จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 582 ค่ายกลจิ่วเจ๋
ชายหนุ่มคนนั้นแอบยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในใจ ภายในสมองกำลังนึกถึงคำพูดของคุณชายใหญ่ตระกูลหวางอยู่
“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าปรมาจารย์หลินรู้ว่าด้านหน้ามีกับดักหลุมพรางรอเขาอยู่ เขาก็ยังจะต้องมาอย่างแน่นอน หวางเจ๋อสีหน้าท่าทางมั่นใจ เหมือนกับว่าเข้าใจรู้ลึกในตัวของหลินหยุน”
ในตอนแรกชายหนุ่มยังคงไม่ค่อยเชื่อ ตอนนี้ได้ยินคำตอบของหลินหยุนแล้ว ซึ่งมันตรงกับคำพูดของคุณชายใหญ่หวางที่ทายเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
“ฮึ นายช่างดูถูกกลุ่มวีรบุรุษใต้หล้าเกินไปแล้ว! กล้าที่จะมองข้ามสำนักบู๊แท้ของข้าไปได้ รอให้นายเข้าไปอยู่ในค่ายกลจิ่วเจ๋แล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ก็คือเวลาตายของนาย! ”
หลินหยุนเดินตามชายหนุ่มนั้นไป โดยมุ่งหน้าตรงไปตลอด เรื่อย ๆ จนพวกเขามาถึงเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน
ซึ่งก็คือภูเขาเก้ายอดที่สูงที่สุดตามแนวทั่วทั้งภูเขาเย่นต้าน
ชายหนุ่มนั้นหยุดลงบนก้อนหินสีเขียว หันหลังมองไปยังหลินหยุน: “เชิญพักรอที่นี่สักครู่หนึ่ง ข้าจะเข้าไปรายงานต่อเจ้าสำนัก”
ซูหนันพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “แกคิดที่จะทิ้งพวกข้าไว้ตรงนี้เหรอ ฝันไปเถอะ! ”
หลินหยุนขัดขวางซูหนันเอาไว้ แล้วพูดว่า: “ปล่อยเขาไป”
“ข้าอยากจะดูหน่อยสิว่า พวกเขาจะใช้วิธีการไม้ไหนกันแน่”
ชายหนุ่มหันหลัง แล้วมองไปที่หลินหยุนด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา: “ปรมาจารย์หลินบ้าระห่ำตรงตามที่ร่ำลือกันไว้ไม่ผิดเลย จากนี้ หวังว่านายจะไม่เสียใจในภายหลัง! ”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างประหลาด หันหลังแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่เงาร่างของชายหนุ่มนั้นหายตัวไป ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่สว่างสดใสก็เกิดฟ้าผ่า เกิดฟ้าร้องดังลั่นขึ้น อยู่บนศีรษะของหลินหยุนกับซูหนัน
จากนั้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆดำลอยมาปกคลุมมืดมิด ทิวทัศน์ด้านหน้าของหลินหยุนกับซูหนัน เปลี่ยนแปลงเป็นภาพที่เลือนลาง
“เกิดอะไรขึ้น! ” ซูหนันสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด
หลินหยุนมองไปที่ท้องฟ้า สีหน้าเฉยเมย: “ค่ายกล! ”
ซูหนันพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า: “คุณพูดว่า พวกเราได้เข้ามาสู่ภายในค่ายกลของฝ่ายตรงข้ามแล้วงั้นเหรอ! ”
“ใช่” หลินหยุนหันหน้า มองไปยังสี่ทิศ สังเกตค่ายกลอย่างละเอียด แต่ว่า ต่อให้ใช้พลังดวงตาและจิตสมาธิของเขาแล้ว ก็ยังสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลออกไปแค่สิบเมตรเท่านั้น
พลังมวลรวมบริเวณโดยรอบของฟ้าดิน ส่งเสียงดังอึกทึกติดต่อกันไม่หยุด เงาดำจำนวนมากเคลื่อนไหวแวบไปมา มองไม่ชัดตกลงว่าคืออะไร ราวกับเป็นวันสิ้นสุดของโลกอย่างไรอย่างนั้น
“นี่คือค่ายกลอะไรกัน? ที่มีพลังอานุภาพมากถึงขนาดนี้! ” ซูหนันสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก ร่างกายที่อยู่ท่ามกลางค่ายกล ก็เหมือนกับเรือลำหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ซูหนันรู้สึกว่าตนเองมีขนาดเล็กนิดเดียวราวกับเม็ดทราย
“ค่ายกลนี้ไม่ธรรมดา ไม่เหมือนกับนักบู๊ในปัจจุบันที่สามารถจัดวางขึ้นมาได้ ถ้าหากข้าทายไม่ผิด นี่น่าจะเป็นค่ายกลโบราณกาล” หลินหยุนพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“สามารถทำลายลงได้ไหม? ” ซูหนันถามขึ้น
“คงต้องลองดู” หลินหยุนสีหน้าไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก
เวลานี้ ตำหนักสำนักบู๊แท้ที่อยู่ด้านหลังภูเขา ซึ่งที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ต้องห้ามของสำนักบู๊แท้
แต่ในเวลานี้ ประตูเขาบริเวณพื้นที่ต้องห้ามได้เปิดขึ้น ทุกคนของสำนักบู๊แท้ทั้งลูกศิษย์และรวมถึงเจ้าสำนักจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบหกคน ต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่ โดยนั่งขัดสมาธิโอบล้อมแท่นหินก้อนหนึ่ง
แท่นหินที่อยู่ท่ามกลางของทุกคนนั้น มีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของสนามบาสเกตบอล มีความสูงประมาณหนึ่งคนทั่วไป มองไม่ออกว่าทำจากวัสดุอะไร ซึ่งโดยรอบมีลวดลายการแกะสลักที่ลึกลับซับซ้อน เผยให้เห็นกลิ่นอายอันเลือนลางของความเก่าแก่โบราณ
ด้านบนของแท่นหินนั้น มีเสาหินหยกขาวที่สูงประมาณคนทั่วไปเก้าแท่งตั้งตระหง่านอยู่ บนเสาหินทุกแท่ง ก็มีลวดลายการแกะสลักที่ลึกลับซับซ้อน ลวดลายเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับฟ้าดิน เหมือนกับว่าได้ทอดยาวลงลึกไปยังพื้นดิน โดยไม่รู้ว่าสุดท้ายไปเชื่อมต่อกับที่ไหน
สมาชิกจำนวนหนึ่งร้อยสามสิบหกคนของสำนักบู๊แท้ ได้ถ่ายทอดชี่แท้ในร่างกายเข้าสู่เสาหินทั้งเก้าแท่งนั้นอย่างไม่หยุด เสาหินหยกขาวเก้าแท่งนั้นค่อย ๆ สว่างขึ้น และมีแสงสว่างห้อมล้อมอยู่โดยรอบ
หลี่สุนเฟิงเจ้าสำนักบู๊แท้ ได้ปล่อยชี่แท้ออกมาโดยพลัน พร้อมกับตะโกนขึ้นเสียงดัง
“เริ่มขึ้นได้! ”
ทันใดนั้น กลางอากาศด้านบนของแท่นหิน สะท้อนขึ้นเป็นม่านจอ บนม่านจอนั้น ก็คือแผนที่ตามจริงของเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน โดยในตอนกลางของเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน มีเงาร่างชายหนุ่มสองคน นั่นก็คือหลินหยุนกับซูหนัน
หลี่สุนเฟิงยิ้มเยาะอย่างภาคภูมิใจ: “ฮึ ปรมาจารย์หลิน นายสามารถฆ่าเทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋ได้ แต่นายกลับทำลายค่ายกลจิ่วเจ๋นี่ของข้าไม่ได้”
“ความหลงระเริงของนาย ในที่สุดก็ทำให้นายจบชีวิตลงที่ตรงนี้! ”
“สังหาร! ”
หลี่สุนเฟิงชี้ไปยังเสาหินหยกขาวบนแท่นหินนั้นทันที แล้วก็ปล่อยพลังทิพย์ออกมา เสาหินหยกขาวนั้นก็ได้เปล่งประกายแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น
ม่านจอที่อยู่กลางอากาศด้านบนของแท่นหิน หนึ่งในเก้ายอดภูเขาเย่นต้านที่สูงตระหง่านนั้น ได้ผุดขึ้นออกมาจากพื้นดิน แล้วก็พุ่งโจมตีเข้าใส่หลินหยุนทันที
ท่ามกลางค่ายกล หลินหยุนมองไปที่ยอดเขาขนาดมหึมานั้น ที่ปิดปกคลุมครึ่งหนึ่งของท้องฟ้า ราวกับยักษ์โบราณ กำลังคำรามขึ้นด้วยความโกรธ
ยอดเขาที่หล่นทับลงมา ทำให้ท้องฟ้าด้านบนศีรษะของหลินหยุนยิ่งแคบลง ความมืดครึ้มก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ถึงขนาดที่หลินหยุนนอกจากจะสามารถมองเห็นด้านล่างของยอดเขาแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นท้องฟ้าได้แม้แต่นิดเดียว
“นี่คือภาพลวงตาใช่ไหม? ” มองไปที่ยอดเขาที่สูงใหญ่ ทับหล่นลงมาใส่ตนเองทั้งลูก ซูหนันสอบถามขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ
หลินหยุนพูดอย่างจริงจังว่า: “นี่คือภาพลวงตา ขณะเดียวกันนี่ก็ไม่ใช่ภาพลวงตา นี่คือค่ายกลที่ได้ใช้พลังของยอดเขา สร้างภูเขาจำลองขึ้นมา”
“แม้ว่ายอดเขาที่แท้จริงจะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย แต่ว่า ยอดเขาที่หล่นทับพวกเราลงมานี้ ก็เหมือนกับยอดเขาที่แท้จริงนั้นทุกประการ”
ซูหนันสีหน้าเคร่งเครียด: “อย่างนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไร? พลังฟ้าดินแบบนี้ พลังของคนจะสามารถต้านทานได้อย่างไรกันล่ะ? ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ถ้าหากค่ายกลนี้อยู่ในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ อีกทั้งคนที่ควบคุมค่ายกล เป็นเจ้าของที่สร้างค่ายกลขึ้นมา บางทีพลังอานุภาพของยอดเขาลูกนี้อาจจะมีพลังที่เทียบเท่ากันกับยอดเขาที่แท้จริงเลย”
“แต่ว่า คนที่กำลังควบคุมค่ายกลอยู่ตอนนี้นั้น มีพลังความสามารถด้อยกว่าซึ่งมีเพียงแค่หนึ่งในหมื่นของเจ้าของที่สร้างค่ายกลในตอนนั้น ดังนั้น พลังอานุภาพของค่ายกลก็จะลดลงไปหลายเท่า”
ซูหนันพูดว่า: “หากพูดแบบนี้ ยอดเขาที่อยู่เบื้องหน้านี้ ที่จริงแล้วก็นับว่าเป็นของปลอม หรือพลังอานุภาพอาจจะมีเพียงแค่หนึ่งในหมื่นของยอดเขาที่แท้จริง! ”
“สามารถเข้าใจแบบนี้ได้” หลินหยุนพูดขึ้น: “แต่ แม้ว่าจะมีพลังอานุภาพเพียงแค่หนึ่งในหมื่นของยอดเขาที่แท้จริง ก็ยังไม่อาจจะมองข้ามได้”
ถูกต้อง คิดดูว่าเก้ายอดภูเขาเย่นต้านนั้นมีขนาดใหญ่มหึมาแค่ไหน ถ้าหากถูกยอดเขาทั้งลูกทับลงมา ก็เหมือนกับช้างตัวใหญ่ทับลงบนร่างของลูกเจี๊ยบ
ต่อให้พลังของยอดเขาลดลงไปหลายเท่าตัว แต่ขนาดความใหญ่ก็ยังคงแสดงให้เห็นอยู่ตรงนั้น
“ท่าสยบเขา! ”
รอจนยอดเขานั้นใกล้จะหล่นทับลงมา หลินหยุนก็ปล่อยพลังหมัดขึ้นสู่ท้องฟ้า
ปัง!
พลังที่แข็งแกร่งราวกับมีดฟันเข้าไปในเต้าหู้ ยอดเขาขนาดใหญ่นั้นกลับถูกหมัดของหลินหยุนชกใส่จนแหลกสลาย
ด้านในพื้นที่ต้องห้ามหลังภูเขาของสำนักบู๊แท้
หลี่สุนเฟิงสีหน้าขาวซีด มองไปยังม่านจอกลางอากาศด้านบนของแท่นหินด้วยความหวาดผวา: “นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
“คิดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มนั่นจะใช้พลังหมัดทำลายยอดเขาทั้งลูกได้! ”
“แม้ว่ายอดเขาลูกนั้นจะมีพลังอานุภาพเพียงหนึ่งในหมื่นของยอดเขาที่แท้จริง แต่ นั่นก็ไม่ใช่ว่าพลังคนจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้! ”
ทว่า พลังอานุภาพของค่ายกลจิ่วเจ๋ คงไม่มีเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน
“เอาอีกครั้ง! ”
หลี่สุนเฟิงตะโกนเสียงดัง ฟิ้วฟิ้ว และได้ปล่อยพลังทิพย์ออกไปอีกสองลำแสง แยกกันไปบนสองเสาหินหยกขาวนั้น
ท่ามกลางค่ายกล บริเวณโดยรอบของหลินหยุนก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ ยอดเขาสองลูกได้ผุดขึ้นจากพื้นดินพร้อมกัน พุ่งเข้าโจมตีใส่หลินหยุน
หลินหยุนสีหน้าท่าทางจริงจัง แล้วก็ได้กระโดดขึ้นสู่กลางอากาศ และปล่อยสองหมัดพุ่งเข้าใส่ยอดเขาสองลูกนั้นอย่างรวดเร็ว
“สิบแปดท่าต้าเต๋า ท่าสยบเขา! ”
โครมโครม!
เกิดเสียงดังขึ้นสองครั้ง ครั้งนี้ ยอดเขาทั้งสองนั้นไม่ได้ถูกหลินหยุนชกจนพังทลายลง เพียงแค่ลดความเร็วลงเท่านั้น แล้วก็พุ่งตรงเข้าใส่หลินหยุนต่อ
ซูหนันสีหน้าจริงจัง พลันกระโดดขึ้น แล้วก็ปล่อยพลังหมัดเข้าใส่ยอดเขาสองลูกนั้น
ตูมตูม!
แม้ว่าพลังวิชาพินาศไม่สิ้นสูญจะทรงพลัง แต่ซูหนันมีการฝึกฝนที่ยังอ่อนด้อยอยู่ จึงไม่เพียงพอที่จะสามารถแสดงพลังอานุภาพวิชาพินาศไม่สิ้นสูญที่แท้จริงออกมาได้
พลังหมัดทั้งสองของเขา ทำได้เพียงขัดขวางยอดเขาสองลูกนั้นไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง
“นายปกป้องดูแลตนเองให้ดี ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน”
หลินหยุนสีหน้าไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก แล้วก็ปล่อยพลังหมัดเข้าใส่ยอดเขาสองลูกนั้นที่อยู่กลางอากาศอีกครั้ง
“ท่าแยกน้ำ! ”