จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 606 หุบเขาเทพยายอมแพ้
หลินหยุนจ้องมองใบหน้ามึนงงของเหล่าจู่ตระกูลโม่ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ราวกับว่าไม่มีความรู้สึกเห็นใจในฐานะมนุษย์อยู่เลย
“เจ้ามันบ้า ถึงขั้นคิดที่จะดึงโลกทั้งใบมาตายไปพร้อมกับเจ้า สมควรตาย!”
แต่ว่า ไม่ทันรอให้หลินหยุนลงมือ ร่างของเหล่าจู่ตระกูลโม่ก็เริ่มเหี่ยวเฉาราวกับต้นไม้ รูปร่างแปลกประหลาดมาก
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง……เป็นไปได้ยังไง……”
ร่างของเหล่าจู่ตระกูลโม่กลายเป็นศพแห้งๆ แล้วก็ล้มลงไป ขนาดตาย ใบหน้าก็ยังเต็มไปด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
ถ้าเกิดเป็นผู้บำเพ็ญเซียนของโลกนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถฆ่ามิงค์สีทองจื่อมู่ได้อยู่แล้ว แต่ว่า เขาคงนึกไม่ถึงว่า หลินหยุนก็คือมหากษัตริย์ชางฉองที่กลับมาเกิดใหม่
“เดิมทีเขาก็ใช้อายุขัยของตัวเองจนหมดแล้ว ตอนนี้หัวใจก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและยังมีแผลตามร่างกาย บวกกับที่ใช้พลังเพื่อทำลายค่ายกลหมื่นไม้ผนึกญาณ ถึงได้มีจุดจบแบบนี้”
“แบบนี้ก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องลงมือเอง”
จ้องมองสนามที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง หลินหยุนค่อยๆลงมา ยืนตรงหน้าของเสี่ยวจุย
ในที่สุดเสี่ยวจุยก็เงยหน้าขึ้นมา จ้องมองหลินหยุน แต่ว่าครั้งนี้ แววตาของเสี่ยวจุยเต็มไปด้วยความเคารพและหวาดกลัว
ถึงแม้เธอจะไม่สามารถเปิดปากพูดออกมาได้ แต่ว่า แววตาของเธอได้สื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการออกมาหมดแล้ว สิ่งที่เธอต้องการจะบอก ขอแค่มองตาก็จะรู้ได้ในทันที
“กลัวไหม?” หลินหยุนถามด้วยเสียงเรียบๆ
เสี่ยวจุยพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหัว
หลินหยุนเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อ เธอกลัวคนชั่วที่มีพลังแบบนี้ แต่ว่า กลับไม่กลัวคนดีที่มีพลังแบบนี้ ก็เหมือนกับหลินหยุน
“ไปกันเถอะ พวกเราไปหาวัตถุดิบปรุงยา เพื่อช่วยสามีของเธอ”
เสี่ยวจุยทำหน้าดีใจ หลินหยุนไม่ได้ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ ต่อให้เขาจะมีพลังที่สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้แล้วยังไง? ยังไงซะเขาก็ยังเป็นฮีโร่ที่ยอมช่วยเหลือคนสองคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา จนถึงขนาดที่ยอมเป็นศัตรูกับหุบเขาเทพยา
หลินหยุนกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ของหุบเขาเทพยาอีกครั้ง
โม่จือมิ่งได้เตรียมวัตถุดิบในการปรุงยาไว้เรียบร้อยแล้ว กำลังรอต้อนรับอยู่ที่ห้องโถงใหญ่
ข้างๆ เป็นเหล่าผู้อาวุโสที่โดนหลินหยุนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส และยังมีพวกระดับสูงของหุบเขาเทพยา
โม่จือมิ่งมีสีหน้าที่เย็นชา เหล่าผู้อาวุโสและพวกระดับสูง ต่างก็ก้มหัวด้วยสีหน้าอับอาย
เห็นได้ชัดว่า เมื่อกี้คนพวกนี้น่าจะโดนโม่จือมิ่งสั่งสอนมาแล้ว
ในตอนที่หลินหยุนเดินมาที่ห้องโถงใหญ่พร้อมกับเสี่ยวจุย ตอนแรกโม่จือมิ่งก็ตกใจไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็โค้งทำความเคารพต่อหลินหยุน
“โม่จือมิ่งจากหุบเขาเทพยา ขอคารวะท่านปรมาจารย์หลิน!”
ส่วนคนอื่นๆ ก็ก้มหน้าตามไปด้วย ไม่กล้าหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ
เมื่อกี้ ผู้อาวุโสสามพาหลินหยุนเพื่อไปตามหาโม่ซิวอู่ ส่วนโม่ซิวอู่ก็ไปขอความช่วยเหลือ
ส่วนตอนนี้ มีเพียงแค่หลินหยุนที่กลับมา โม่ซิวอู่และผู้อาวุโสสามไม่ได้กลับมาด้วย
ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนพวกนี้รู้อยู่แก่ใจ
โม่จือมิ่งเองก็เข้าใจดี แต่ว่า เรื่องนี้ เป็นเพราะความโลภของพี่ชายตัวเอง ปรมาจารย์หลินไม่ได้ผิด
เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะการกระทำของตัวเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปรมาจารย์หลิน
หลินหยุนจ้องมองโม่จือมิ่งด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ เขารู้ดีว่าคนคนนี้เป็นนักกลั่นยาตัวจริง และเป็นนักกลั่นยาที่มีพรสวรรค์
ก่อนหน้านี้ เขาเคยปล่อยโม่จือมิ่งไปครั้งหนึ่ง แต่ว่า ครั้งนี้ เกรงว่าคงจะเก็บโม่จือมิ่งเอาไว้ไม่ได้ซะแล้ว
หลินหยุนค่อยๆเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ จ้องมองโม่จือมิ่งด้วยสายตาที่นิ่งเฉย “พี่ชายเจ้า ผู้อาวุโสสามและเหล่าจู่ตระกูลโม่ได้ตายไปแล้ว แต่ ข้าไม่ได้เป็นคนลงมือ”
หลินหยุนไม่ได้อธิบายการต่อสู้ที่เกิดขึ้น เขาเองก็ไม่อยากจะอธิบาย
พอพูดจบประโยคนี้ หลินหยุนก็จ้องมองโม่จือมิ่งอยู่เงียบๆ รอดูปฏิกิริยาของเขา
สีหน้าโม่จือมิ่งหมองลงเล็กน้อย ดูเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ว่า มันเป็นแค่ความเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น
“ปรมาจารย์หลิน เมื่อกี้ได้ยินพวกเขาบอกฐานะที่แท้จริงของท่านออกมา ข้าก็พอจะคาดเดาจุดจบพี่ชายของข้าออกแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความโลภของเขา ท่านไม่ได้ฆ่าเขา แค่นี้ก็ถือเป็นความเมตตาของท่านแล้ว”
“ตัวตนของท่านเหล่าจู่ ข้าเองก็รู้ นึกไม่ถึงจริงๆว่า พี่ชายข้าเพื่อที่จะต่อกรกับท่าน ถึงขั้นต้องปลุกท่านเหล่าจู่ออกมา”
หลินหยุนจ้องมองโม่จือมิ่ง เขารู้สึกว่าท่าทางของโม่จือมิ่ง ไม่เหมือนคนเสแสร้ง
ดูเหมือนว่า เขาจะไม่ได้โกรธแค้น กับการตายของโม่ซิวอู่และเหล่าจู่ตระกูลโม่จริงๆ
หลินหยุนจ้องมองเขาอย่างจริงจัง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ข้าบอกว่าไม่ได้ฆ่าพวกเขา เจ้าเชื่องั้นเหรอ?”
โม่จือมิ่งลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ด้วยความแข็งแกร่งของท่าน จำเป็นต้องพูดโกหกด้วยเหรอ?”
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไรอีก จ้องมองวัตถุดิบปรุงยาที่อยู่ข้างหลังโม่จือมิ่ง
โม่จือมิ่งรีบพูดขึ้นมาว่า “พวกนี้เป็นวัตถุดิบปรุงยาที่ท่านต้องการ ข้าได้เตรียมเอาไว้แล้ว”
หลินหยุนพยักหน้า “ดี”
จู่ๆโม่จือมิ่งก็โค้งคำนับด้วยความเคารพอีกครั้งแล้วพูดว่า “ข้าหวังว่าปรมาจารย์หลินจะยอมปล่อยคนอื่นๆที่อยู่ในหุบเขาเทพยา”
หลินหยุนกวาดสายตามองคนรอบๆที่อยู่ในห้องโถง ทุกคนรีบก้มหน้ายิ่งกว่าเดิม
หลินหยุนไม่ได้ตอบคำถามของโม่จือมิ่ง
ใจของโม่จือมิ่งหมองลงเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “ขอแค่ปรมาจารย์หลินยอมไว้ชีวิตพวกเขา ข้าจะพาพวกเขาออกไปจากหุบเขาเทพยาทันที”
หลินหยุนมองหน้าโม่จือมิ่งไปครู่หนึ่ง นี่ต้องการจะยกหุบเขาเทพยาให้งั้นเหรอ?
สมาชิกคนอื่นๆของหุบเขาเทพยาเผยสีหน้าตกใจออกมา
ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดด้วยออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “ไม่ได้! พวกเราใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาเทพยามาชั่วชีวิต ให้พวกเราออกจากหุบเขาเทพยา แล้วจะให้พวกเราใช้ชีวิตต่อยังไง?”
“ใช่แล้ว ต่อให้พวกเราต้องตาย ก็จะไม่ออกไปจากหุบเขาเทพยา”
โม่จือมิ่งจ้องมองทุกคน แล้วพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “ทุกท่าน เรื่องนี้ หุบเขาเทพยาของพวกเราเป็นคนเริ่ม ดังนั้น พวกเราหุบเขาเทพยาจะต้องชดใช้”
“ทุกคนล้วนเป็นคนระดับสูงของหุบเขาเทพยา ไม่ว่าด้านการบำเพ็ญ หรือการกลั่นยา ล้วนเป็นผู้ที่มีฝีมือกันทั้งนั้น ต่อให้ออกจากหุบเขาเทพยา ก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายแน่นอน!”
“ถ้าเกิดพวกเรายังดื้อดึงต่อ แล้วต้องทิ้งชีวิตไป งั้นมันก็ไม่คุ้นเอาซะเลย”
ทุกคนเงียบไม่พูดอะไรอีก
พวกเขารู้ว่าโม่จือมิ่งพูดถูกแล้ว แต่ว่า พวกเขาคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในหุบเขาเทพยาแล้ว จะยอมตัดใจทิ้งมันไปง่ายๆได้ยังไงกัน?
หลินหยุนไม่เคยมีความคิดที่จะสังหารคนพวกนี้ เมื่อกี้ที่เขาไม่ตอบคำถามของโม่จือมิ่ง ก็เป็นเพราะเขากำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการหุบเขาเทพยายังไงดี
อีกอย่างหลินหยุนก็ไม่อยากเป็นคนใจร้ายแบบนี้ ถึงแม้เขาอยากจะเอาหุบเขาเทพยามาเป็นของตัวเองก็ตาม
“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องออกจากหุบเขาเทพยา ข้าเองก็ไม่คิดที่จะสังหารพวกเจ้า”
“เมื่อได้วัตถุดิบในการปรุงยา ข้าก็จะออกไป”
ทุกคนดีใจ “นี่ นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?”
ใจของโม่จือมิ่งก็เต็มไปด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก ที่เขาอยากให้ทุกคนออกไป ส่วนหนึ่งก็เพราะกังวลว่าหลินหยุนจะสังหารทุกคน อีกส่วนหนึ่งก็คือต้องการรักษาเชื้อเพลิงของหุบเขาเทพยาเอาไว้สักเล็กน้อยก็ยังดี
แต่ว่า โม่จือมิ่งคิดออกได้ในทันที เหล่าจู่ตระกูลโม่ได้ตายไปแล้ว หุบเขาเทพยาสูญเสียไปมาก ต่อให้หลินหยุนไม่สังหารพวกเขา แต่ถ้าเกิดโดนศัตรูบุกเข้ามา งั้นพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
โม่จือมิ่งโค้งคำนับหลินหยุนอีกครั้งแล้วพูดว่า “ขอบคุณความเมตตาของปรมาจารย์หลิน ที่ยอมไว้ชีวิตพวกเรา! เพื่อแสดงความจริงใจ พวกเรายินดีรับใช้ปรมาจารย์หลิน ตั้งแต่นี้จะทำตามคำสั่งของปรมาจารย์หลินโดยไม่มีข้อแม้!”
ทุกคนขมวดคิ้ว โม่จือมิ่งต้องการจะขายหุบเขาเทพยาหรือยังไง?
แต่ว่า พอคิดดูให้ดี ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจจุดประสงค์ของโม่จือมิ่งแล้ว
ถ้าเกิดพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากคนที่แข็งแกร่งอย่างปรมาจารย์หลิน งั้นจากนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนศัตรูบุกโจมตีอีกแล้ว
ยังไงซะ ในหมู่โลกบู๊ ไม่ได้มีกฎหมายคุ้มครองเหมือนกับโลกมนุษย์ ในโลกบู๊ มีเพียงแค่ผู้อ่อนแอต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
หลินหยุนเองก็เข้าใจจุดประสงค์ของโม่จือมิ่ง มองหน้าเขา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ถ้าเกิดต้องการรับใช้ข้า งั้นหุบเขาเทพยาก็ต้องทำตามกฎที่ข้าเป็นผู้ระบุ ถ้าเกิดใครทำผิด จะไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ!”
“พวกเจ้าทำได้ไหม?”
ทุกคนอึ้งไปสักพัก
ดูเหมือนว่า คิดจะหาที่พึ่งโดยไม่เสียอะไร ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ
โม่จือมิ่งไม่มีความลังเล ราวกับว่าคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว “ในเมื่อเลือกที่จะรับใช้ท่าน งั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องทำตามกฎของท่าน”
“ถ้าเกิดใครที่ทำผิดกฎที่ท่านระบุเอาไว้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องรับโทษ”
“ดี งั้นจากนี้หุบเขาเทพยาก็ตกเป็นของข้าแล้ว เจ้ารับหน้าที่เป็นเจ้าหุบเขาของหุบเขาเทพยาก็แล้วกัน” หลินหยุนพูด
“ครับ!”
โม่จือมิ่งเองก็ไม่มีความลังเล นอกจากเขา ไม่มีใครที่สามารถรับหน้าที่ใหญ่หลวงแบบนี้อีกแล้ว และก็ไม่มีใครที่กล้ารับตำแหน่งหนักอึ้งแบบนี้