จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 56 ตั้งใจ
บทที่ 56 ตั้งใจ
ทั้งสองคนตั้งใจพูดคุยกันเสียงดัง ทั้งเนื้อหาที่พูดคุยก็เป็นหัวข้อเกี่ยวกับการให้ของขวัญอีก ทำให้ดึงดูดความสนใจกับคนที่อยู่ตรงนั้นได้ทันที
หลินหยุนหยุดการสนทนากับอันซิน มองจางจื่อเห้าด้วยสายตาเย็นชา
แขกอีกสองโต๊ะที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็มองมาที่พวกเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น
หวางชิ่งเซิงยิ้มมุมปาก สีหน้าเหมือนว่ากำลังดูละครสนุกๆ อยู่
จางจื่อเห้าถามขึ้นว่า “หยางฉี นายว่าเอาของขวัญอะไรให้ดาวโรงเรียนอันของเราดีล่ะ?”
หยางฉีมองไปที่หลินหยุน พร้อมพูดด้วยสีหน้าหยิ่งยโสว่า “ฉันซื้อชุดวาดภาพให้อันซิน ตั้ง 6 ร้อยกว่าหยวน!”
เพื่อนผู้ชายที่อยู่ข้างๆ หยางฉีทำเป็นตกใจ แล้วพูดขึ้นว่า “ชุดวาดภาพตั้ง 6 ร้อยกว่าหยวน พี่ฉีนี่ใจกว้างจริงๆ!”
หยางฉียิ้มกระหยิ่มใจ พร้อมทั้งไม่ลืมที่จะพูดเอาใจจางจื่อเห้าต่อว่า “ฉันไม่เท่าไหร่หรอก นายถามสิว่าพี่เห้าเอาอะไรให้?”
หยางฉีถามเปิดทางให้จางจื่อเห้า ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที ทุกคนต่างก็มองไปที่จางจื่อเห้าด้วยความสนใจ
“พี่เห้า พี่ให้ของขวัญอะไรกับดาวโรงเรียนอันเหรอ บอกให้เราได้รู้เป็นบุญหน่อยสิ!”
จางจื่อเห้าถือว่าเป็นคนที่ฐานะร่ำรวยที่สุดในบรรดาเพื่อนๆ ทุกคน แถมยังตามจีนอันซินมาโดยตลอด เพื่อนต่างก็อยากจะรู้ว่าเขาให้อะไรเป็นของขวัญอันซินเป็นธรรมดา
จางจื่อเห้ากลายเป็นจุดสนใจของทุกคนทันที สีหน้าเขาก็ออกอาการดีใจใหญ่ เขาหัวเราะแล้วตอบว่า “ฉันเอาผลงานของอาจารย์เหอให้อันซิน!”
“ผลงานของอาจารย์เหอ! ถ้าเป็นภาพจริง งั้นอย่างน้อยก็ 7-8 พันเลยสินะ! พี่เห้านี่ทุ่มจริงๆ เลย!”
หยางฉีไม่ได้เข้าใจภาพวาดเลยสักนิด แต่กลับทำเป็นเหมือนว่าตัวเองรู้จักเป็นอย่างดี ทำเป็นพูดด้วยความตกใจ
ในบรรดาเพื่อนๆ ทุกคน มีเพียงอันซินกับห่าวฮ่วยฮ่วยที่เข้าใจเรื่องภาพวาด เมื่อได้ยินว่าเป็นผลงานแท้ของอาจารย์เหอ ห่าวฮ่วยฮ่วยก็ถามด้วยความตกใจว่า “จางจื่อเห้า นายให้ภาพวาดของอาจารย์เหอกับอันซินจริงๆ เหรอ?”
จางจื่อเห้าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมยิ้มด้วยความลำพองใจแล้วพูดว่า “ก็จริงน่ะสิ!”
ห่าวฮ่วยฮ่วยพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “จางจื่อเห้า เอาออกมาให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม?”
จางจื่อเห้าหันขวับไปที่อันซินที่ไม่รู้จะทำยังไง ยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ฉันตัดสินใจไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้ภาพวาดนั้นอันซินเป็นเจ้าของ เธอต้องถามอันซินก่อนว่าตกลงไหม?”
ห่าวฮ่วยฮ่วยหลงใหลในภาพวาด ตั้งแต่ตอนนั้นที่เกือบจะโดนหวางชิ่งเซิงหลอกก็พอจะดูออก
“อันซิน เอาภาพวาดจริงของอาจารย์เหอมาให้พวกเราดูได้ไหม?”
เมื่อมองไปที่ห่าวฮ่วยฮ่วยที่สายตาเต็มไปด้วยความรอคอยนั้น อันซินก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ลงคอ
“จางจื่อเห้า นายเอาภาพวาดนั้นออกมาให้ห่าวฮ่วยฮ่วยดูเถอะ!”
จางจื่อเห้ายิ้ม “ในเมื่อเจ้าของอนุญาตแล้ว งั้นฉันก็จะเอาออกมาเลย”
พวกผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนั้น ต่างก็มองไปอันซินด้วยความอิจฉา ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะทนแรงดึงดูดจากเกียรติอันจอมปลอมนี้ไม่ได้ทั้งนั้น
จางจื่อเห้าเปิดภาพวาดนั้นออกมา ห่าวฮ่วยฮ่วยรีบเดินเข้าไปดูอย่างละเอียด
“อาจารย์เหอมีชื่อด้วยภาพวาดทิวทัศน์ธรรมชาติ นี่เป็นภาพวาดจริงของอาจารย์เหอจริงๆ ด้วย อันซิน ยินดีด้วยนะ!”
ห่าวฮ่วยฮ่วยมองไปที่อันซินด้วยความอิจฉา สีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชอบภาพวาดนั้นอย่างไม่ปิดบัง
แขกอีกสองโต๊ะก็มีหลายคนที่รู้เรื่องภาพวาดเช่นกัน เมื่อได้ยินว่าเป็นผลงานของอาจารย์เหอ ต่างก็ถูกดึงดูดให้มาดูภาพนั้นด้วยกัน
“เด็กคนนี้ ยอมที่จะเอาผลงานของอาจารย์เหอมาเป็นของขวัญคนอื่น ใจกว้างจริงๆ!” มีคนพูดชมจางจื่อเห้า
แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกว่าจางจื่อเห้าใช้เงินเกินตัว
หวางชิ่งเซิงหัวเราะเหอะๆ “เด็กคนนี้เด็ดขาดจริงๆ จริงใจกับเพื่อนอีกต่างหาก ไม่เลวเลย!”
หวางชิ่งเซิงถือว่ามีฐานะที่สุดในบรรดาแขกทั้งสองโต๊ะ โลกของผู้ใหญ่ยิ่งสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น ต่างคนต่างพากันอยากที่จะเอาใจหวางชิ่งเซิงทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นว่าเขาพูดชมจางจื่อเห้า แขกที่อยู่ทั้งสองโต๊ะต่างก็เริ่มพากันชมตามๆ กันไป
ในเวลานั้น จางจื่อเห้ากลายเป็นตัวหลักในงานทันที เขายิ่งดีอกดีใจไปใหญ่
แต่ว่า เขาก็ไม่ลืมว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร เมื่อรอให้เสียงชมของทุกคนจบลง จางจื่อเห้ากับหยางฉีต่างก็พากันส่งสายตาหากัน
หยางฉีรีบทำเป็นละเหี่ยใจแล้วพูดขึ้นว่า “เฮ้อ พี่เห้า ของขวัญของฉันเมื่อเทียบกับพี่กลายเป็นไม่ได้เรื่องเลย ไม่กล้าเอาออกมาให้ดูด้วยซ้ำ ขายหน้าจริงๆ เลย!”
พอหยางฉีพูดจบ เพื่อนคนอื่นๆ ก็พากันก้มหน้าลง ของขวัญที่พวกเขาเตรียมมาไม่เท่ากับของหยางฉีด้วยซ้ำ พวกเขายิ่งเสียหน้ามากกว่าซะอีก!
ในบรรดานักเรียนเหล่านี้จะคนที่มีฐานะแบบจางจื่อเห้าสักกี่คน? ให้ของขวัญราคาไม่กี่ร้อย นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้มากที่สุดแล้ว
จางจื่อเห้าตบบ่าหยางฉี พร้อมทำเป็นพูดอย่างใจกว้างว่า “ไม่เป็นไร สำคัญกว่าของขวัญคือใจที่อยากให้มากกว่า! แค่อยากให้ก็พอแล้ว ดีกว่าไอ้คนไม่ได้เรื่องที่มามือเปล่าเพื่อกินฟรีอยู่หรอก!”
“ใช่ ยังไงก็เป็นเพื่อนกัน จะมามือเปล่าได้ยังไง! ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันที่ดาวโรงเรียนอันจัดนิทรรศการภาพวาดครั้งแรกในชีวิต!”
สายตาของหยางฉี ทำเหมือนว่าจะไม่ตั้งใจไปอยู่ที่หลินหยุน ใบหน้าเต็มไปด้วยความอยากเยาะเย้ย
หวางชิ่งเซิงที่อยู่อีกโต๊ะก็หยอกล้อขึ้นมาด้วย “หนุ่มคนนี้พูดถูก ตอนนี้แหละ ถึงจะแสดงออกว่าใครเป็นเพื่อนจริง ใครเป็นเพื่อนปลอมๆ!”
“ไอ้พวกที่มามือเปล่าพวกนั้น ต่อไปก็ไม่ต้องไปยุ่งด้วยหรอก คนแบบนี้คบไม่ได้!” หวางชิ่งเซิงสายตาหยุดไปอยู่ที่หลินหยุน สีหน้าแฝงไปด้วยความสะใจ
พอหวางชิ่งเซิงพูดแบบนั้น คนอื่นๆ ต่างก็พากันเห็นดีเห็นงามตามไปด้วย
“ท่านประธานหวางพูดถูก ต่อให้ฐานะไม่ดียังไง อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง ถ้ามามือเปล่าจริงๆ คงไม่ได้เห็นว่าอันซินเป็นเพื่อนจริงๆ ไม่น่าคบหรอก”
เวลานี้ สายตาทุกคนต่างก็จับจ้องมาที่หลินหยุน ตอนนี้ทุกคนก็มองออกแล้วว่า จางจื่อเห้าพูดถึงหลินหยุนอยู่
อีกทั้งหลินหยุนเองก็มามือเปล่าจริงๆ เพื่อนหลายคนก็เห็นกันหมด
แต่ว่าหลินหยุนกลับนั่งอยู่บนที่ของตัวเองพักหลับตาเฉยๆ อยู่ตรงนั้น ไม่ว่าจางจื่อเห้ากับหยางฉีจะพูดยังไง ก็เหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจเลยสักนิด ทำให้จางจื่อเห้ารู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆ
จางจื่อเห้าจนปัญญาเลยต้องถามขึ้นเองว่า “หลินหยุน อันซินดีกับนายขนาดนี้ เรียกพี่หลินหยุนอยู่นั่นตลอดเวลา นายเอาของขวัญอะไรมาให้อันซินเหรอ? บอกให้ทุกคนรู้หน่อยสิ!”
เพื่อนบางคนยิ้มเยาะ หลินหยุนมามือเปล่า หลายคนก็เห็นกันแล้ว ตอนนี้จางจื่อเห้ากลับถามถึงของขวัญของหลินหยุน ถ้าเขาไม่ได้เอาของขวัญมา ก็คงขายหน้าไม่น้อย
หวางชิ่งเซิงและคนอื่นๆ ต่างก็จับตามองหลินหยุนอยู่ ถึงทุกคนจะดูออกว่าจางจื่อเห้ากับหยางฉีตั้งใจจะทำให้หลินหยุนลำบากใจ แต่ถ้าหากหลินหยุนมามือเปล่าจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องที่น่าอายไม่น้อย
หลินหยุนลืมตาขึ้น มองหน้าจางจื่อเห้าที่กำลังยิ้มกระหยิ่มใจอยู่ด้วยสายตาเย็นชา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ฉันจะให้ของขวัญอะไร เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
หยางฉีหัวเราะเยาะ พร้อมพูดว่า “เหอะ ฉันว่านายคงมือเปล่ามากินฟรีสินะ ไม่งั้นทำไมไม่กล้าเอาของขวัญออกมาล่ะ!”
อันซินทนไม่ไหว ตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นพูด ใบหน้าเธอเริ่มแดงจากความโกรธ “หยางฉี พอแล้ว! ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น มาให้กำลังใจฉันที่นิทรรศการภาพวาดได้ ฉันก็ดีใจมากแล้ว”
“ถ้าทุกคนคิดว่าฉันจะไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องของขวัญ งั้นฉันก็ขอให้ทุกคนเอากลับไปเถอะ ฉันไม่รับของใครทั้งนั้น!”
เมื่อเห็นว่าอันซินโมโห หยางฉีก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ถ้าเกิดว่าอันซินโมโหจนไม่รับของขวัญจากใครจริงๆ เช่นนั้นก็จะทำให้จางจื่อเห้าเป็นตัวตลกแน่ๆ
จางจื่อเห้าคิดแค้นอยู่ในใจ อันซินปกป้องเขาชัดเจนเกินไปแล้ว
แต่ว่าต่อหน้าเขาอาจจะไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มแห้ง แล้วพูดว่า “น้องอันซินไม่ต้องโมโหนะ ในเมื่อเธอไม่ชอบ งั้นเราไม่คุยกันเรื่องนี้แล้ว”
หวางชิ่งเซิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ผู้ชายคนหนึ่ง เอาแต่ให้ผู้หญิงออกหน้า กระจอกสมชื่อจริงๆ”
อันซินจ้องเขม็งไปที่หวางชิ่งเซิง แต่ในฐานะที่เขาเป็นผู้ใหญ่ เธอก็พูดอะไรได้ไม่มาก ได้แต่โมโหอยู่ในใจ
สายตาหลินหยุนหันไปที่หวางชิ่งเซิง ใบหน้าเย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึก เขาพูดขึ้นว่า “ถ้ายังพูดมากอีก ฉันเอาแกตายแน่”