จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 604 มิงค์สีทองจื่อมู่
หลินหยุนโจมตีอีกครั้ง “ท่าแยกน้ำ!”
เป็นการโจมตีที่รุนแรงอีกครั้ง โดนแสงเงานั่น ทำให้มันหยุดไปอีกหลายวินาที
แต่ว่า ก็ทำได้แค่หยุดการเคลื่อนไหวของมันได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น จากนั้น มันก็พุ่งไปหาหลินหยุนต่อ
“ค้อนดาวร่วง!”
พลังที่แข็งแกร่งหล่นลงมาจากฟากฟ้า ครั้งนี้ มันกดทับจนแสงเงานั่นหล่นไปกระแทกกับพื้น
เอี๊ยด!
แสงเงานั่นคำรามออกมาด้วยความโมโห หยุดไปไม่กี่วินาที จากนั้นก็พุ่งไปหาหลินหยุนอีกครั้ง
“ท่าห้ามสิ่งวายชนม์!”
มือทั้งสองข้างของหลินหยุนเปิดแล้วปิด ใส่ท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
ที่ผ่านมัน ท่าห้ามสิ่งวายชนม์สามารถหยุดระดับปรมาจารย์สูงสุดได้มาโดยตลอด ตอนนี้ ทำได้แค่หยุดแสงเงานั่นได้เพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น
จากนั้น แสงเงานั่นก็พุ่งไปหาหลินหยุนต่อ
“พลิกฟ้าผ่าตะวัน!”
หลินหยุนโจมตีอีกครั้ง เพื่อให้มันจบในทีเดียว
บูม!
ครั้งนี้ ในที่สุดแสงเงานั่นก็โดนหลินหยุนซัดจนถอยกลับไป มันหล่นลงไปบนพื้น และปรากฏร่างของมันออกมา
ตัวมันยาวห้าจั้ง สูงสองจั้ง ทั้งตัวเต็มไปด้วยขนสีม่วง แต่กลับเป็นอสุรกายที่มีหางเป็นสีทอง
รูปร่างคล้ายหนูยักษ์อยู่เล็กน้อย และก็คล้ายเฟร์ริตอยู่เล็กน้อย
เขางอเท้าทั้งสี่ข้างของมัน และทำท่ากึ่งหมอบ ราวกับพร้อมที่จะโจมตีใส่ด้วยความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา
หลินหยุนตกใจอยู่เล็กน้อย “เป็นเชื้อสายมิงค์สีม่วงอมตะอย่างนั้นเหรอ!”
“แต่ว่า ดูเหมือนสายเลือดจะไม่ได้บริสุทธิ์สักเท่าไหร่ น่าจะเป็นอสูรที่ผสมสายพันธุ์เข้ากับมิงค์สีทอง”
มิงค์สีม่วงอมตะ ที่ถูกเรียกว่าเป็นอมตะ ไม่ได้แปลว่าฆ่าไม่ตายจริงๆ แต่เป็นเพราะคุณสมบัติธาตุไม้ที่มีพลังในการฟื้นฟูเป็นอย่างมากที่อยู่ร่างกายของมัน
ขอแค่เป็นบาดแผลที่ไม่ถึงชีวิต มันจะสามารถฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมได้ในเวลาอันสั้น
อสูรตัวนี้ถูกเรียกว่ามิงค์สีทองจื่อมู่ เป็นทายาทที่ได้รับเชื้อสายของมิงค์สีม่วงอมตะมาตั้งแต่กำเนิด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะสังหารมัน
เพราะเหตุนี้เอง พันปีก่อนปรมาจารย์ค่ายกลนักพรตจื่อเซวียน และยังมีพวกบำเพ็ญที่แข็งแกร่ง ถึงได้คิดหาวิธี ปิดผนึกมันเอาไว้ พวกเขาใช้ค่ายกลหมื่นไม้ผนึกญาณ ให้มันค่อยดูดซับคุณสมบัติธาตุไม้อันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในตัวของมันอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ ถึงได้ปิดผนึกมันได้เป็นพันปี จนมันค่อยๆสลายหายไป
“ข้ากำลังกังวลอยู่เลยว่าจะตามหาวิญญาณจากไหน เพื่อเอามาบำเพ็ญร่างภูตป่าของข้าดี นึกไม่ถึงว่า จะได้มาเจอที่นี่”
มิงค์สีทองจื่อมู่ เป็นทายาทที่มีเชื้อสายมาจากมิงค์สีม่วงอมตะที่ทรงพลัง เป็นอสูรที่มีคุณสมบัติธาตุไม้ระดับสูง
ถ้าเกิดเอาวิญญาณเซียนของมันมาใช้เป็นวิญญาณร่างภูตป่า ร่างภูตป่าที่อยู่ในตัวของหลินหยุน ก็จะได้ความสามารถในการฟื้นฟูของมิงค์สีม่วงอมตะมาส่วนหนึ่ง
เอามาใช้เป็นวิญญาณร่างภูตป่า ไม่มีอะไรเหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว
“โฮก!”
มิงค์สีทองจื่อมู่ดูเหมือนจะสัมผัสจุดประสงค์ของหลินหยุนได้ อ้าปากกว้าง แล้วคำรามใส่หลินหยุนด้วยความโกรธ เผยให้เห็นเขี้ยวที่แหลมคม
หลินหยุนหันไปพูดกับเสี่ยวจุยว่า “เธอไปหลบก่อน เจ้าอสูรนี้รับมือค่อนข้างยาก”
เสี่ยวจุยพยักหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ถอยไปอย่างว่าง่าย ไปยืนดูอยู่ข้างๆ
หลินหยุนยืนเอามือไขว้หลัง หันไปมองมิงค์สีทองจื่อมู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เข้ามา!”
“โฮก!”
มิงค์สีทองจื่อมู่คำรามใส่หลินหยุน จากนั้นก็พุ่งไปหาอย่างรุนแรง
“ท่าสยบเขา!”
หลินหยุนสวนกลับไปทันที ใช้กระบวนท่าสิบแปดท่าต้าเต๋า เพื่อรับมือกับมิงค์สีทองจื่อมู่ซึ่งๆหน้า
แม้มิงค์สีทองจื่อมู่จะเคลื่อนไหวได้เร็วมาก แต่ว่า ความเร็วของหลินหยุนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน หนึ่งคนและหนึ่งอสูรต่อสู้จากผืนดินไปจนถึงฟากฟ้า จากนั้นก็สู้จากฟากฟ้าจนลงมาสู่ผืนดิน สู้รู้ผลแพ้ชนะได้ยาก
อีกอย่าง ดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งพอๆกัน แต่ดูเหมือนหลินหยุนจะด้อยกว่านิดหน่อย
เหล่าจู่ตระกูลโม่ที่อยู่ตรงหน้าซากปรักหักพังตึก มองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่สั่นไหว “เจ้าหนุ่มนี่ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า? กลับสามารถสู้สูสีกับมิงค์สีทองจื่อมู่ได้!”
“แม้ว่าเจ้าอสูรตัวนี้จะเพิ่งตื่นจากการถูกปิดผนึกมานับพันปี จึงใช้ความสามารถได้แค่หนึ่งในสามของมัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่นักบู๊คนหนึ่งจะสามารถต่อต้านมันได้!”
“ปรมาจารย์ค่ายกลนักพรตจื่อเซวียน ในตอนนั้น ว่ากันว่ามีความแข็งแกร่งอยู่ในแดนระดับตำนานนั้น แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น ก็ยังต้องรวบรวมพลังของเหล่าผู้บำเพ็ญทั้งหมด ถึงสามารถปิดผนึกมันได้”
“แต่ตอนนี้ เจ้าหนุ่มนี้แค่คนเดียวก็สามารถสู้กับมิงค์สีทองจื่อมู่ได้ นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
เหล่าจู่ตระกูลโม่รู้สึกว่าความเข้าใจโลกบู๊ของตัวเอง โดนหลินหยุนทำลายจนหมดสิ้นแล้ว
นี่เป็นศึกที่มิงค์สีทองจื่อมู่ไม่ได้สู้มานาน มันคำรามไม่หยุด แม้มันจะพูดไม่ได้ แต่ก็เป็นอสูรที่มีสติปัญญา
ในเวลานี้ มันได้เข้าใจแล้ว มนุษย์ท่าทางอ่อนแอที่อยู่ตรงหน้าของมัน ความจริงเป็นผู้ฝึกบู๊ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง
“โฮก!”
มิงค์สีทองจื่อมู่เงยหน้าคำรามใส่ท้องฟ้า ขนสีม่วนที่อยู่ในตัวของมันจู่ๆก็เปล่งแสงสีฟ้าออกมา
ชี่ทิพย์ที่อยู่รอบๆ จู่ๆก็ส่งกลิ่นความอันตรายออกมา
โดยเฉพาะชี่ทิพย์ธาตุไม้พวกนั้น ยิ่งบ้าคลั่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“โฮก!”
มิงค์สีทองจื่อมู่ยังคงคำรามใส่ท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ท้องฟ้าและผืนดินเกิดลมพายุที่บ้าคลั่ง กิ่งก้านและใบไม้นับไม่ถ้วนกำลังลอยไปทั่วท้องฟ้า
เถาวัลย์ที่เกิดขึ้นมาจากชี่ทิพย์กำลังก่อตัวขึ้นมา จนมันกลายเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ ล้อมรอบหลินหยุนเอาไว้ข้างใน
“โฮก!”
จู่ๆมิงค์สีทองจื่อมู่ก็อ้าปากกว้าง แรงดึงดูดมหาศาลกำลังดูดตัวของหลินหยุนเข้ามา มันคิดที่จะกลืนหลินหยุนเข้าไป
เสี่ยวจุยกุมมือเล็กๆของตัวเองอย่างแน่นหนา แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
กิ่งก้านและใบไม้ที่ลอยเต็มท้องฟ้า ยังคงเป็นชี่ทิพย์จากฟ้าดิน มันเหมือนกับแรงดึงดูดจากกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ที่กำลังถูกดูดเข้าไปหามิงค์สีทองจื่อมู่
แม้กระทั่ง เสี่ยวจุยที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร ก็ยังสัมผัสแรงดึงดูดมหาศาลนั่นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลินหยุนที่อยู่ตรงใจกลาง
หลินหยุนโดนตาข่ายยักษ์ที่ถูกสร้างมาจากชี่ทิพย์ที่มีคุณสมบัติของธาตุไม้จับเอาไว้ แต่ว่า กลับเหมือนดั่งพระเจ้า ที่มั่นคงราวกับภูเขาไท่ซาน
แรงดึงดูดมหาศาลนั่น ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรหลินหยุนได้แม้แต่น้อย
“เปิด!”
หลินหยุนบีบอักขระลึกลับที่อยู่ในมือ และตะโกนออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ตาข่ายยักษ์นั่นโดนหลินหยุนฉีกออกอย่างง่ายดาย หลินหยุนหลุดพ้นได้ในทันที
“โฮก!”
ราวกับว่ามิงค์สีทองจื่อมู่จะรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก คำรามออกมาด้วยความโกรธ ร่างที่ใหญ่โตพุ่งกระแทกเข้าหาหลินหยุนอย่างรุนแรง
หลินหยุนปล่อยหมัดสวนกลับไป
บูม!
ครั้งนี้ หลินหยุนกลับโดนกระแทกจนปลิวออกมา
“เจ้าอสูรตัวนี้ฟื้นฟูพลังกลับมาได้มากกว่าเดิมแล้ว”
“ที่นี่สะสมชี่ทิพย์ที่มีคุณสมบัติของธาตุไม้มันนับพันปี เมื่อถูกปลดปล่อยออกมา มีส่วนช่วยเหลือเจ้าอสูรที่เป็นทายาทเชื้อสายของมิงค์สีม่วงอมตะได้เป็นอย่างมาก จะปล่อยให้มันฟื้นฟูไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ในตอนที่หลินหยุนกำลังครุ่นคิด มิงค์สีทองจื่อมู่ก็ส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง จู่ๆชี่ทิพย์ที่รุนแรงก็ไปรวมตัวอยู่ตรงท้องฟ้าจากนั้นมันก็แปลเปลี่ยนเป็นกระบี่ยักษ์สีฟ้า
กระบี่ยักษ์พวกนั้นใกล้เคียงของจริงเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับค่ายกลกระบี่ชิงมู่ของเหล่าจู่ตระกูลโม่ มันดูรุนแรงกว่าร้อยเท่า
“โฮก!”
มิงค์สีทองจื่อมู่คำรามเสียงดัง กระบี่ยักษ์สีฟ้านับสิบเล่มที่อยู่บนท้องฟ้า ก็พุ่งไปหาหลินหยุนราวกับสายฝน
หลินหยุนส่งเสียงเฮิงด้วยความเย็นชา ปล่อยแสงสีทองออกมาคุ้มร่างกาย จากนั้นก็ปล่อยหมัดสวนกระบี่ยักษ์สิบกว่าเล่มนั่น
โป๊กๆ โป๊กๆ!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลินหยุนโดนกระบี่สีฟ้าพวกนั้น กระแทกจนหล่นลงมา โดนกระแทกไปเรื่อยๆจนติดกับพื้นดิน ตรงพื้นดินเกิดหลุดที่มีความลึกหลายเมตรออกมา
เหล่าจู่ตระกูลโม่ทำหน้าดีใจ “ฮ่าๆ เจ้าหนุ่ม ตายไปซะ ตายไปซะ! ข้าบอกไปแล้ว ข้าต้องการให้โลกทั้งใบตายไปพร้อมกับข้า!”
“พลังของมันฟื้นฟูกลับมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าเกิดฟื้นฟูกลับมาจนสมบูรณ์ โลกนี้ก็จะไม่มีใครหยุดยั้งมันได้อีก!”
แววตาของเสี่ยวจุยเผยความหวาดกลัวออกมา จ้องมองหลุดนั่นด้วยใบหน้าเป็นห่วง แอบภาวนาให้หลินหยุนในใจว่า “ท่านอย่าเป็นอะไรนะ!”
มิงค์สีทองจื่อมู่บินอยู่บนอากาศ หัวของมันใหญ่พอๆกับห้องห้องหนึ่ง แววตาสีเขียวระยิบระยับของมัน กำลังจ้องมองหลุดยักษ์ที่อยู่ข้างล่าง
ทันใดนั้น ก็มีกลิ่นอันตราย พุ่งออกมาจากหลุดยักษ์นั่น
แสงลูกศรสีฟ้า ราวกับเป็นแสงที่ส่องออกมาจากก้อนเมฆ พุ่งออกมาจากหลุดยักษ์ด้วยความเร็วสูง แล้วทะลุผ่านร่างของมิงค์สีทองจื่อมู่
เลือดสีม่วงกระเด็นทั่วผืนดิน
“โฮก!”
มิงค์สีทองจื่อมู่ส่งเสียงคำรามออกมา หัวโตๆของมันกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง จนพื้นดินสั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง
แต่ว่า เพียงไม่นาน บาดแผลในร่างของมัน ก็ฟื้นฟูกลับมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็ฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม