จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 533 ความหยิ่งทะนงของมังกรฟ้า
หลังจากที่ฉินหลันจากไปแล้ว หลินหยุนก็เริ่มเตรียมตัวจัดการเรื่องราวบางอย่างให้เรียบร้อย
อย่างน้อยเขาไปเมืองหลวงคราวนี้ จะต้องใช้เวลานานสักระยะหนึ่งกว่าจะได้กลับมา
จัดการฝากฝังซูเหลียงจื่อให้อยู่ที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปต่อไป เพื่อปกป้องแม่แก่และพี่ฉินหลัน
หลินหยุนก็โทรศัพท์ไปหาซูหนัน สุดท้ายแล้วก็โทรติดต่อซูหนันไม่ได้เช่นเดิม
ไอ้หมอนี่ราวกับธาตุอากาศหายสาบสูญไปไม่เหลือร่องรอยเลย
แต่ว่าหลินหยุนเชื่อว่า ไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาได้ เขาได้ฝึกฝนวิชาพินาศไม่สิ้นสูญจนถึงขั้นสูงสุดของเขตแดนแล้ว ได้ชื่อว่าวิชาพินาศไม่สิ้นสูญ จุดที่แข็งแกร่งที่สุดของเคล็ดวิชาชุดนี้ก็คือการปกป้องชีวิตของตัวเอง
ขอเพียงแค่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็สามารถฟื้นฟูร่างกายให้ดีขึ้นมาได้
รวบรวมสมาธิ หลินหยุนก็เพ่งดวงจิตเข้าไปในแหวนเก็บของ มองดูรากทิพย์พรสวรรค์ที่จัดเรียงไว้อย่างดีอยู่ภายในแหวนเก็บของ
เดิมทีหลินหยุนวางแผนไว้ว่า หลังจากจัดการกับตระกูลส้งแล้ว ก็จะเริ่มหลอมละลายรากทิพย์พรสวรรค์เพื่อจะได้ฝึกฝนร่างภูตป่าให้บรรลุอย่างสมบูรณ์เสียที
ดูไปแล้ว คงจะต้องรอให้กลับมาจากเมืองหลวงก่อน
“ใช่แล้ว รีบกลับมาเร็วไปหน่อย จนลืมผีดูดเลือดนั่นไปเลย”
แต่พอนึกถึงว่ามีปู่รองเติ้งคอยดูแลคาร์นอตวิลเลียมอยู่ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
สำหรับในวิทยาลัยนั้น หลังจากที่ฐานะของเขาถูกเปิดโปงแล้ว คาดเดาว่าพวกจางซือจู่ ก็คงไม่มีใครกล้าจะไปหาเรื่องพวกเขาอีกแล้ว
เมื่อดูโดยรวมแล้ว หลินหยุนก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงอีก
หลังจากนั้นสามวัน หลินหยุนก็นั่งรถไฟฟ้าไปยังเมืองหลวง
หลายชั่วโมงผ่านไป หลินหยุนก็ได้มาถึงศูนย์รวมเศรษฐกิจการเมืองสังคมวัฒนธรรมของประเทศจีนแล้ว
ลงจากรถแล้ว หลินหยุนก็โทรศัพท์ไปหาหงซานเหอ
หงซานเหอก็ให้หลินหยุนรออยู่ที่เดิม จากนั้นก็มีรถAudi A6สีดำคันหนึ่งขับเข้ามา คนขับรถเป็นชายหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรงบึกบึน ดูไปแล้วท่าทางเรี่ยวแรงแข็งขัน
หลังจากหลินหยุนขึ้นรถแล้ว รถวิ่งไปประมาณสองชั่วโมงกว่า คนขับรถก็พาหลินหยุนไปส่งที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่อยู่ชานเมือง
ที่นี่เป็นสถานที่เปลี่ยว อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง มีกำแพงสูงราวสองเมตรล้อมรอบพื้นที่ทั้งหมดนี้ไว้ มองไม่เห็นสภาพภายในเป็นอย่างไร คาดเดาว่าน่าจะเป็นฐานฝึกทหารแห่งหนึ่ง
หลินหยุนลงจากรถ จึงพบว่าตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
“เชิญครับ!” สีหน้าคนขับรถเคร่งขรึม ดูเหมือนไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่
หลินหยุนก็เดินไปยังประตูทางเข้าด้วยสีหน้าท่าทางใจเย็น
คนขับรถก็แสดงบัตร จากนั้นทหารเฝ้ายามสองคนที่อยู่หน้าประตูก็เปิดให้เข้าไป แล้วยังทำความเคารพหลินหยุนทั้งสองคนด้วยท่ามาตรฐานของทหารอีกด้วย
ชายหนุ่มคนขับรถก็ทำความเคารพตอบ หลินหยุนก็ไม่แสดงท่าทีอะไร เดินตามหลังคนขับรถเข้าไปประตูทางเข้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน
ชายหนุ่มคนขับรถก็พาหลินหยุนไปยังห้องพักผ่อน
“คุณรออยู่ที่นี่ก่อน อย่าขยับตัวไปไหน ฉันจะไปรายงานท่านนายพลก่อน!”
พูดจบ ชายหนุ่มคนขับรถก็มองหน้าหลินหยุนด้วยสีหน้าเย็นชา แฝงด้วยความหมายข่มขู่ จากนั้นก็เดินจากไป
หลินหยุนหลับตาทั้งสองข้าง นั่งรอให้หงซานเหอมาถึง
สำหรับที่นี่คือสถานที่อะไร หงซานเหอจะวางแผนอะไรให้เขา หลินหยุนไม่เคยคิดมาก่อนเลย
คนมีฝีมือสูงส่งมักมีจิตใจที่ห้าวหาญ คนมีพละกำลังความสามารถ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่ใช่เป็นปัญหาทั้งนั้น
ในไม่ช้า หงซานเหอก็มาถึงแล้ว
มองหน้าหลินหยุนแวบเดียว แล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ตามฉันมา”
แท้จริงแล้วที่นี่ก็เป็นฐานฝึกทหารแห่งหนึ่ง หงซานเหอพาหลินหยุนมาถึงตรงหน้าเฮลิคอปเตอร์พร้อมรบลำหนึ่ง
“ขึ้นไปสิ!” หงซานเหอพูดพลางมองหน้าหลินหยุน
นักบินที่อยู่ภายในเฮลิคอปเตอร์ ก็เปิดประตูห้องโดยสารออก หลินหยุนเดินนำหน้าขึ้นไปเป็นคนแรก หงซานเหอก็รีบตามหลังขึ้นไป
ฮู ฮู ฮู…………
ใบพัดใหญ่มหึมาของเฮลิคอปเตอร์ก็หมุนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้า พาหลินหยุนและหงซานเหอออกจากฐานฝึกทหารไป
หลินหยุนนั่งอยู่ภายในห้องโดยสาร หลับตาพักผ่อน ไม่ถามอะไรเลย และก็ไม่พูดอะไรด้วย
หงซานเหอกลับอดรนทนไม่ไหว มองดูหลินหยุน แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “คุณจะไม่ถามหน่อยเลยหรือว่า ฉันจะพาคุณไปไหน?”
หลินหยุนก็ยังคงหลับตา พูดอย่างเรียบเฉยว่า “เมื่อถึงเวลาที่ควรจะรู้ ก็ย่อมต้องรู้เองเป็นธรรมดา”
“ฮื่อ คุณก็ช่างคิดอย่างปล่อยวางดีนะ!”
“ฉันจะพาคุณไปฐานฝึกทหารกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า คุณจะดำรงตำแหน่งครูฝึกวิชาบู๊ของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า”
ครูฝึกวิชาบู๊ของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า!
เมื่อก่อนหลินหยุนเคยปฏิเสธคำชักชวนของยิ่งตงไหลไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ต้องมากองกำลังพิเศษมังกรฟ้าจนได้
หรือว่านี่คือฟ้าลิขิตเหรอ?
หงซานเหอมองดูหลินหยุน ใบหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มที่แปลกประหลาด “เจ้าหนูน้อย ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อน สมาชิกทีมกองกำลังพิเศษ แต่ละคนล้วนเป็นสุดยอดฝีมือของผู้แข็งแกร่งทั้งนั้น พวกเขาต่างก็มีความสามารถเฉพาะตัวที่โดดเด่น แม้แต่พลังความสามารถวิชาบู๊ก็แข็งแกร่งมากเหมือนกัน”
“ดังนั้น ถ้าคิดจะมาเป็นครูฝึกในกองกำลังเช่นนี้ ถ้าหากคุณไม่แสดงพลังสามารถพิเศษมาข่มขวัญบรรดาสมาชิกทีมกองกำลังรบพิเศษพวกนั้นแล้วละก็ พวกเขาคงจะไม่ยอมรับครูฝึกที่ได้รับการแต่งตั้งจากเบื้องบนอย่างคุณหรอกนะ”
“เข้าใจแล้ว” หลินหยุนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วหลับตาพักผ่อนต่อไป
คนที่สามารถเข้าไปอยู่ในกองกำลังรบพิเศษ ก็จะต้องเป็นสุดยอดฝีมือที่คัดมาจากแต่ละหน่วยทั้งนั้น ถ้าไม่มีความเย่อหยิ่งเลย ก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดแล้ว
ต่อให้หงซานเหอไม่พูดเตือนสติ หลินหยุนก็เข้าใจเหตุผลนี้ดี
เพียงแต่ว่า ในสายตาของคนธรรมดาทั่วไปที่มองว่า สุดยอดฝีมือของกองกำลังพิเศษพวกนั้นมีความแข็งแกร่งมาก แต่สำหรับในสายตาของหลินหยุนผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้แล้ว กลับมองพวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น
หลินหยุนแค่แสดงฝีมือออกมาให้เห็นเล็กน้อย ก็มากพอที่จะข่มขวัญยอดฝีมือของกองกำลังพิเศษได้แล้ว
เฮลิคอปเตอร์บินด้วยเสียงดังฮูๆ มุ่งไปยังผืนป่าเขาที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง
ในขณะนี้เอง ภายในฐานทัพทหารลึกลับแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงหุบเขา
ยิ่งตงไหลที่มีรูปร่างสูงใหญ่ สีหน้าเคร่งขรึม ยืนอยู่บนสนามฝึกซ้อม ตะโกนเสียงดังไปยังห้องพักที่อยู่ตรงข้ามสนามฝึกว่า “รีบรวมตัวด่วน!”
ปี๊ด ปี๊ด!
เสียงนกหวีดที่แสบแก้วหูดังขึ้น สมาชิกทีมกองกำลังพิเศษหลายคนกำลังเตรียมตัวพักผ่อนอยู่ ก็ต้องรีบลุกขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อย จัดเก็บที่นอนให้เข้าที่เข้าทางอย่างเร่งรีบ แล้ววิ่งไปรวมตัวที่สนามฝึก
คนที่อยู่แถวซ้ายมือคนแรกก็คือ รองหัวหน้ากองกำลังพิเศษมังกรฟ้า ถังเต๋อฟา
ขณะนี้ถังเต๋อฟาก้าวออกมานอกแถวหนึ่งก้าว แล้วทำความเคารพยิ่งตงไหล พูดตะโกนเสียงดังว่า “รายงานหัวหน้า กองกำลังพิเศษมังกรฟ้ารวมตัวเรียบร้อยแล้วครับ! ยอดทั้งหมด36นาย มาครบ36นาย รอฟังคำสั่งจากท่านครับผม!”
ยิ่งตงไหลมองดูชายฉกรรจ์ที่แข็งแกร่งบึกบึนแต่ละคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คนเหล่านี้ล้วนเป็นสุดยอดฝีมือในบรรดายอดฝีมือด้วยกัน ต่างก็เป็นหัวกะทิที่แต่ละหน่วยคัดเลือกมาทั้งนั้น
พวกเขากำลังฝึกฝนวิชาพลังภายในของหลักสูตรที่หน่วยเตรียมไว้ให้ ตอนนี้มีหลายคนก็ได้เข้าไปอยู่ในลำดับของนักบู๊พรแสวงแล้ว มิหนำซ้ำยังมีหลายคนยังสามารถเข้าไปอยู่ในแดนพรสวรรค์ได้อีกด้วย
สำหรับในวงการบู๊แล้ว พลังอำนาจของพวกเขาเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยจนไม่คู่ควรที่จะไปพูดถึงก็ตาม แต่ว่าในโลกมนุษย์ทั่วไปนั้น สามารถทำให้นักบู๊ปรากฏขึ้นมาได้จำนวนมากเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นพลังอำนาจที่แข็งแกร่งมากแล้ว
ก็เหมือนกับฐานฝึกทหารส่วนตัวของตระกูลเติ้งที่ซีไห่นั้น พวกเขาสามารถที่จะจับตัวยิ่งตงไหลไว้ได้ ก็พอจะคิดออกแล้วว่า หน่วยทหารที่ฝึกบู๊พร้อมด้วยอาวุธสงครามติดตัว จะมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหน
อีกอย่างฐานฝึกทหารส่วนตัวของตระกูลเติ้งนั้น ถึงแม้จะมีจำนวนคนมากกว่ากองกำลังพิเศษมังกรฟ้าก็จริง แต่ว่าในด้านคุณภาพของตัวบุคคล และประสิทธิภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ ทักษะในการใช้อาวุธของผู้คนนั้น ก็ยังนับว่าห่างไกลกันมาก
อย่างเช่นสมาชิกของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า แต่ละคนสามารถขับรถถังได้ทุกชนิด หรือจะเป็นเครื่องบิน เรือดำน้ำ แม้กระทั่งเรือบรรทุกอากาศยานก็ขับได้ทั้งนั้น
ทหารพวกนั้นล้วนมีความสามารถครบถ้วนทุกด้าน ตอนนี้พวกเขายังฝึกวิชาบู๊อีกด้วย กลายเป็นนักบู๊คนหนึ่ง จะเห็นได้ว่า ศักยภาพการต่อสู้ในสนามรบของพวกเขาจะมีมากเพียงใด
ดังนั้น พวกเขาทุกคน ล้วนแต่เป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้เวลาที่ยาวนานมากกว่าจะบ่มเพาะออกมาได้
ทางการรัฐบาลจีนทุ่มทุนสนับสนุนในการพัฒนาฝีมือของพวกเขาอย่างเต็มที่ จ้างครูฝึกสอนวิชาบู๊มืออาชีพมาสอนเป็นพิเศษ แต่ว่าความสามารถของครูฝึกก็ย่อมเป็นตัวกำหนดทิศทางการฝึกฝนนักบู๊ของพวกเขาด้วย
หลังจากที่ยิ่งตงไหลได้เห็นฝีมือของหลินหยุนที่สะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดินแล้ว ดังนั้น หลังจากที่เขากลับมาจากซีไห่แล้ว ก็ได้เสนอความคิดเห็นต่อหงซานเหอ
ถึงแม้หงซานเหอจะมีอคติต่อหลินหยุนก็ตาม แต่ว่าก็เชื่อในคำพูดของยิ่งตงไหลอย่างไม่มีข้อสงสัย
เพียงแต่ว่าจะให้หงซานเหอไปเชิญหลินหยุนด้วยตัวเองนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
อีกอย่างว่าไปแล้ว ต่อให้หงซานเหอออกหน้าไปเชิญด้วยตัวเองก็ตาม ก็อาจไม่แน่ว่าจะเชิญหลินหยุนมาได้สำเร็จ ประเด็นนี้ตัวหงซานเหอเองก็รู้อยู่แก่ใจดี
ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลส้งครั้งนี้ จึงเป็นการฝ่าด่านอุปสรรคไปได้พอดี ทำให้หลินหยุนสามารถดำรงตำแหน่งครูฝึกวิชาบู๊ของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าได้สำเร็จ
ถึงแม้ยิ่งตงไหลเคยเห็นพละกำลังของหลินหยุนแล้วก็ตาม แต่ว่าสมาชิกคนอื่นๆยังไม่เคยเห็นเลย
ยิ่งตงไหลก็ไม่ได้แนะนำเรื่องของหลินหยุนให้ทุกคนรับรู้ อย่างเช่นเรื่องของพลังความสามารถจะอาศัยปากพูดอย่างเดียวไม่ได้
จำเป็นที่จะต้องเห็นด้วยตาตัวเอง จึงจะสามารถทำให้ทุกคนเลื่อมใสศรัทธาด้วยใจจริง