จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 505 ผู้จัดการระดับมืออาชีพ
ทางฝั่งหลี่หมิงและโจวเจ๋หลุนแสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
“เฉิงจิ่งว่างกับจางจิ้งฟาเข้ามายุ่งด้วย อย่างนี้ฝั่งของหลันโร่หลินต้องแพ้แล้วแน่ !”
ส่วนเฉิงต๋ากับหยวนเบียวและคนอื่นๆ เห็นแล้วก็ถึงกับส่ายหน้า : “เฉิงจิ่งว่างจากบริษัทหวนตี้คนนี้ ยิ่งนานยิ่งไม่เอาเรื่องแล้ว ไม่แปลกเลยที่จะถูกหัวหยา กรุ๊ปกว้านซื้อแบบนี้ !”
จางเจียหยูยิ้มตอบด้วยใบหน้าที่แฝงความดูถูก: “เฉิงจิ่งว่างยิ่งนานวันยิ่งเลอะเลือน ผมว่าคนขัดต่อศีลธรรมอย่างเขา ตอนนี้คงกำลังพยายามจะบีบคั้นให้หลันโร่หลินออกจากบริษัทหวนตี้แน่ๆ ”
สำหรับเรื่องข่าวลือพวกนั้น พวกเขาที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในโลกบันเทิงล้วนเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
พวกเขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่เพียงแค่ข่าวลือ เพราะในมือของพวกเขาบางคนก็มีคลิปวิดีโอหลุดของเฉิงจิ่งว่างด้วย
หยวนเบียวตอบกลับ: “แต่ว่าไม่ว่าบทสรุปของบริษัทหวนตี้จะเป็นยังไง ยังไงสุดท้ายแล้วฝั่งของหลันโร่หลินก็ต้องแพ้อยู่ดี”
“แต่ว่าผมรู้สึกว่าเจ้าหนุ่มนั่นไม่ยอมโดนไล่ออกไปง่ายๆ หรอก”
บริเวณแถวสุดท้าย พวกของเถียนชุ่ยชุ่ยและจางเหมิงก็กำลังคอยมองหลินหยุนอยู่ไกลๆ
“เธอว่าหลินหยุนจะยอมแพ้หรือเปล่า ?เขาเป็นถึงปรมาจารย์หลินเชียวนะ!” จางเหมิงถาม
เถียนชุ่ยชุ่ยทำหน้านิ่งตอบกลับ: “เป็นปรมาจารย์หลินแล้วยังไง?ที่นี่คือมณฑลซีไห่ ไม่ใช่หลิงหนานสักหน่อย อีกอย่างที่นี่ก็เป็นงานเลี้ยงของโลกบันเทิง ต่อให้ปรมาจารย์หลินจะมีอำนาจแข็งแกร่งแค่ไหน แต่คนในวงการบันเทิงไม่มีทางไว้หน้าเขาหรอก”
“นอกจากว่าเขาจะใช้กำลังแก้ปัญหา แต่ว่าแบบนี้ก็จะไปเข้าแผนการของเติ้งเจียหลุนพอดี”
“ถ้าหากว่าหลินหยุนอยากจะพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ ก็ต้องมีใครสักคนที่มีอำนาจมากยิ่งกว่าประธานเฉิงของบริษัทหวนตี้ออกมาช่วยเหลือเขาเท่านั้น”
หวางหยู่หันร้องอุทานออกมา: “เป็นไปได้ไง!ถ้าจะหาคนที่มีอำนาจมากกว่าประธานใหญ่ของบริษัทหวนตี้ ดูแล้วก็จะมีแค่ประธานปริศนาคนนั้นของหัวหยา กรุ๊ปแล้ว”
“แต่ฉันได้ข่าวมาว่าประธานของหัวหยา กรุ๊ปคนนั้น เป็นบุคคลปริศนามาโดยตลอด ไม่เคยเปิดเผยตัวตนออกมาเลย ตอนนี้มีแต่ผู้จัดการคอยทำงานเป็นผู้แทนเท่านั้น แต่หลินหยุนคงจะไม่มีทางรู้จักแม้กระทั่งผู้บริหารพวกนั้นหรอกมั้ง ?”
เติ้งเจียหลุนยิ้มเยาะออกมาอย่างได้ใจ: “รองประธานหลัน คิดดีหรือยังครับ?”
หลันโร่หลินยิ้มแปลกๆ ออกมาพร้อมตอบกลับ: “ในเมื่อพวกคุณเอาแต่บอกว่าฉันเห็นแก่เรื่องส่วนตัว อย่างนั้นฉันก็จะเห็นแก่เรื่องส่วนตัวให้พวกคุณดู วันนี้ฉันจะให้เพื่อนคนของฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะดูสิว่าพวกคุณจะทำอะไรฉันได้ ?”
หลันโร่หลินหันไปมองเฉิงจิ่งว่าง ก่อนจะยิ้มอย่างเฉยชา : “ประธานเฉิง จากนี้คุณคิดจะไล่ฉันออกจากบริษัทใช่หรือเปล่าคะ ?”
“ตอนนั้นฉันได้มีการเซ็นสัญญาและซื้อหุ้นด้วยนะคะ ถ้าหากว่าคุณคิดจะไล่ฉันออกจริงๆ คุณจะต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาให้กับฉันนะคะ !”
สีหน้าของ เฉิงจิ่งว่างเคร่งขรึมทันที พร้อมจ้องมองหลันโร่หลินแล้วพูดด้วยเสียงไม่พอใจ : “คุณกำลังขู่ผมงั้นหรอ?”
หลันโร่หลินยิ้มอย่างเฉยชา: “คุณเพิ่งจะเข้าใจหรอคะ?”
เฉิงจิ่งว่างยิ้มเยาะตอบกลับ: “คุณคิดว่าผมไม่กล้าสินะ?”
หลันโร่หลินตอบกลับด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ: “ฉันรอแทบไม่ไหวแล้วค่ะ”
เฉิงจิ่งว่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วโทรไปหาเลขาทันที: “เสี่ยวหลี่ คุณรีบมาที่ห้องโถงใหญ่เดี๋ยวนี้ !”
เติ้งเจียหลุนมองไปยังเฉิงจิ่งว่างแล้วพูด : “ประธานเฉิงคุณวางใจเถอะครับ ค่าเสียหายทั้งหมดของคุณตระกูลเติ้งของเราจะชดเชยให้ทั้งหมดแน่นอน”
เมื่อพูดจบ เติ้งเจียหลุนก็ชำเลืองไปมองหลินหยุนอย่างเหยียดหยาม ด้วยท่าทีสะใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“พอได้แล้วครับ!”
เสียงคำรามที่เคร่งขรึมหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
บริเวณหลังเวที ชายวัยกลางคนหนึ่งในชุดสูทสีดำกำลังเดินออกไป
คนที่ได้เห็นเขาคนนั้นใกล้ที่ที่สุดก็คือพวกของเฉิงต๋ากับหยวนเบียว
“ผู้จัดการของหัวหยา กรุ๊ป จ้าวซูเหา!”
“ผู้จัดการของหัวหยา กรุ๊ป ก็คิดจะเข้ามายุ่งเรื่องของบริษัทหวนตี้งั้นหรอ ?” เฉิงต๋าพูดด้วยเสียงที่แปลกใจ
“จ้าวซูเหา?เขาออกมาทำอะไร!” หูเกอถึงกับตื่นตะลึง
หลี่หมิงและเหล่าซูเปอร์สตาร์แนวหน้าต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ: “ทีมผู้จัดการมืออาชีพ ปกติแล้วพวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวพวกนี้นี่ แล้วจ้าวซูเหากำลังคิดจะทำอะไร?”
จ้าวซูเหาเดินตรงไปทางของหลินหยุนและคนอื่นๆ ตอนแรกในตอนที่หลินหยุนกับหลินเสี่ยวลู่เกิดความขัดแย้งกัน ทางด้านจ้าวซูเหายังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
แต่ว่าช่วงหลังที่หลันโร่หลินและเฉิงจิ่งว่างเกิดปัญหากัน ทางด้านทีมผู้บริหารมือชีพของหัวหยา กรุ๊ปก็เริ่มให้ความสนใจขึ้นมาทันที
ซึ่งในตอนที่ลูกน้องของจ้าวซูเหา กำลังเริ่มสังเกตการณ์เรื่องของหลันโร่หลินกับเฉิงจิ่งว่างอยู่นั้น อยู่ๆ เขาก็ไม่เตะตากับหลินหยุนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ถึงแม้ในทีมของจ้าวซูเหา ยังไม่เคยมีใครได้พบกับหลินหยุนตัวจริงมาก่อน แต่ในตอนที่ถูกนายท่านเสี้ยงว่าจ้างเป็นวันแรก สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก็คือการจดจำรูปภาพของหลินหยุนให้ฝังลึกเข้าไปในสมอง
ซึ่งในฐานะทีมผู้บริหารมืออาชีพ หากแม้แต่เจ้านายตัวจริงของบริษัทตัวเองยังไม่รู้จัก อย่างนั้นก็คงจะเป็นเรื่องน่าอัปยศถ้ามีการเผยแพร่ออกไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทีมผู้บริหารมืออาชีพชั้นนำของประเทศจีนอย่าง จ้าวซูเหา แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดแบบนี้อยู่แล้ว
ดังนั้นลูกน้องจึงได้นำข่าวเรื่องการปรากฏตัวของหลินหยุนมาแจ้งกับจ้าวซูเหาทันที
เมื่อได้ยินคนในทีมผู้บริหารมืออาชีพบอกว่าประธานปริศนาของหัวหยา กรุ๊ปตัวจริงได้ปรากฏตัวแล้ว ทางจ้าวซูเหาจึงรีบหันไปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ทันที แต่ว่าจ้าวซูเหาไม่ได้หุนหันพลันแล่นเข้าไปพบกับหลินหยุนโดยทันที แต่กลับมานั่งดูเรื่องราวทั้งหมดจากกล้องวงจรปิดก่อน เมื่อเข้าใจเรื่องราวความเป็นไปเป็นมา และในตอนที่หลินหยุนกำลังเสียเปรียบอย่างถึงที่สุด เขาจึงค่อยออกมา
ปกติแล้วในฐานะผู้บริหารมืออาชีพระดับสูงอย่างพวกเขา หากไม่มีคำอนุญาตจากเจ้านาย พวกเขาจะไม่เป็นฝ่ายเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องต่างๆ ของเจ้านายเด็ดขาด
แต่แน่นอนว่าถ้าหากเจ้านายประสบกับวิกฤต ทีมผู้บริหารมืออาชีพอย่างพวกเขาก็มีหน้าที่ในการแก้ไขวิกฤตนั้นให้กับเจ้านาย
เมื่อก่อนนี้ เจ้านายของ จ้าวซูเหาคือนายท่านเสี้ยง แต่หลังจากที่นายท่านเสี้ยงได้สละตัวเองออกจากหัวหยา กรุ๊ปโดยสมบูรณ์ และได้ส่งต่อตำแหน่งไว้ภายใต้นามของหลินหยุน ดังนั้นตอนนี้หลินหยุนก็คือเจ้านายคนใหม่ของพวกเขา
ส่วนเงินเดือนทั้งหมดของคนในทีมของจ้าวซูเหานั้น มาจากการแบ่งกำไรของหัวหยา กรุ๊ป
ทันทีที่ได้เห็นจ้าวซูเหา เฉิงจิ่งว่างประธานใหญ่ของบริษัทหวนตี้ ก็ยิ้มออกมาอย่างประหม่าทันที : “ประธานจ้าว คุณออกมาทำอะไรครับ?”
ถึงแม้จะบอกว่าจ้าวซูเหาเป็นเพียงแค่ผู้จัดการเท่านั้น แต่กลับเป็นคนที่จัดการดูแลทุกสิ่งทุกอย่างในหัวหยา กรุ๊ป และเรื่องการซื้อรวบกิจการบริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์ ก็ล้วนเป็นการวางแผนของจ้าวซูเหาทั้งนั้น
ซึ่งก็สามารถพูดได้ว่า หลังจากนี้จ้าวซูเหาจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของเฉิงจิ่งว่าง
“ประธานจ้าว!” หลันโร่หลินก้มหน้าเคารพอย่างสุภาพ
จ้าวซูเหาพยักหน้ารับทั้งสองคนด้วยสีหน้านิ่งขรึม ดูไม่ออกว่ากำลังโกรธหรือดีใจ
“งานรวมกิจการอีกเดี๋ยวก็จะเริ่มแล้ว พวกคุณในฐานะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหวนตี้ ยังมีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกันอยู่ที่นี่อีกหรอครับ !”
“แยกย้ายได้แล้วครับ!”
เฉิงจิ่งว่างขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหลินหยุน พลางพูด : “ประธานจ้าว แต่เจ้าหนุ่มนี่แอบเข้ามา……”
จ้าวซูเหายกมือขึ้นขัดคำของเฉิงจิ่งว่าง แล้วหันไปมองหลินหยุน พร้อมพูดอย่างสุขุม: “คุณหลิน รบกวนไปกับผมหน่อยครับ !”
หลินหยุนสีหน้าเรียบเฉย ตอบรับ: “ครับ!”
“หลินหยุน!” หลันดร่หลินถึงกับคิ้วขมวดด้วยความกังวลใจ ในสถานการณ์แบบนี้การที่จ้าวซูเหาเรียกตัวหลินหยุนตามไปคนเดียวลำพังแบบนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร
เฉิงจิ่งว่างยิ้มเยาะ: “รองประธานหลัน แม้แต่คำพูดของประธานจ้าวคุณก็ไม่คิดจะฟังแล้วหรอ ?หัวหยา กรุ๊ปไม่ชอบรองประธานที่น่ารำคาญหรอกนะครับ”
หลันโร่หลินยิ้มเยาะตอกกลับ: “ฉันเชื่อว่าประธานจ้าวจะต้องจัดการอย่างเป็นธรรมแน่นอนค่ะ”
ทางด้านจ้าวซูเหานิ่งเงียบไม่พูดอะไร จนดูไม่ออกว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแย่ ก่อนจะพาหลินหยุนเดินไปยังหลังเวที
“หลินหยุน!” ทั้งอีหลิงกับพวกฉินโส่ว ต่างก็รู้สึกเป็นห่วงเขาไม่น้อย
ถึงพวกเขาจะรู้ว่าหลินคือเป็นปรมาจารย์หลิน มีความสามารถในการต่อสู้ แต่ว่าการโจมตีในที่แจ้งนั้นหลบหลีกง่าย การโจมตีในมุมมืดนั้นมันยากที่จะหลบหลีก !
หลินหยุนหันไปยิ้มให้กับพวกเขา พร้อมพูดอย่างเรียบง่าย : “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นไร ไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมา”
เฉิงเฉินกับหลันโร่หลินต่างคิ้วขมวดแน่น แววตาเผยถึงความกังวล การที่ผู้จัดการหัวหยา กรุ๊ปอย่างจ้าวซูเหาออกมาเรียกตัวหลินหยุนด้วยตัวเองแบบนี้ จะไม่ให้มีปัญหาได้ยังไง ?
เมื่อได้เห็นว่าหลินหยุนถูกจ้าวซูเหาพาตัวไปหลังเวที เฉิงจิ่งว่างก็ยิ้มเยาะออกมาด้วยใบหน้าสะใจ : “รองประธานหลัน เพื่อนคนนี้ของคุณไม่ใช่คนง่ายๆ เลยนะ ถึงขั้นต้องให้ประธานจ้าวออกหน้ามาจัดการกับเขาด้วยตัวเอง นับถือๆ !”
เติ้งเจียหลุนเองก็ยิ้มเยาะอย่างสะใจเหมือนกัน: “ขนาดผู้จัดการของหัวหยา กรุ๊ปยังรู้สึกไม่ชอบใจเลย คราวนี้รองประธานหลันคงจะไม่บอกว่าแม้แต่ประธานจ้าวเองก็ยังจงใจต่อต้านพวกคุณด้วยหรอกนะครับ ?”
ทางด้านหลินเสี่ยวลู่กับอู่ซื่อหานถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย
“แม่เจ้า!ขนาด ประธานจ้าวของหัวหยา กรุ๊ปยังต้องออกหน้ามาจัดการเองแบบนี้ ตอนนี้ปัญหากลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วมั้ง!”
“หมอนั่นถูกประธานจ้าวพาไปแบบนี้ เขาตายแน่ๆ หลังจากนี้เขาอย่าหวังที่จะเข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิงแล้ว”