จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 558 หนึ่งปะทะสิบแปด
ลู่หนันสุนจ้องมองหลินหยุนด้วยใบหน้าตะลึง จากนั้น สายตาก็ค่อยๆหันไปมองร่างของอีหลิง
“เธอหาคนระดับปรมาจารย์บู๊มางั้นเหรอ!”
“ฮ่าๆ ฉันยังไปหัวเราะเยาะว่าเธอมองคนไม่เป็น ถึงได้หาขยะมา”
“ดูเหมือนว่า ฉันต่างหากที่เป็นขยะ!”
ลู่หนันสุนรู้สึกว่าชีวิตตัวเองช่างเป็นคนที่ล้มเหลวซะเหลือเกิน
ก็เหมือนผู้ชายเลวๆที่ได้ผู้หญิงรวยร้อยล้านมาเป็นแฟน จากนั้นก็วิ่งไปอวดแฟนเก่าของตัวเอง พอเห็นว่าแฟนเก่าหาผู้ชายขยะมาเป็นแฟน จากนั้นก็หัวเราะเยาะเธอ
พอคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าแล้ว
แต่ว่า ผู้ชายที่คิดว่าเป็นแค่ขยะ จู่ๆก็พลิกผัน กลายเป็นเจ้านายบริษัทหลายหมื่นล้าน
การพลิกผันที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ตบหน้าลู่หนันสุนเข้าอย่างจัง
ถึงแม้ตั้งแต่แรกจนจบ หลินหยุนจะไม่ได้พูด ไม่ได้ทำอะไรเลย
แต่ว่า ลู่หนันสุนเหมือนกับได้ยิน เสียงรองเท้าที่เอามาฟาดหน้าตัวเอง
คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าขมวดคิ้ว แล้วบ่นพึมพำว่า “ให้ตายเถอะ จะตกใจอะไรนักหนา มีอะไรให้ตกใจหรือไง รอให้ข้าดูดซับพลังจากต้นแห่งชีวิตเสร็จก่อน พลังของข้าจะต้องก้าวกระโดดไปอีกขั้นอย่างแน่นอน!”
อีหลิงมองเขาด้วยความไม่พอใจ “เห็นได้ชัดว่านายแค่อิจฉา!”
คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่ารีบตะโกนด้วยเสียงเว่อร์วังว่า “เข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็นถึงฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าผู้สูงศักดิ์ ข้าจะไปอิจฉาชาวตะวันออกที่ต้อยต่ำได้ยังไง!”
อีหลิงพูดด้วยเสียงเย็นชา “ยังจะมาโกหกอีก หน้าของนาย เขียนคำว่าอิจฉาอยู่เต็มหน้า!”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าเสียศูนย์ในพริบตา “ใช่เหรอ? แสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ! กระจกอยู่ไหน? ข้าต้องการส่องกระจก!”
เย่จื่อเชี่ยนตื่นเต้นจนกุมมือทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน “ปรมาจารย์หลิน แข็งแกร่งจริงๆ!”
จากนั้น เย่จื่อเชี่ยนก็หันไปมองพวกฉีเฉิงคุน แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “เฮิง ตอนนี้พวกแกคงจะเชื่อฉันแล้วใช่ไหม!”
ผู้ประกาศก็อึ้งอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมา
จ้องมองหลินหยุนที่อยู่ในสนาม แล้วรีบพูดออกไปว่า “นักสู้ท่านนี้ ถึงแม้ท่านจะเข้ามาในสนามกลางคัน แต่ท่านคนเดียวก็สามารถล้มทั้งสองคนลงได้ ตามกฎ ท่านได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้ว”
“ต่อจากนี้ ท่านสามารถเลือกที่จะท้าสู้ต่อไปได้ และสามารถเลือกที่จะพักได้” ผู้ประกาศอธิบาย
หลินหยุนพูดว่า “ข้าพูดไปแล้ว ให้ทุกคนเข้ามาพร้อมกัน ตอนนี้พวกเจ้าเชื่อหรือยัง!”
“เข้ามาพร้อมกันเลย ข้าจะได้จัดการทีเดียว จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก” สีหน้าที่เรียบง่ายของหลินหยุน บวกกับเสียงที่ไม่สนใจอะไร เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นโลกบู๊เจียงหนานอยู่ในสายตา
ความจริง เขาก็ไม่ได้เห็นโลกบู๊เจียงหนานอยู่ในสายตาจริงๆนั่นแหละ
ผู้ประกาศเงียบไป
ทุกคนต่างก็จ้องมองหลินหยุน ใบหน้าเผยความตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง
“เขาคิดจะท้าสู้กับทุกคนจริงๆงั้นเหรอ!”
“ต่อให้เขาจะเป็นระดับปรมาจารย์ ก็คงทำไม่สำเร็จ!”
“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? โลกนี้จะไปมีวิธีต่อสู้ที่บ้าระห่ำแบบนี้ได้ยังไง!”
ถึงแม้ทุกคนจะยังคงไม่ชอบหลินหยุน แต่ว่า ไม่มีใครกล้าดูถูกหลินหยุนอีกแล้ว
อีหลิงกังวลเล็กน้อย พูดกับตัวเองว่า “หลินหยุนร้อนรนเกินไปหรือเปล่า? คนเดียวจะสู้กับทุกคน มันจะอันตรายเกินไปหรือเปล่า!”
“แค่คนเดียว จะไปต่อกรกับคนทั้งโลกบู๊เจียงหนานได้ยังไง?”
หน้าของอีหลิงเต็มไปด้วยความกังวล แต่ว่า ตอนนี้หลินหยุนได้อยู่บนสนามแล้ว ทุกการตัดสินใจ ล้วนขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง คนอื่นไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของเขาได้
ใบหน้าที่ตกอยู่ในอาการตกตะลึงของลู่หนันสุน เบิกตาโตแล้วพูดออกมาว่า “เขาบ้าไปแล้วหรือไง? คิดว่าตัวเขาคนเดียวจะสามารถล้มทุกคนที่อยู่ในนี้ได้จริงๆงั้นเหรอ!”
ฉีซือหย่วนยิ้มด้วยใบหน้าดุร้าย “สู้เลย ยิ่งสู้ยิ่งดี สู้ให้ตายไปเลยยิ่งดี เจ้าเด็กจองหอง!”
ฉีเฉิงคุนกะพริบตาเบาๆ ส่งสายตาให้กับเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆ
ผู้อาวุโสคนนั้นลุกขึ้นมาทันที เดินไปอยู่กลางสนาม แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าของหลินหยุน
“ข้ารู้ตัวดีว่าข้าคนเดียว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ดังนั้น ขอความช่วยเหลือจากทุกคนด้วย”
“ข้าจะเป็นกำลังให้เอง!”
ชายวัยประมาณสี่สิบกว่า บินลงสนาม ราวกับเป็นนกตัวใหญ่ แล้วมายืนอยู่ข้างๆกับผู้อาวุโส
“ข้าด้วย!”
ชายวัยกลางคนอีกคน กระโดดออกมา มายืนอยู่ข้างๆทั้งสองคน
เจ้าบ้านจ้าวส่งเสียงเฮิงด้วยความเย็นชา และกำลังเตรียมที่จะกระโดดเข้าไปยังสนาม แต่กลับโดนฉีเฉิงคุนห้ามเอาไว้
“พี่ฉี ทำไมถึงห้ามข้า?” เจ้าบ้านจ้าวหันกลับไปมองฉีเฉิงคุน ด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ
“อย่ารีบร้อน อีกเดี๋ยวเจ้าเข้าไปพร้อมกับข้า!” ฉีเฉิงคุนพูด
เจ้าบ้านจ้าวยิ้มในใจ “ข้าเข้าใจแล้ว!”
ฉีเฉิงคุนเดินไปอยู่ตรงหน้าเหล่าเจ้าบ้านตระกูลใหญ่ แล้วคุยกับพวกเขาอะไรสักอย่าง คนพวกนี้ต่างก็พยักหน้า
ในตรงกลางสนาม ได้มีนักบู๊รวมตัวอยู่ด้วยกันทั้งหมดสิบแปดคนแล้ว
คนที่มีอายุมากที่สุด ก็อยู่ที่ราวๆหกสิบกว่า คนที่อายุน้อยที่สุด ก็อยู่ที่ราวๆสามสิบกว่า
ทั้งสิบแปดคน ล้อมรอบหลินหยุนเอาไว้ จ้องมองหลินหยุนด้วยใบหน้าเย็นชา
“เจ้าหนู ไม่ว่าเจ้าจะเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่มาจากที่ไหน แต่การที่เจ้าดูถูกโลกบู๊เจียงหนานของพวกเรา พวกเราไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!” ผู้อาวุโสที่มีอายุมากที่สุด ตะโกนด้วยเสียงชอบธรรม
“ถ้าเกิดตอนนี้เจ้าเสียใจล่ะก็ งั้นก็หันไปขอโทษกับเหล่าพี่น้องโลกบู๊ของเจียงหนาน พวกเราสามารถยอมให้เจ้าลงจากสนามได้”
หลินหยุนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย แต่กลับถามด้วยเสียงเรียบๆว่า “ยังมีใครอีกไหม?”
นักบู๊วัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าหนู ตอนนี้พวกเรามีสิบแปดคนแล้ว เจ้าชนะพวกเราให้ได้ก่อนเถอะ!”
หลินหยุนยังคงไม่สนใจ กลับกวาดสายตามองคนทั้งสนาม แล้วพูดว่า “ถ้าเกิดไม่มีใครจะมาอีก งั้นก็เริ่มกันเถอะ”
ผู้ประกาศถามว่า “นักสู้ท่านนี้ ท่านแน่ใจนะว่าท่านแค่คนเดียว จะท้าสู้กับนักบู๊ทั้งสิบแปดคน?”
“ข้าแน่ใจ” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ
“เริ่มกันเถอะ!” หลินหยุนกวาดสายตามองทั้งสิบแปดคน ด้วยท่าทางเรียบสงบ ราวกับกำลังเผชิญอยู่กับมดสิบแปดตัว ไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ทั้งสิบแปดคนโมโหกับสายตาดูถูกของหลินหยุน
“เจ้าหนู ต่อให้แกจะเป็นปรมาจารย์ ก็ไม่สามารถทำเหมือนคนอื่นไม่มีตัวตนไม่ได้!”
“วันนี้ พวกเราจะให้บทเรียนกับแก ให้แกจำขึ้นใจว่า จากนี้อย่าคิดจะทำตัวจองหองอีก!”
พอพูดจบ นักบู๊คนนั้นก็ปล่อยหมัดใส่หลินหยุนก่อน แล้วตะโกนออกมาว่า “ลงมือพร้อมกัน อย่าให้เขามีโอกาสได้พักหายใจ!”
“กรงเล็บพยัคฆ์!”
“หมัดฌ้อปาอ๋อง!”
“บาทาไร้เงา!”
“……”
ทันใดนั้น นักบู๊ทั้งสิบแปดคน ก็ปล่อยท่าไม้ตายออกมา ต้องการสังหารหลินหยุนในกระบวนท่าเดียว เพื่อคืนศักดิ์ศรีของโลกบู๊เจียงหนาน
รอบๆสิบเมตรของหลินหยุน เต็มไปด้วยเงาของฝ่ามือ และพลังชี่แท้ที่รุนแรง ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับเล็ก ก็ไม่กล้าดูถูกการโจมตีนี้
นักบู๊ทั้งสิบแปดคนต่างก็ปล่อยท่าไม้ตายของตัวเองออกมา ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองตั้งแต่เริ่ม
เหล่าผู้ชมที่เห็นภาพแบบนี้ ต่างก็มองด้วยใบหน้าหวาดกลัว
“ให้ตายเถอะ พอรวมการโจมตีของคนขนาดนี้เข้าด้วยกัน มันจะรุนแรงเกินไปแล้ว!”
“ใช่แล้ว ขนาดอยู่ห่างกันขนาดนี้ ข้าก็ยังสัมผัสแรงกดดันจากการโจมตีที่รุนแรงนั้นได้เลย! ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือปรมาจารย์ระดับเล็ก ก็คงจะโดนการโจมตีนี้จนไม่เหลือชิ้นดี!”
“เจ้าเด็กนั้นคงจะได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ถึงได้กล้าท้าสู้กับคนจำนวนมากขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียว!”
“รนหาที่ตายชัดๆ! ต่อให้เขาจะเป็นปรมาจารย์ ก็ไม่ควรทำตัวจองหองแบบนี้ กล้าดูถูกโลกบู๊เจียงหนานของพวกเรา เขาก็ต้องรับผลกรรมของตัวเอง!”
ฉีซือหย่วนกำลังยิ้มด้วยใบหน้าชั่วร้าย “ตายไปซะ! จะดีมากถ้าเกิดไม่เหลือแม้แต่ซาก เจ้าเด็กที่สมควรตาย รอให้แกตายก่อนเถอะ ข้าจะไปจัดการแยกชิ้นส่วนเจ้าชาวตะวันตกที่สมควรตายนั้นซะ!”
ลู่หนันสุนทำหน้าตกใจ ขนาดพูดยังพูดติดๆขัดๆ “เขา ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้ นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ?”
ซิงจื่อเย่ก็ทำหน้าไม่เข้าใจเหมือนกัน “การโจมตีที่รุนแรงขนาดนี้ ต่อให้เขาจะเป็นปรมาจารย์ ก็คงรับไม่ได้ หรือว่าเขาจะทำเพราะความจองหองจริงๆงั้นเหรอ?”