จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 615 ท่านหม่าผู้ยโสโอหัง
ทำอย่างนี้ก็ได้เหรอ?
หลินหยุนใช้เวทมนตร์สะกดวิญญาณยังไม่สามารถเชิญวิญญาณทหารเหล่านี้กลับไปได้เลย หงซานเหอถึงขนาดออกคำสั่งให้พวกเขาทำตาม พวกเขาจะได้ยินไหม?
หลินหยุนรับรู้ได้จากดวงจิตเทพว่า วิญญาณทหารนับหมื่นเหล่านั้น ดูเหมือนกับว่ากำลังโห่ร้องเสียงดังกึกก้องด้วยความดีใจ
ความรู้สึกยินดีปรีดาเช่นนั้น ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน ในดวงจิตเทพของหลินหยุนก็เหมือนกับได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี
บริเวณรอบๆ ล้วนมีแต่น้ำทะเลแห่งความปีติห้อมล้อมอยู่
หลินหยุนรู้สึกตกตะลึงมาก คิดไม่ถึงว่า เขาใช้เวทมนตร์สะกดวิญญาณก็ยังไม่สำเร็จ หงซานเหอถึงกับใช้แค่คำสั่งเพียงคำเดียว ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จแล้ว
“จะให้ฉันช่วยหาสถานที่พักพิงให้พวกเขาอยู่ชั่วคราวหรือเปล่าครับ?” หลินหยุนมองไปยังหงซานเหอ
“ไม่ต้องแล้ว” หงซานเหอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วคุณจะพาพวกเขากลับไปได้ยังไงล่ะ?” หลินหยุนไม่เข้าใจ
หงซานเหอยกมือขึ้นแล้วชี้ไปบนท้องฟ้าตรงข้างหน้า “คุณดูสิ!”
ในดวงจิตเทพของหลินหยุนสัมผัสได้ว่า ดวงวิญญาณทหารเหล่านั้นถึงกับค่อยๆสลายตัวหายไป วิญญาณทหารนับหมื่นดวง ก็หายไปในชั่วพริบตาจนไม่หลงเหลือเลย
บริเวณรอบเขาร่วงสือ ก็กลับสู่ความมืดมิดตามสภาพเดิม
หงซานเหอพูดว่า “พลังจิตอันมุ่งมั่นของพวกเขา ไม่ใช่อยากจะกลับสู่กองทัพต้นสังกัดเดิม และก็ไม่ใช่อยากจะได้เกียรติยศชื่อเสียงด้วย”
“พวกเขาเพียงแต่ยังไม่ได้รับคำสั่งให้ถอยทัพกลับไปเท่านั้นเอง”
“ตอนพวกเขายังมีชีวิตอยู่ได้ต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าหลายสิบเท่า เสียสละเลือดเนื้อสู้รบเป็นเวลานานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน หลังจากพลีชีพแล้ว ก็ยังเฝ้าปกปักรักษาอยู่ที่นี่นานถึงแปดสิบสองปี!”
“วันนี้ ฉันบอกพวกเขาว่า ฐานที่มั่นได้รักษาเอาไว้ได้แล้ว ภารกิจได้เสร็จสิ้นแล้ว สงครามได้รับชัยชนะแล้ว”
“ดังนั้น พวกเขาจึงวางใจที่จะจากไปได้แล้ว ในที่สุดก็กลับไปสู่ฟ้าดิน”
วินาทีนี้เอง ในใจของหลินหยุนก็รู้สึกช็อกมาก
วินาทีนี้เอง ในที่สุดหลินหยุนก็เข้าใจถึงความหมายของคำว่า……คำสั่งทหารดุจดั่งขุนเขา!
วินาทีนี้เอง ในที่สุดหลินหยุนก็เข้าใจว่า ช่วงเวลาที่ยากลำบากแสนเข็ญนั้น พวกทหารจีนใช้อะไรในการต่อสู้กับการรุกรานของทหารญี่ปุ่นกันแน่!
“พวกเขารอนานถึงแปดสิบสองปี ไม่ใช่รอกองกำลังทหารมาช่วย และก็ไม่ใช่รอกองทัพทหารมารับช่วงจากพวกเขา ยิ่งไม่ได้รอคำสั่งให้ถอยทัพกลับเลย”
“ดังนั้น ถึงแม้ฉันจะใช้เวทมนตร์สะกดวิญญาณ พวกเขาก็ยังไม่ยอมที่จะจากที่นี่ไปเช่นเดิม เป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นทหาร พวกเขายังไม่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนเลย”
“ที่แท้ สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่กลับสู่กองทัพต้นสังกัดเดิม และไม่ใช่เกียรติยศชื่อเสียงด้วย แต่ต้องการเพียงแค่คำสั่งเดียวเท่านั้น”
“เพียงเพราะว่ารอคำสั่งคำเดียว หลังจากที่พวกเขาพลีชีพไปแล้ว ก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่นี่นานถึงแปดสิบสองปี”
หงซานเหอพูดอย่างสะเทือนใจว่า “หลังจากที่ได้ก่อตั้งประเทศใหม่แล้ว ก็ได้เริ่ม รวบรวมเหล่าทหารผู้กล้าที่เสียสละชีวิตเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็สามารถหาจนพบแล้ว และได้จัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ว่า ยังคงมีกองทัพทหารหลายหน่วยที่ยังหาไม่พบ กองพลที่74 กองทัพที่ 9 ก็เป็นกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากองทัพทั้งหมด”
“ตอนนั้น ศัตรูเข้ามารุกราน กองพลที่ 74ได้รับคำสั่งให้อยู่รั้งท้ายเพื่อต่อต้านศัตรู ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อเฝ้ารักษาเขาชิงสือไว้”
“เสียดายที่ว่า หลังจากเจ็ดวันผ่านไป ศัตรูก็สามารถตีฝ่าด่านของเขาชิงสือไปได้ ส่วนกองพลที่ 74 กลับไม่มีข่าวคราวอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว มิหนำซ้ำตอนนั้นมีพี่น้องกองทัพทหารขณะที่เข้าไปรับศพ ก็หาศพไม่พบเลยแม้แต่ศพเดียว”
“มีคนจำนวนมากสงสัยว่า กองพลที่ 74 จะทรยศหักหลังแล้ว หรือไม่ก็หนีทัพไปแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่า พวกเขาทุกคนต่างล้วนพลีชีพจนหมดเลย ศัตรูได้นำศพพวกเขาฝังไว้ในฐานที่มั่นแห่งนี้”
“ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่ควรจะคืนชื่อเสียงเกียรติยศให้กับพวกเขาได้แล้ว”
หลินหยุนมองดูท้องฟ้าที่มืดมิด แล้วถามว่า “แล้วโครงกระดูกที่อยู่ใต้ดินนี้จะทำยังไงดีล่ะ?”
หงซานเหอพูดว่า “ที่ดินผืนนี้ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ฉันจะให้คนมาสร้างอนุสาวรีย์รำลึกวีรชนผู้กล้าไว้ที่นี่”
“ทำเช่นนี้ดีที่สุดแล้ว” หลินหยุนพูด
หงซานเหอพูดว่า “เอาล่ะ ช่วยส่งฉันกลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดี เพื่อรายงานเรื่องราวที่จะก่อสร้างอนุสาวรีย์รำลึกวีรชนผู้กล้า”
“พวกคุณก็ไปถ่วงเวลาคนของบริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดเอาไว้ก่อน อย่าให้พวกเขาลงมือขุดดินเด็ดขาด”
หลินหยุนพูดว่า “ได้ครับ”
หลังจากที่ส่งหงซานเหอกลับไปแล้ว ฟ้าก็สว่างแล้ว
หงซานเหอโทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีด้วยตัวเอง แค่คิดก็รู้แล้วว่าประสิทธิภาพในการทำงานของเขาดีเพียงใด
ช่วงเช้าวันนั้น บริเวณเขาร่วงสือทั้งหมดก็ถูกปิดกั้นเป็นเขตหวงห้าม ที่ดินผืนนั้นก็ถูกทางการเวนคืนไปแล้ว
“ดีมากเลย คราวนี้ เหล่าวีรบุรุษทั้งหลายจะได้จากไปอย่างสงบเสียที!” หยางเทียนโย่วมองดูสถานที่รอบๆแล้ว ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ที่ดินแปลงนี้ไม่มีแล้ว งั้นพวกเขาก็น่าจะปล่อยพ่อฉันได้แล้ว” หยางเทียนโย่วมองไปยังหลินหยุนที่อยู่ข้างตัว
หลินหยุนพูดว่า “โทรศัพท์ไปหาพวกเขา ให้พวกเขาปล่อยคนได้แล้ว!”
“ได้” หยางเทียนโย่วพูด
ในเมื่อที่ดินแปลงนี้ถูกทางการเวนคืนไปแล้ว งั้นคนของบริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ก็ไม่จำเป็นที่จะรั้งตัวพ่อของหยางเทียนโย่วไว้ไม่ยอมปล่อยแล้ว
หลังจากที่หยางเทียนโย่วโทรศัพท์ไปแล้ว จึงพูดว่า “ฝ่ายนั้นให้พวกเราไปหาพวกเขาตอนนี้เลย พวกเขาจะรอพวกเราอยู่ที่ตึกอาคารบริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด”
“งั้นก็ไปกันเถอะ!” หลินหยุนพูด
“ได้”
ทั้งสองคนก็เรียกรถเดินทางไปยังตึกอาคารบริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดในตัวเมืองทันที
บริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดเป็นบริษัทของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนัน เป็นบริษัทมหาชนอันดับหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน ตึกอาคารสำนักงานใหญ่ก็เป็นหนึ่งในบรรดาสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตมโหฬารที่สุดในเขตบริเวณนั้นด้วย
หลินหยุนทั้งสองคนมาถึงประตูใหญ่ทางเข้าตึกอาคารบริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หยางเทียนโย่วก็โทรศัพท์ไปหาท่านหม่า บอกเขาว่าตัวเองมาถึงแล้ว
หลังจากนั้น หยางเทียนโย่วก็พูดว่า “คนแซ่หม่าให้พวกเราขึ้นไปรอเขาที่ห้องประชุม”
หยางเทียนโย่วรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “หรือว่าจะมีหลุมพรางอะไรรึเปล่า?”
สีหน้าหลินหยุนเยือกเย็น “ไปกันเถอะ!”
“อึม” หยางเทียนโย่วมองดูหลินหยุน ในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้น มีปรมาจารย์หลินที่ชื่อเสียงโด่งดังอยู่ทั้งคน ต่อให้มีหลุมพรางก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
ทั้งสองคนก็ไปสอบถามพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ว่า ห้องประชุมอยู่ที่ไหน หลังจากนั้น ก็เดินไปตามที่พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ชี้แนะ ขึ้นลิฟต์ไปถึงห้องประชุมชั้นสาม
ชายหนุ่มคนหนึ่งก็พาทั้งสองคนเข้าไปในห้องประชุมชั้นสาม แต่ภายในห้องไม่มีใครอยู่เลย
แต่ว่าในไม่ช้า ท่านหม่าก็พาลูกน้องเจ็ดแปดคน เดินเข้ามา
พอเข้ามาถึง ท่านหม่าก็สั่งลูกน้องว่า “ไปปิดล็อกประตูห้องไว้!”
“ครับผม ท่านหม่า!” ลูกน้องคนนั้นก็รีบไปล็อคประตูทันที
หยางเทียนโย่วก็รู้สึกตกใจ ขมวดคิ้วแล้วตะโกนว่า “พวกแกคิดจะทำอะไร?”
หลินหยุนมองหน้าพวกนั้น สีหน้าแสดงออกถึงความเหยียดหยาม
ท่านหม่าเดินแหวกลูกน้องออกมาอยู่ตรงข้างหน้า แล้วลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลง จากนั้นก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งม้วน ลูกน้องที่ช่างประจบก็รีบมาจุดบุหรี่ให้เขาทันที
ท่านหม่ามองไปยังหยางเทียนโย่วและหลินหยุนด้วยสีหน้าที่ยโสโอหัง แล้วพูดด้วย น้ำเสียงเย้ยหยันว่า “ไอ้เด็กเวรพวกแกสองคนแน่มากนะ! ถึงกับให้ทางการมาเวนคืนที่ดินแปลงนั้นกลับไปได้”
“คิดไม่ถึงจริงๆว่า พวกแกถึงกับมีอำนาจบารมียิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้”
หยางเทียนโย่วก็รีบตอบโต้ขึ้นมาทันที ตะโกนพูดว่า “พวกแกเสียที่ดินแปลงนั้นไปดังนั้น จึงมาโยนความผิดให้กับพวกฉัน!”
ท่านหม่าหัวเราะเยาะ “แกก็นับว่ายังไม่โง่เสียทีเดียวนะ”
หยางเทียนโย่วรู้สึกเหมือนถูกปรักปรำ พูดแก้ตัวว่า “แต่ว่า ที่ดินแปลงนั้นทางการเวนคืนกลับไปแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลย! พวกแกจะมาโยนความผิดให้กับพวกฉันได้ยังไงกัน?”
ท่านหม่าแสยะยิ้ม “ไอ้เด็กเวร แกข่มขู่ใครเหรอ? ถ้าไม่ใช่พวกแกสองคนเล่นตุกติกละก็ ทางการไม่มีทางที่จะมาสร้างอนุสาวรีย์รำลึกวีรชนอะไรบนที่แปลงนั้นได้หรอก!”
“ที่ดินแปลงนั้นก็ว่างร้างมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะสร้างเมื่อไรเลย แต่ทำไมพอให้พวกแกสองคนมาแล้วถึงคิดจะสร้างล่ะ!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแกสองคนทำลายแผนการของเจ้านายฉัน แล้วยังจะมีใครอีกล่ะ?”
หยางเทียนโย่วพูดว่า “ดังนั้น พวกแกสู้กับทางการไม่ได้ จึงมาระบายอารมณ์กับพวกเราใช่ไหม?”
ท่านหม่าหัวเราะแล้วพูดว่า “ถูกต้อง วันนี้ฉันจะให้พวกแกทั้งสองคนที่ชอบแส่หาเรื่อง ต้องชดใช้อย่างสาสม!”
หยางเทียนโย่วพูดว่า “แต่ว่าต่อให้ทางการเวนคืนที่ดินแปลงนั้นกลับไปแล้ว ก็ต้องคืนเงินให้กับพวกแกอยู่ด้วยนี่น่า พวกแกก็ไม่ขาดทุนอะไร ไปหาที่แปลงใหม่ที่อื่นก็ได้แล้วทำไมจะต้องมาระบายอารมณ์กับพวกฉันด้วย?”
ท่านหม่าถุยน้ำลายใส่ “ไอ้เด็กเวร แกจะไปรู้อะไร! แกนึกว่ากว่าจะได้ที่ดินแปลงนี้มามัน ง่ายนักเหรอ ดูภายนอกก็เห็นว่าได้รับเงินคืนก็จริง แต่ว่าแล้วค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับการจัดงานเชิญแขกทั้งหลายล่ะ? หรือว่าแกจะเอาคืนมาได้งั้นเหรอ?!”
หยางเทียนโย่วไม่พูดอะไรอีก สรุปแล้วก็คือ บริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดต้อง ขาดทุนเสียเงินก้อนโตไปอย่างแน่นอน
“พูดแบบนี้ พวกแกก็คงไม่คิดจะปล่อยพ่อฉันแล้วใช่ไหม?” หยางเทียนโย่วถามด้วยเสียงหนักแน่น
ท่านหม่ายิ้มอย่างเยือกเย็น “รอไปก่อนเถอะ ดูว่าวันไหนเจ้านายของฉันอารมณ์ดีแล้ว อาจไม่แน่ จะปล่อยตาแก่ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนั้นก็ได้”
“แกอย่ามาพูดว่าพ่อฉันอย่างนี้นะ!” หยางเทียนโย่วตะคอกด้วยความโมโห