของวงการบันเทิง
“เจ้าหนุ่มนี่ พูดจาสามหาวซะแล้ว!”
“ก็นั่นน่ะสิ เป็นแค่นักเรียน แต่กล้าไปดูถูกหลินเสี่ยวลู่ที่เป็นถึงดาราระดับสาม ช่างโอหังจริงๆ !”
หลายคนจากที่เดิมทีพอจะเห็นใจอีหลิง เมื่อมาเจอคำพูดแบบนี้ของหลินหยุนเข้าไป จึงพากันคอยนั่งสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ แทน
เรื่องที่เกิดขึ้นตรงนี้ ตอนแรกก็เป็นแค่ที่สนใจของคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น แต่เมื่อความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น พวกเขาก็ค่อยๆ ดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งงานทันที
และด้วยความที่งานยังไม่เริ่มพิธี ในเวลานี้ทุกคนเลยอยู่ในช่วงพูดคุยโอ้อวดใส่กัน หรือไม่บางคนก็พูดคุยกันเพื่อคั่นเวลา ซึ่งถ้าหากว่ามีเรื่องซุบซิบที่จะทำให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม คนเหล่านั้นต่างก็ยินดีที่จะได้ฟังได้เห็น
บริเวณแถวนั่งที่หนึ่ง เหล่าดาราระดับหนึ่ง รวมทั้งหลี่หมิง โจวเจ๋หลุน และหล่าซุปเปอร์สตาร์แนวหน้า
หรือแม้กระทั่งเหล่าผู้ใหญ่แห่งวงการบันเทิงที่นั่งอยู่บนที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ข้าง
ๆ เวทีอย่าง จางเจียหยู เฉิงต๋า หยวนเบียวและคนอื่นๆ ที่มีตำแหน่งสูงส่งใกล้เคียงกับหลินหยุนที่เป็นประธานผู้อยู่เบื้องหลังของหัวหยา กรุ๊ป
ต่างก็หันมาให้ความสนใจกับการต่อสู้ระหว่างหลินหยุนและหลินเสี่ยวลู่
แต่ถึงยังไง คนใหญ่คนโตเหล่านี้ต่างก็มีทิฐิที่สูงเลี่ยว ราวกับเทพเจ้าเลยทีเดียว และในสายตาของพวกเขา การต่อสู้ของหลินหยุนและหลินเสี่ยวลู่ไม่ต่างอะไรกับมดที่กำลังตีกันเลย
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นถึงดาราชื่อดัง ซุปเปอร์สตาร์แนวหน้า รวมทั้งเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ ก็มีบางคนที่ต่อต้านคำพูดของหลินหยุน
หลี่หมิงตั้งหน้าตรงพร้อมพูดด้วยเสียงที่ออกมาจากจมูก: “คนรุ่นหลังสมัยนี้ ยิ่งนานยิ่งไม่เคารพกฎเกณฑ์กันหมดแล้ว”
โจวเจ๋หลุนแสยะยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไรออกมา แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็รู้สึกดูถูกกับคำพูดของหลินหยุน
ส่วนชายอายุหกสิบกว่าอย่างเฉิงต๋าก็หันไปมองจางเจียหยูและหยวนเบียวพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม: “เจ้าหนุ่มนี่ช่างเป็นวัยรุ่นใจกล้าจริงๆ”
จางเจียหยูยักไหล่แล้วตอบกลับ: “กล้าที่จะต่อต้านถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องก็ทำตามกำลังที่มี ไม่อย่างงั้นก็จะเป็นเพียงความกล้าหาญของคนไร้สติ”
หยวนเบียวพูดต่อด้วยสำเนียงภาษาจีนที่ไม่ชัดของเขา : “ไม่นานเขาก็ต้องได้รับผิดชอบกับคำพูดโอหังของตัวเอง”
ทว่าตัวหลินหยุนกลับไม่ได้สนใจท่าทีของคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับจ้องมองหลินเสี่ยวลู่ด้วยสายตาที่เย่อหยิ่ง แล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าเฉยเมย : “ถ้าหากว่าอีหลิงอยากจะเข้าวงการจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหวนตี้ หรือบริษัทเกนเนอร์ เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ตามใจเลย สำหรับดาราระดับสามอย่างคุณ ไม่อยู่ในสายตาของเธอหรอก”
บริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์ อีกเดี๋ยวก็จะรวมกิจการกลายเป็นของหัวหยา กรุ๊ปแล้ว หลินหยุนในฐานะเจ้านายผู้อยู่หลังม่านของหัวหยา กรุ๊ป ถ้าหากเขาคิดจะปั้นอีหลิง แค่พูดคำเดียวก็พอแล้ว
แต่อย่างว่าผู้คนในงาน ไม่มีใครรู้เรื่องฐานะของหลินหยุนเลย
ทุกคนเลยคิดว่าหลินหยุนเป็นเพียงคนหยิ่งยโสที่ชอบโอ้อวดเท่านั้น
หลินเสี่ยวลู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับว่าเธอไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ผ่านไปหลายวินาที หลินเสี่ยวลู่ถึงค่อยจ้องหลินหยุน แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ : “เฮอะ นี่นาย นายนี่ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดมาได้เนอะ !”
“บริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์ เป็นถึงสองในสามบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ไม่รู้ว่ามีดาราศิลปินจำนวนมากมายอยากจะเข้าไปจนหัวแทบจะระเบิดตั้งเท่าไหร่ หรือแม้แต่ฉันเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติจะได้เข้าเลย ส่วนหล่อนก็แค่นักเรียนที่ยังไม่เรียนไม่จบคนหนึ่ง บริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์น่ะหรอที่จะถูกใจหล่อนน่ะ ?”
“ตลกเกินไปแล้วมั้ง!”