จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 521 ต้นแห่งชีวิต
“ในเมื่อคุณคิดอยากจะอยู่ในโลกตะวันออกแล้วละก็ อย่าได้ทำร้ายคนส่งเดช” หลินหยุนพูดปรามไว้
“รับทราบครับท่าน!” คาร์นอตวิลเลียมเปลี่ยนเป็นว่านอนสอนง่าย “ประเดี๋ยวออกไป ฉันก็จะปล่อยเธอออกไป”
“คุณอยากจะหาต้นแห่งชีวิต มีลักษณะพิเศษอะไรเหรอ? เทพีแห่งปัญญาไม่ได้ให้คำชี้แนะอะไรคุณเลยเหรอ?” หลินหยุนถาม
“ต้องมีแน่นอน เพียงแต่ว่าฉันดูแล้วไม่เข้าใจ!” คาร์นอตวิลเลียมพูด
“คำชี้แนะอะไรเหรอ?” หลินหยุนถาม
“หมิงหมิงจือจี๋เหวยจาวจาว” คาร์นอตวิลเลียมใช้ภาษาจีนพูดคำพูดนี้ออกมาอย่างคล้องจอง
“เพียงแต่ว่า ฉันไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดนี้เท่านั้นเอง”
หลินหยุนตกใจเล็กน้อย “นี่เป็นคำพูดของเทพีแห่งปัญญาทางโลกตะวันตกจริงเหรอ?”
“นี่มันเป็นคำพูดที่ชาวจีนสมัยโบราณถึงจะพูดกัน”
เทพีแห่งปัญญา คงต้องมาจากประเทศจีนแล้ว
อีกทั้ง เทพีแห่งปัญญาและเทพจันทราจะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน
ไม่ใช่นั้น ทำไมเทพีแห่งปัญญาจะต้องเอาต้นแห่งชีวิตมาไว้ที่แคว้นป้ายเยว่ด้วย? จากนั้นก็ยังทิ้งคำปริศนาเอาไว้ เพื่อให้คนรุ่นหลังของเผ่าโลหิตมาตามหาเช่นนั้น?
เพียงแต่ว่า ต้นสายปลายเหตุภายในนี้ ต่อให้เป็นหลินหยุนก็ยังคิดไม่ออกเลย
จึงได้แต่ค่อยๆสืบค้นหาต่อไป
ความหมายของคำว่า “หมิงหมิงจือจี๋เหวยจาวจาว” ก็คือสุดปลายทางของความมืดก็คือแสงสว่างนั่นเอง
ใกล้เคียงกับคำพูดหลายประเภทเช่นว่าทุบหม้อข้าวหม้อแกงก่อนออกรบประมาณนั้น
แต่ว่า คำพูดนี้กับการค้นหาต้นแห่งชีวิต จะเกี่ยวโยงกันได้อย่างไร?
“หมิงหมิงจือจี๋เหวยจาวจาว!” หลินหยุนค่อยๆท่องคำพูดนี้ออกมา
สุดปลายทางของความมืด ก็คือแสงสว่าง
ถ้าเช่นนั้นแล้วสุดปลายทางของชีวิตคืออะไร?
คำตอบจวนจะออกมาแล้ว
หลินหยุนมองไปยังคาร์นอตวิลเลียม แล้วพูดว่า “ที่สุสานแห่งนี้มีที่ไหนบ้างที่ใกล้กับสุดปลายทางของความตายบ้าง?”
คาร์นอตวิลเลียมรู้สึกฉงน “ไม่รู้สิ ฉันก็ยังไม่ทันได้ไปเดินสำรวจเลย พวกคุณก็มาแล้ว”
สายตาของหลินหยุนสอดส่องไปทั่วภายในพระราชวัง แต่ว่าก็ไม่พบแหล่งที่ตรงกับที่ใจเขาคิดไว้เลย
จุดหมายปลายทางของชีวิตก็คือความตาย แต่ว่าสุดปลายทางที่ใกล้กับความตายมากที่สุด ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มี
ทันใดนั้น สายตาของหลินหยุนก็มองเห็นโลงศพหินสีเขียวแขวนห้อยอยู่กลางอากาศ จึงเพ่งสายตาทันที
“ตามฉันมา!”
หลินหยุนก็เดินก้าวขึ้นบันไดหินที่วกวน ปู่รองเติ้งก็รีบเดินตาม คาร์นอตวิลเลียมลังเลสักครู่หนึ่ง จึงเดินตามขึ้นไป
ทั้งสามคนก็มาถึงหน้าผาที่มีโลงศพหินสีเขียวแขวนอยู่ตรงส่วนที่ยื่นออกไปของหน้าผานั้น
มองลงไปยังโลงศพหินสีเขียวที่แขวนอยู่นั้น หลินหยุนก็พูดอย่างเรียบๆว่า “โลงศพ นั่นหมายถึงสุดหมายปลายทางของความตาย”
“ไปลากโลงศพนั้นขึ้นมา” หลินหยุนพูดพลางมองไปยังคาร์นอตวิลเลียม
“อะไรนะ?”
“ทำไมจะต้องเป็นฉันด้วยล่ะ?” คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
หลินหยุนก็ชูกำปั้นใส่เขา
“……”
“ได้เลย!”
“ฉันคิดว่าที่จริงแล้วอันนี้ก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีอย่างหนึ่งนะ มันสามารถที่จะฝึกกำลังกล้ามแขนของฉันด้วย”
คาร์นอตวิลเลียมเดินขึ้นไปข้างหน้า ใช้มือทั้งสองข้างจับโซ่เหล็กที่หนาเท่ากับแขนคน แล้วลากโลงศพหินสีเขียวนั้นขึ้นมา
“เปิดออกด้วย!” หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คาร์นอตวิลเลียมก็ทำท่าแบะมือทั้งสองออก “ขออภัยครับท่าน ฉันไม่รู้ว่าจะเปิดสิ่งนี้ออกได้อย่างไร”
หลินหยุนก็ยื่นกำปั้นออกไป คาร์นอตวิลเลียมรู้สึกละเหี่ยใจทันที
“ก็ได้ ฉันจะลองเปิดดูแล้วกัน”
แขนทั้งสองข้างอุ้มฝาโลงไว้ คาร์นอตวิลเลียมก็สามารถเปิดฝาโลงหินนั้นออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้น คาร์นอตวิลเลียมก็ตกใจอึ้งไปเลย
ปู่รองเติ้งก็ตกตะลึงเช่นกัน
แม้แต่หลินหยุนเอง สีหน้าก็แสดงความตกตะลึงออกมา
ภายในโลงศพนั้น ไม่พบพระศพของพระราชินีแคว้นป้ายเยว่เลย แต่ว่า กลับปรากฏมีรากต้นไม้ใหญ่โตสีดำไหม้เกรียมท่อนหนึ่งอยู่ภายใน
“ข้างในโลงศพใส่รากต้นไม้เข้าไปเหรอ? คนทางโลกตะวันออกอย่างพวกคุณนี่ก็แปลกจังเลยนะ!” สีหน้าคาร์นอตวิลเลียมแสดงออกถึงความเหลือเชื่อ
หลินหยุนมองดูรากต้นไม้ที่ไหม้เกรียมนั้น สีหน้ากลับแสดงออกถึงความแจ่มแจ้ง
“ฉันเข้าใจแล้ว!”
“นี่คือ รากทิพย์พรสวรรค์!”
“รากทิพย์พรสวรรค์ เป็นรากต้นกำเนิดของไม้ทิพย์พรสวรรค์ สำหรับประโยชน์ที่เกิดจาก รากทิพย์พรสวรรค์นั้น ถ้าลองนึกถึงรากต้นไม้ก็จะพอเข้าใจแล้ว
นี่คือส่วนสำคัญที่สุดของไม้ทิพย์พรสวรรค์ และก็เป็นส่วนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของพลังทิพย์
แต่ว่า รากทิพย์พรสวรรค์จะต้องมีสีเขียวหยกทั้งต้น ไม่ควรที่จะเป็นสีดำไหม้เกรียมเช่นนี้
หลินหยุนออกแรงเคาะลงบน รากทิพย์พรสวรรค์ ผิวเปลือกชั้นนอกสุดของ รากทิพย์พรสวรรค์นั้นก็ค่อยๆหลุดออกมา ปรากฏเนื้อชั้นในที่แท้จริงซึ่งมีสีเขียวหยกทั้งหมดออกมา
เห็นได้ชัดว่า รากทิพย์พรสวรรค์นี้เคยถูกไฟไหม้มาก่อน หนำซ้ำยังผ่านการถูกไฟเผามอดไหม้เพื่อทำลายให้สิ้นซากมาแล้ว
สำหรับทำไมจะต้องเผาทำลายมันให้สิ้นซากไปนั้น หลินหยุนก็เข้าใจประเด็นนี้แล้ว
การที่รากทิพย์พรสวรรค์ต้องการหล่อเลี้ยงให้ไม้ทิพย์พรสวรรค์เจริญเติบโตนั้น จำเป็นจะต้องดูดซับพลังชี่ทิพย์จากฟ้าดินเป็นจำนวนมหาศาล
หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ก็จะต้องสูญเสียพลังชี่ทิพย์ของทั้งเมืองไปจนหมดสิ้น
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ การเจริญเติบโตของรากทิพย์พรสวรรค์นั้นก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้ปริมาณน้ำในจำนวนมากเช่นกัน ถ้าหากรากทิพย์พรสวรรค์หยั่งรากลงไปบนพื้นดินเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว ก็จะดูดซับน้ำที่อยู่บริเวณรอบๆภายในรัศมีร้อยลี้นั้นจนเหือดแห้งไปหมด
ดังนั้น ผืนแผ่นดินโดยทั่วไปที่ รากทิพย์พรสวรรค์เจริญเติบโตอยู่นั้น ก็ย่อมปรากฏเป็นผืนทะเลทรายขึ้นมาแทนที่ได้
อาจไม่แน่ นี่ก็คือสาเหตุของการล่มสลายของแคว้นป้ายเยว่ก็ได้
แน่นอนที่ว่า สำหรับมนุษย์แล้ว รากทิพย์พรสวรรค์ก็ยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมหาศาลทีเดียว
อย่างเช่น ภายในไม้ทิพย์พรสวรรค์ที่ยังมีภูตป่าพรสวรรค์อยู่ด้วยนั้น จะมีพลังมหาศาลที่สามารถใช้ในการฟื้นฟูและสามารถทำให้เกิดใหม่ได้ ถ้าหากคนที่ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับภูตป่าพรสวรรค์นั้นเป็นเวลานาน ก็จะสามารถจะมีอายุที่ยืนยาว ร่างกายแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า โรคภัยไม่มาเบียดเบียน
ส่วนสำหรับผู้ฝึกบู๊นั้นแล้ว ประโยชน์ที่จะได้รับก็ยิ่งมีมากเหลือคณานับ อย่างเช่นปู่รองเติ้งก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ซึ่งได้ฝึกฝนวิชาที่ไร้ชื่อของสำนักเล็กๆแห่งหนึ่ง ถึงกับสามารถบรรลุเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้เลย
อย่างไรก็ตามการเกิดแก่เจ็บตายนั้น ก็ยังคงเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่ปรับเปลี่ยนหมุนเวียนของจักรวาล แต่ว่า ภูตป่าพรสวรรค์สามารถช่วยเหลือให้ประชาชนของแคว้นป้ายเยว่เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์นี้ได้
มันสามารถทำให้แคว้นป้ายเยว่กลายเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งมากภายในเวลาอันสั้น แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว พื้นดินที่แคว้นป้ายเยว่อาศัยอยู่นั้น ส่วนใหญ่ก็กลายเป็นแผ่นดินทะเลทรายไปแล้ว
ทำให้ประชาชนของแคว้นป้ายเยว่ ต้องสูญสิ้นผืนแผ่นดินเกิดที่ใช้พึ่งพิงอาศัยไปตลอดกาล
และนี่ก็คือสิ่งที่ต้องชดใช้จากการที่พวกเขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งขึ้นมาได้ในชั่วพริบตา
ก็เหมือนกับประเทศบางประเทศในปัจจุบันนี้ ซึ่งได้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เพราะต้องการขยายเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ได้ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง จึงทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บกับประชาชนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ก็ยังดีที่ทางการระดับสูงของรัฐบาลให้ความสนใจประเด็นนี้ กำลังให้การช่วยเหลือในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ ยอมที่จะยุติการพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป เพื่อรักษาผืนแผ่นดินที่ประชาชนอาศัยพึ่งพิงเอาไว้ จะได้ไม่ซ้ำรอยตามแคว้นป้ายเยว่อีก
หลินหยุนคาดเดาว่า ประชาชนของแคว้นป้ายเยว่ในตอนนั้น ก็ได้ตระหนักถึงความหายนะที่ภูตป่าพรสวรรค์กำลังจะนำสู่พวกเขาเช่นกัน ดังนั้นจึงหาวิธีกำจัดภูตป่าพรสวรรค์นี้ให้สิ้นซากไปเลย
แต่ว่า คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางที่จะทำร้ายภูตป่าพรสวรรค์ได้เลย เพราะว่าภูตป่าพรสวรรค์นี้แข็งแกร่งมากเกินไป ต่อให้ใช้มีดดาบที่คมที่สุด ก็ไม่สามารถตัดให้ขาดได้
มิหนำซ้ำเปลวเพลิงธรรมดาทั่วไปพวกนั้น ก็ไม่สามารถที่จะเผาไหม้ภูตป่าพรสวรรค์ได้เช่นกัน นอกจากจะใช้เพลิงสมาธิพวกนั้นที่ได้จากการปลุกเสกของผู้บำเพ็ญเซียนเท่านั้น จึงจะสามารถเผาทำลายภูตป่าพรสวรรค์ให้สิ้นซากได้
คาดเดาว่าในช่วงเวลาขณะนั้นเอง เทพจันทราก็ได้มาถึงพอดี
จึงได้ช่วยเหลือพวกเขาตัดทำลายภูตป่าพรสวรรค์ได้สำเร็จ แล้วยังสกัดกั้นรากทิพย์พรสวรรค์เอาไว้ด้วย
แต่ว่าหลินหยุนก็ไม่เข้าใจบางอย่าง ในเมื่อเธอสามารถที่จะตัดขาดภูตป่าพรสวรรค์ได้แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังสูงสุดคนหนึ่งเช่นกัน
ในเมื่อเป็นผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว จะต้องมีวิธีการกำจัดรากทิพย์พรสวรรค์ ให้สิ้นซากไปเลย ทำไมเธอถึงไม่ทำเช่นนี้ แต่กลับสกัดกั้นรากทิพย์พรสวรรค์นี้เอาไว้
โลงศพหินสีเขียวนั้น น่าจะเป็นหินสวนจิน ก้อนหินที่แฝงไปด้วยพลังของโลหะ สามารถคัดคานกับพลังไม้ของรากทิพย์พรสวรรค์ได้พอดี
นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่หลินหยุนไม่สามารถรับรู้สัมผัสรากทิพย์พรสวรรค์นี้ได้
แค่ใช้หินสวนจินสกัดกั้นไว้ ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะว่ารากทิพย์พรสวรรค์นั้นขอเพียงได้สัมผัสกับพื้นดินแล้ว ก็จะดูดซับพลังงานได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
ดังนั้น ขอเพียงให้มันห่างไกลจากพื้นดิน ก็จะสามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างถาวรแล้ว
สุสานแห่งนี้อาจจะไม่มีหลุมฝังศพของพระราชินีแคว้นป้ายเยว่อะไรนั่นก็ได้ เพียงแต่เป็นสถานที่สกัดกั้นรากทิพย์พรสวรรค์เท่านั้นเอง
ไม่เช่นนั้นแล้ว ทำไมสุสานจึงต้องสร้างอยู่ด้านล่างของศาลเทพเจ้าด้วย
ยังไม่ต้องไปสนใจว่าทำไมเทพจันทราถึงต้องทำลายรากทิพย์พรสวรรค์ตอนนี้กลับทำให้หลินหยุนได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
ถ้าได้ครอบครองรากทิพย์พรสวรรค์นี้แล้ว ร่างภูตป่าของเขา ก็จะสามารถฝึกฝนจนเกือบจะบรรลุแดนสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ตอนนี้ คาร์นอตวิลเลียมที่ยืนงงอยู่นั้นก็ตะโกนขึ้นมาทันทีทันใดว่า “เทพแห่งสว่างที่สมควรตาย นี่คือ นี่คือต้นแห่งชีวิต!”
“โอ้ เทพีปัญญาที่ประเสริฐยิ่งนัก สาวกที่ซื่อสัตย์ของท่าน คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า ได้ทำตามท่านคำชี้แนะของท่าน ในที่สุดก็หาต้นแห่งชีวิตจนพบแล้ว!”
คาร์นอตวิลเลียมใช้มือทั้งสองข้างกอดตรงหน้าอก แล้วโค้งคำนับไปยังทิศตะวันตก