จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 513 การตัดสินใจของเติ้งยู่เหริน
บนลานกว้าง หมอกควันและฝุ่นละอองสลายไปจนหมดสิ้น
พื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อ โดยถูกระเบิดกับจรวดมิสไซล์ระเบิดทำลายจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
ในจำนวนหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่ง เงาร่างของหลินหยุนยืนอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย
ถึงขนาดที่ว่า แม้แต่เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาก็ไม่มีความเสียหายเลย หรือแม้แต่ฝุ่นละอองก็ไม่เปรอะเปื้อนเลยสักนิด
“เป็นไปได้อย่างไร! ” ปู่รองเติ้งมีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง เมื่อครู่พลังการยิงที่รุนแรงขนาดนั้น ต่อให้เป็นเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้
“ไอ้หนุ่มนี้ มีวิชาความสามารถพอตัวเลย! ”
กองทัพทหารนักบู๊ห้าสิบคนนั้น ยิ่งมีสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก พวกเขาต่างก็เป็นนักบู๊ โดยที่พลังอานุภาพของระเบิดและจรวดมิสไซล์เหล่านี้ ก็มีความเข้าใจชัดแจ้งเป็นอย่างดี
พวกเขาแม้แต่กระสุนปืนทั่วไปก็ยังต้านทานไม่ได้ แต่ว่าหลินหยุนกลับสามารถต้านทานจรวดมิสไซล์ได้อย่างซึ่ง ๆ หน้า!
“เขา เขายังเป็นคนอยู่อีกหรือไม่? พลังความสามารถของเขาตกลงอยู่ในระดับขั้นไหนกันแน่? ต่อให้เป็นปรมาจารย์นักบู๊ก็คงจะต้องถูกระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสบ้างล่ะ! ”
“หรือว่า พลังความสามารถของเขาจะเกินกว่าระดับปรมาจารย์ไปแล้ว! ”
นักบู๊เหล่านี้ ส่วนมากต่างอยู่ในระดับขั้นพรแสวงต่ำสุด พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนฝึกฝนกันอย่างกระจัดกระจาย ไม่มีสำนัก ดังนั้น นักบู๊ระดับสูงสุดที่พวกเขารับรู้นั้น ก็คือปรมาจารย์
สำหรับ ระดับขั้นที่สูงกว่าปรมาจารย์ แม้ว่าพวกเขาจะมีการคาดเดาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยชัดเจน
ในหลุมหลบภัยใต้ดิน ใบหน้าของพ่อลูกตระกูลเติ้งก็เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“ถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ตาย! ไอ้หนุ่มนี้ตกลงยังเป็นคนอยู่อีกหรือไม่? ” เติ้งเจียหลุนมีสีหน้าหวาดกลัว ขณะเดียวกัน สายตาก็เผยถึงความโกรธแค้นออกมา
แม้ว่าพวกเขาตระกูลเติ้งจะใช้เวลาหลายสิบปีในการก่อตั้งกองทัพทหารนักบู๊ แต่การแสวงหาทักษะการต่อสู้สำหรับตนเองแล้ว ทุกคนต่างก็มีความคาดหวังกันทั้งนั้น
เหมือนกับหลินหยุน ที่ตนเองมีพลังความสามารถอันแข็งแกร่งสามารถสู้รบต้านทานกองทัพทหารนักบู๊ได้ เติ้งเจียหลุนแค่ในความฝันก็อยากที่จะมีแบบนี้บ้าง
แต่น่าเสียดาย เพราะเขาก็เคยได้ฝึกฝนพลังบู๊กับปู่รองเติ้ง แต่ว่าแม้แต่ระดับพื้นฐานก็ยังไม่สามารถฝึกฝนได้
ยิ่งตงไหลกับคนอื่น ๆ สีหน้าท่าทางต่างก็เผยให้เห็นถึงอาการตกตะลึง
“ปรมาจารย์หลินแห่งหลิงหนาน ช่างสมกับคำเล่าลือจริง ๆ! ”
“เกรงว่าพลังความสามารถของเขา คงจะเหนือกว่าเจียงร่อโจ๋เทพแห่งสงครามของเมืองหลวงแล้ว! ”
“ถ้าหากคนผู้นี้สามารถมารับใช้ทางการจีนได้ คงจะกลายเป็นเจียงร่อโจ๋คนที่สองเป็นแน่! ”
ยิ่งตงไหลยังไม่ทันพ้นขีดอันตราย ก็กลับเริ่มคิดที่จะชักชวนหลินหยุนเข้ามาเป็นพวกแล้ว
หลินหยุนเดินออกมาจากหลุม สีหน้าเฉยชา: “ยังมีอีกไหม? ”
คำถามธรรมดาเพียงคำเดียว กลับทำให้กองทัพทหารนักบู๊ทั้งห้าสิบคน ก้าวถอยหลังโดยพร้อมเพรียงกัน
ทุกคน มองไปที่หลินหยุนเหมือนกับว่าเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น และมีสีหน้าท่าทางหวาดกลัว
“ถ้าหากไม่มี อย่างงั้นก็จบสิ้นกันเถอะ! ”
หลินหยุนพูดจบ เงาร่างก็หายแวบไป พุ่งตรงเข้าใส่ใจกลางกองทัพทหารนักบู๊ทั้งห้าสิบคนอย่างรวดเร็ว
ปู่รองเติ้งตะโกนขึ้นอย่างรีบร้อน: “โจมตี! ”
“อย่าให้เขาเข้าใกล้ประชิดตัวเป็นอันขาด! ”
แต่ว่า หลินหยุนนั้นรวดเร็วอย่างมาก พวกเขามองเห็นเพียงแค่เศษเงา จากนั้นยังไม่ทันที่จะยิงปืน ก็ถูกหลินหยุนชกกระเด็นลอยไปไกล
แม้ว่าจะเป็นการบุกโจมตีในแบบกะทันหัน จรวดมิสไซล์เหล่านั้นก็ยังยิงไม่โดนหลินหยุน แต่กลับร่วงตกที่ด้านข้างของคนอื่น โดยมีนักบู๊บางคนที่หลบหลีกไม่ทัน จึงถูกระเบิดจนร่างกายพิการ
กองทัพทหารนักบู๊ห้าสิบคน ไม่มีสักคนที่จะสามารถต่อกรกับหลินหยุนได้
ผ่านไปหนึ่งนาที ทั้งหมดถูกหมัดชกลงไปกองกับพื้น
ปู่รองเติ้งสีหน้าเคร่งเครียด จ้องมองไปที่หลินหยุน: “แข็งแกร่งมาก ต่อให้เป็นข้า ก็ไม่มีทางที่จะทำได้ ซึ่งในเวลาอันสั้นสามารถที่จะจัดการกับกองทัพทหารนักบู๊ห้าสิบคนจนราบเป็นหน้ากลอง! ”
“ไอ้หนุ่มน้อยผู้นี้ตกลงมีพลังความสามารถระดับไหนกันแน่? ”
ภายในหลุมหลบภัยใต้ดิน เงียบสงัดเป็นอย่างมาก
พ่อลูกตระกูลเติ้งกับยิ่งตงไหล ทั้งหมดต่างจ้องมองจอภาพจากกล้องสังเกตการณ์ด้วยความงุนงง โดยที่ไม่พูดไม่จาอยู่เป็นเวลานาน
“ช่างน่าตกตะลึง ช่างแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก! ”
“กองทัพทหารนักบู๊ที่มีอาวุธปืนครบมือทั้งห้าสิบคน ถูกปรมาจารย์หลินจัดการจนราบคาบภายในเวลาเพียงหนึ่งนาที! ”
ปรมาจารย์หลินตกลงมีพลังความสามารถระดับไหนกันแน่? ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด? หรือขั้นแดนดั่งเทพตามคำเล่าลือในตำนาน?
“แย่แล้ว ปู่รองมีอันตราย! ” เติ้งยู่เหรินตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างกะทันหัน
บนลานกว้าง เหลือเพียงแค่หลินหยุนกับปู่รองเติ้งที่ยืนอยู่
บนพื้นระเกะระกะยุ่งเหยิงไปหมด นักบู๊จำนวนมากต่างก็กำลังร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“ถึงคราวของนายแล้ว” หลินหยุนมองไปที่ปู่รองเติ้งแล้วพูดขึ้น
ปู่รองเติ้งสีหน้าเคร่งเครียด: “ไอ้หนุ่มน้อย นายทำให้ข้าถึงกับตกตะลึง เป็นไปได้ว่าข้าฝึกฝนเป็นเวลานานเกินไปแล้ว ซึ่งข้าเองก็ยังไม่ทราบว่าบนโลกใบนี้มีวัยรุ่นพรสวรรค์อย่างนายด้วย! ”
“แต่ หลายสิบปีที่ข้าฝึกฝนนี้ ก็พอที่จะศึกษาเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง ตอนนี้ข้าขอแสดงพลังความสามารถที่แท้จริงของข้าให้นายได้เห็นเป็นประจักษ์สักหน่อย! ”
ปู่รองเติ้งพูดจบ ก็นำอาวุธทั้งหมดบนร่างกายทิ้งลงไปที่พื้น และปล่อยพลังหมัดเข้าใส่
นี่ต่างหากจึงจะเป็นนักบู๊ที่แท้จริง
หลินหยุนก็รองรับพลังหมัด โดยปู่รองเติ้งเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ระดับขั้นต้น ไม่ใช่คู่ต่อกรของ หลินหยุนแน่นอน
หมัดเดียว ก็ถูกชกกระเด็นลอยไปไกล
ถ้าหากหลินหยุนไม่ได้ออมแรงแสดงความเมตตาเอาไว้ หมัดนี้สามารถที่จะทำลายเส้นเลือดหัวใจของปู่รองเติ้งได้เลย
“ปรมาจารย์หลิน ช่างเก่งกาจเสียจริง! ข้าพ่ายแพ้แล้ว จะฆ่าอย่างไรก็สุดแล้วแต่ที่นายต้องการเลย! ” ปู่รองเติ้งเงยศีรษะขึ้น ปิดตาลง แสดงท่าทางที่ไม่เกรงกลัวต่อความตาย
หลินหยุนไม่เคยคิดที่จะฆ่าเขา เป็นเพราะว่าเขามีอายุที่มากแล้ว ต่อให้ไม่ฆ่าเขา เขาเองก็คงจะมีชีวิตต่อไปอีกไม่กี่ปีแล้ว
“นายไปเถอะ! ”
ปู่รองเติ้งลืมตาขึ้น สีหน้าเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง ทันใดนั้น ท่าทางของเขาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน
มีออร่าที่ลี้ลับออกมาจากร่างกายของเขา
สายตาของหลินหยุนเคลื่อนไหวเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่า ปู่รองเติ้งได้บรรลุแล้ว
เพียงแค่คำเดียว เขาก็สามารถที่จะบรรลุได้ ความโชคดีนี้ไม่รู้ว่าจะอธิบายได้อย่างไรดี
ปู่รองเติ้งก็ไม่ได้หลบไปไหน โดยได้ปิดตาลงต่อหน้าของหลินหยุน และเริ่มเข้าสู่สมาธิ
ภายในหลุมหลบภัยใต้ดิน พ่อลูกตระกูลเติ้งมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ จิตใจที่ลอยเคว้งคว้าง ในที่สุดก็เบาใจลงได้บ้างแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มนั่นจะไม่ฆ่าปู่รอง! ”
เติ้งเจียหลุนพูดขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ
เติ้งยู่เหรินไม่ได้พูดอะไร เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้
ปู่รองเติ้งกับกองทัพทหารนักบู๊คือไพ่เด็ดใบสุดท้ายของตระกูลเติ้ง แม้แต่คนอย่างยิ่งตงไหล ก็ยังถูกเขาจับตัวทั้งเป็นได้ แต่ คิดไม่ถึงว่าเมื่อใช้การกับหลินหยุน ก็ยังคงไม่สามารถทำอะไรต่อเขาได้
แม้แต่กองทัพทหารนักบู๊ก็ยังจัดการหลินหยุนไม่ได้ ตระกูลเติ้งเองก็ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะมาต่อต้านหลินหยุนได้อีกแล้ว
“พวกข้าพ่ายแพ้แล้ว! ” เติ้งยู่เหรินสีหน้าเคร่งเครียด
“เจียหลุน ตอนนี้ข้ามอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเติ้งให้กับนาย นายรีบหนีไปจากตระกูลเติ้งเดี๋ยวนี้ รอให้ปรมาจารย์หลินจากไปแล้ว นายค่อยกลับมา”
“แต่นายต้องจำเอาไว้ว่า จากนี้ต่อไปห้ามที่จะเป็นปรปักษ์กับปรมาจารย์หลินอีกเด็ดขาด พยายามถ่อมตนเอาไว้บ้าง”
“ใช่แล้ว ปล่อยตัวหัวหน้ายิ่งกับพวกเขาไปเถอะ ต่อไปนี้ตระกูลเติ้งยกเลิกกองทัพทหารส่วนตัว พวกเราตระกูลเติ้งจะเป็นนักธุรกิจประกอบกิจการอย่างจริงจัง”
เติ้งเจียหลุนมีสีหน้าท่าทางที่เหลือเชื่อ มองไปยังเติ้งยู่เหรินและพูดขึ้นว่า: “พ่อ ท่านไม่ได้พูดล้อเล่นใช่ไหม! พวกเราใช้เวลาไปหลายสิบปีเพื่อก่อตั้งรวมตัวกองทัพทหารส่วนตัวที่แข็งแกร่ง เสี่ยงอันตรายเสี่ยงชีวิตเดินทางข้ามผ่านทะเลทรายซาฮาร่า เพื่อขนลำเลียงอาวุธจำนวนมากจากต่างประเทศ แต่เป็นเพราะปรมาจารย์หลินเพียงคนเดียว ก็จะล้มเลิกความมุ่งมั่นตั้งใจในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้เลยงั้นเหรอ? ”
เติ้งยู่เหรินไม่พูดไม่จา สีหน้าแสดงความไม่ยินยอมขึ้นแวบหนึ่ง แต่ ไม่ยินยอมก็ไม่ยินยอม เพราะมีเรื่องบางเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียว ที่สามารถจะรักษาตระกูลเติ้งเอาไว้ได้
“ฟังนะ ทำตามที่ข้าสั่ง! ”
“รีบหนีไปตามช่องทางหลบหนีเดี๋ยวนี้! ”
เติ้งยู่เหรินพูดสั่งการ
เขามองภาพรวมได้ชัดเจนกว่าเติ้งเจียหลุน ปู่รองเติ้งพ่ายแพ้แล้ว กองทัพทหารนักบู๊ก็พ่ายแพ้แล้ว ที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเติ้งไม่มีเหลือแล้ว
ปรมาจารย์หลินทนไม่ไหวกับตระกูลเติ้งแล้ว ถ้าหากแม้แต่ทางการจีนก็ทนไม่ไหวกับตระกูลเติ้งแล้วด้วย อย่างนั้นตระกูลเติ้งก็คงจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ยิ่งตงไหลที่อยู่ด้านข้างกลับพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “เจ้าบ้านตระกูลเติ้ง พวกนายหลบหนีไปไหนไม่พ้นหรอก! ข้าเตือนให้พวกนายไปเมืองหลวงกับข้า รอรับฟังคำตัดสินและการลงโทษทางกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา! ”
“หุบปาก! ” เติ้งเจียหลุนตะโกนขึ้นด้วยความโมโห: “ตอนนี้นายยังเป็นนักโทษ มีสิทธิ์อะไรที่จะพูดออกมาแบบนี้! เชื่อไม่เชื่อว่าตอนนี้ข้าจะฆ่านายให้ตายเดี๋ยวนี้เลย? ”