จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 625 เจี่ยงเฉิงรนหาที่ตาย
เจี่ยงจิงเทียนกับเจี่ยงหลินหลินได้เห็นถึงความเก่งกาจของนายท่านอีกครั้ง
ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมในตอนนั้นนายท่านสามารถที่จะนำพาตระกูลเจี่ยงขึ้นเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในจีนได้
นักพรตจื่อหยางยิ้มเล็กน้อย: “ในปีนั้นข้าได้ตกลงกับพ่อของท่านไว้ว่า จะช่วยเขาดูแลปกป้องตระกูลเจี่ยง ซึ่งไม่มีทางคืนคำพูดอย่างแน่นอน”
“สำหรับการตายของหมิงยู่นั้น นั่นเป็นเพราะเขายังร่ำเรียนฝึกฝนวิชาได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถที่จะกล่าวโทษคนอื่นได้”
“แต่ว่า ถึงแม้หมิงยู่จะได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจากข้าเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วน แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถสังหารเขาได้ ในเมื่อเขาสามารถสังหารหมิงยู่ได้ ก็เท่ากับว่ามีพลังความสามารถที่ไม่เลว ข้าก็ชักอยากที่จะพบเจอกับเขาแล้ว! ”
“พวกท่านช่วยคิดหาวิธีให้เขามาพบกับข้าที่เกาะตงไหลหน่อยเถอะ! ”
ได้ยินที่นักพรตจื่อหยางพูด คนของตระกูลเจี่ยงทั้งสามก็เบาใจลงได้บ้าง
เจี่ยงจงสือโค้งคำนับแสดงความเคารพ: “ขอบคุณท่านนักพรตมาก ท่านมีบุญคุณต่อตระกูลเจี่ยงของพวกเราอย่างมาก ลูกหลานตระกูลเจี่ยงของพวกเรา จะจดจำไว้ในจิตใจไปหลายชั่วอายุคน! ”
นักพรตจื่อหยางหัวเราะเหอะเหอะ โดยมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
เจี่ยงจงสือลุกยืนขึ้น แล้วก็ทำความเคารพต่อนักพรตจื่อหยางอีกครั้ง: “งั้นพวกเราก็ไม่รบกวนท่านนักพรตแล้ว”
“ขอลาก่อน! ”
“ไปเถอะ! ” นักพรตจื่อหยางพลันโบกมือขึ้น คนตระกูลเจี่ยงทั้งสามก็ลงมาถึงด้านล่างของภูเขาแล้ว
ทั้งสามคนมองไปที่เรือลำนั้นที่ส่งพวกเขามาที่นี่ พร้อมกับสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง
“ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง! ” นายท่านเจี่ยงจงสืออุทานขึ้น
เจี่ยงจิงเทียนก็สะดุ้งตกใจ: “นี่ก็คือวิชาการหดตัวตามที่ตำนานร่ำลือใช่ไหม? ”
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า โลกมนุษย์จะมีคนที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้อยู่จริงด้วย! ”
เจี่ยงหลินหลินท่าทางตื่นเต้นและพูดขึ้นว่า: “หลินหยุนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักพรตจื่อหยางอย่างแน่นอน! ถ้าหากเขากล้าที่จะมาเกาะตงไหล ก็คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ”
เจี่ยงจงสือหัวเราะเหอะเหอะ: “พอได้แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ! ”
“สามวันถัดไป ข้ากับพวกนาย จะไปพบกับไอ้หนุ่มนั่นพร้อมกัน! ”
“รับทราบ! ” เจี่ยงจิงเทียนพูดขึ้นพร้อมกับโค้งคำนับ
……
หลังจากที่หลินหยุนออกมาจากตระกูลเจี่ยง ก็ได้หาโรงแรมพักอาศัยในบริเวณใกล้ ๆ แถวนั้น
รอสามวันหลังจากนี้ แล้วค่อยไปยังตระกูลเจี่ยงอีกครั้ง
เวลานั้น ถ้าหากคนของตระกูลเจี่ยงยังคงไม่ยอมทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้ เขาก็จะนำโอสถของเขากลับคืนมา
ในช่วงบ่าย หลินหยุนก็ได้รับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นหงซานเหอที่โทรมาหา
หลินหยุนกดปุ่มรับสาย และพูดถามขึ้นว่า: “นายพลหง มีธุระอะไรเหรอ? ”
น้ำเสียงของหงซานเหอก็ยังคงไม่เป็นมิตรเหมือนเดิม: “ไอ้หนุ่มน้อย นายคิดที่จะทำอะไรกับตระกูลเจี่ยง? ”
หงซานเหอรู้ว่าตนเองจะลงมือจัดการกับตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนัน ซึ่งหลินหยุนก็ไม่แปลกใจเลย โดยในฐานะของผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของจีน หากแม้ช่องทางรับทราบข่าวสารเพียงเท่านี้ก็ยังไม่มีล่ะก็ จึงจะถือว่าน่าแปลก
อีกทั้ง หลินหยุนรู้ดีว่าตนเองในสายตาของหงซานเหอนั้น เป็นผู้ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษมาโดยตลอด พูดได้ว่าทุกการกระทำและทุกการเคลื่อนไหวของตนเอง หงซานเหอล้วนจับจ้องมองดูอยู่เสมอ
แต่ว่า หลินหยุนก็ไม่ได้ใส่ใจ เรื่องราวที่เขากระทำ ก็ไม่กลัวว่าคนอื่นจะรับรู้
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ข้าก็มาเพื่อนำเอาสิ่งของของตนเองกลับคืน ถ้าหากนายต้องการจะเตือนข้า ก็คงไม่จำเป็นหรอก”
หงซานเหอส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา: “ไอ้หนุ่มน้อย ข้าจะบอกนายว่า เกาะหนันกับพื้นที่ในจีนมีนโยบายปกครองที่แตกต่างกัน ตระกูลเจี่ยงมีรากฐานที่มั่นคงหนักแน่นในเกาะหนัน ถ้าหากนาย กล้าที่จะทำเรื่องไม่ดีต่อตระกูลเจี่ยงแล้ว ทางการของเกาะหนันจะต้องออกหน้าเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยแน่นอน”
“ถ้าหากนายไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับทางการของเกาะหนัน ก็อย่าได้กระทำการอะไรที่บุ่มบ่ามไป! ”
หลินหยุนพูดว่า: “ข้าทราบแล้ว”
“ฮึ! ” หงซานเหอวางสายโทรศัพท์
หลินหยุนมีแววตาที่เฉยชา ในเมื่อหงซานเหอได้โทรศัพท์มาเตือนด้วยตนเองแล้ว ดูเหมือนว่าอิทธิพลอำนาจในเกาะหนันของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันนี้ ก็คงจะยิ่งใหญ่ไม่น้อย แม้แต่ทางการของเกาะหนันต่างก็ยังปกป้องเข้าข้างพวกเขา
หลินหยุนเองก็ไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูกับทางการ หากเมื่อเป็นศัตรูกับทางการของเกาะหนันแล้ว วงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ของเมืองหลวง ก็คงไม่ยอมที่จะอยู่เฉยทำเป็นไม่สนใจเป็นแน่
หากเป็นเช่นนี้ หงซานเหอก็คงจะต้องบ่นว่าเขาอีก
แต่ทว่า หากทางการเกาะหนันออกหน้าจัดการนักบู๊คนหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ ก็เพราะ การปฏิบัติของทางการ ในทุกการเคลื่อนไหว ต่างก็ถูกประชาชนนับไม่ถ้วนจับตามองอยู่
หลินหยุนสามารถที่จะไม่สนใจถึงผลกระทบ แต่ ทางการของเกาะหนันทำแบบนี้ไม่ได้
ในช่วงกลางคืนเวลาแปดโมงกว่า หลินหยุนกำลังบำเพ็ญฝึกฝนอยู่ในห้องภายในโรงแรม ทันใดนั้น ก็ได้ลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่ประตูห้อง แล้วแววตาก็เผยความเย็นชาขึ้นมาแวบหนึ่ง
ประตูห้องได้ถูกคนใช้กุญแจไขเปิดออก เจี่ยงเฉิงพาผู้อาวุโสคนหนึ่งกับลูกน้องสี่คน เดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางยิ้มเยาะอย่างเจ้าเล่ห์
เจี่ยงเฉิงให้คนยืนอยู่ที่หน้าประตู เหมือนว่าจะไม่กล้าเข้าใกล้หลินหยุน
หลินหยุนมองไปที่เขาอย่างเยือกเย็น: “นายคิดที่จะทำอะไร? ”
เจี่ยงเฉิงหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดว่า: “นายว่าข้ามาทำอะไรล่ะ? ”
“ตอนกลางวัน ข้าก็ไม่ค่อยถูกชะตากับแกแล้ว แต่ว่า พวกผู้อาวุโสตระกูลเจี่ยงเหล่านั้น ห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่กล้าที่จะจัดการเรื่องอย่างเด็ดขาด”
“ที่จริงแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องยุ่งยากวุ่นวายอะไรขนาดนั้น เพียงแค่ฆ่านายทิ้ง ปัญหาอะไรทุกอย่างก็แก้ไขหมดสิ้นแล้ว”
หลินหยุนมองไปที่เขา และถามขึ้นว่า: “ดังนั้น นายมาเพื่อสังหารข้าอย่างนั้นเหรอ? ”
เจี่ยงเฉิงยิ้มเยาะและพูดว่า: “พูดอะไรไร้สาระแบบนี้ล่ะ หรือว่าที่ข้าเดินทางมาตั้งไกล ก็เพื่อที่จะมาพูดคุยความหลังกับนายอย่างนั้นเหรอไง! ”
“อีกทั้ง นายทำให้ที่ดินผืนนั้นของข้าต้องสูญหายไป บัญชีความแค้นนี้พวกเราก็สามารถคิดบัญชีไปพร้อมกันได้เลย! ”
เจี่ยงเฉิงหันหน้ามองไปที่ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลัง: “ปรมาจารย์หวาง ต้องอาศัยท่านแล้ว! ”
ผู้อาวุโสคนนั้นมองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่เหยียดหยาม: “คุณชายเจี่ยงวางใจได้ ไอ้หนุ่มนี้มากที่สุดก็คงเป็นแค่นักบู๊พรแสวงเท่านั้น การที่ข้าฆ่าเขา ก็เหมือนกับการฆ่าไก่ที่ง่ายดาย! ”
พูดจบ ปรมาจารย์หวางก็มองไปที่หลินหยุน ยิ้มเยาะเล็กน้อย: “ไอ้หนุ่มน้อย นายจะลงมือปลิดชีพตนเอง หรือว่าจะให้ข้าลงมือล่ะ? ”
หลินหยุนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ได้โบกมือตบออกไปทันที
เปรี๊ยะ!
ปรมาจารย์หวางถูกพลังอันหนักหน่วงตบเข้าใส่จนลอยกระเด็นไปไกล พุ่งชนเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง และได้ส่งเสียงโอดครวญดังขึ้น
ฟุบ!
ปรมาจารย์หวางอ้าปากกระอักเลือดออกมา แล้วมองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าท่าทางที่หวาดผวา: “ชี่แท้แปลงกายเป็นรูปร่าง นายคือปรมาจารย์ขั้นสูงสุด! ”
พูดจบ ปรมาจารย์หวางไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บในร่างกายของตน รีบคุกเข่าลงบนพื้น แล้วก้มคารวะให้กับหลินหยุน: “ผู้น้อยมีตาแต่หามีแววไม่ กล้าล่วงเกินปรมาจารย์ หวังว่าปรมาจารย์จะยกโทษให้อภัย! ”
เห็นฉากดราม่านี้แล้ว ที่ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ถึงหนึ่งนาที เจี่ยงเฉิงก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง
“นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ปรมาจารย์หวาง ท่านกำลังทำอะไร? ”
เจี่ยงเฉิงสมองช็อตไปดื้อ ๆ แม้ว่าในใจจะมีภาพความคิดอยู่แล้ว แต่ว่า ตนเองกลับยังไม่ยอมที่จะเชื่อ
เจี่ยงเฉิงมองไปที่หลินหยุน หลินหยุนก็ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง สีหน้าท่าทางเฉยชา
“ไอ้หนุ่มน้อย แก แกรอก่อนนะ ครั้งนี้ถือว่าไม่นับ ครั้งนี้ถือว่าไม่นับ! ”
เจี่ยงเฉิงเริ่มพูดสะเปะสะปะ หันหลังแล้วก็วิ่งหนีไป
หลินหยุนมองไปที่เขา แล้วก็ชี้นิ้วออกมา
พลังทิพย์ทะลุผ่านหัวใจของเจี่ยงเฉิง ซึ่งร่างกายของเจี่ยงเฉิงก็หยุดชะงักลงในทันที
เจี่ยงเฉิงก้มศีรษะลงด้วยความไม่เชื่อ แล้วมองไปยังช่องรูบริเวณทรวงอกที่เลือดกำลังไหลหยด พร้อมกับมีสีหน้าท่าทางหวาดกลัว: “ข้า ข้าจะต้องตายแล้วใช่ไหม? นี่ มันเป็นไปได้อย่างไร! ”
จากนั้น ร่างกายของเจี่ยงเฉิงก็ทรุดล้มลงไปกับพื้นอย่างเงียบสงบ
“อ่ะ เขา เขาฆ่าคุณชายเจี่ยง! ”
“รีบหนีกันเถอะ! รีบกลับไปรายงานให้กับเจ้าบ้านทราบ! ”
พวกบอดี้การ์ดเหล่านั้นที่เจี่ยงเฉิงได้พามา รีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยหลินหยุนก็ไม่ได้ขัดขวาง
แต่ว่า ปรมาจารย์หวางยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น ไม่ได้จากไปไหน
หลินหยุนมองไปที่เขา และถามขึ้นว่า: “ทำไมนายถึงไม่ยอมไป? ”
ปรมาจารย์หวางพูดว่า: “ถ้าหากปรมาจารย์ต้องการที่จะฆ่าคนแล้ว จะสามารถหลบหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างไรกันล่ะ? ”
คนผู้นี้ถือว่าเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี
“นายไปเถอะ นำตัวเจี่ยงเฉิงส่งกลับคืนไปให้ตระกูลเจี่ยง! ” หลินหยุนพูด
ปรมาจารย์หวางลุกยืนขึ้น และพูดด้วยท่าทางที่เคารพ: “ขอบคุณท่านอย่างมากที่ไว้ชีวิต! ”
“ผู้อาวุโส ข้าได้ยินข่าวคราวจากปากของเจี่ยงเฉิง บางทีอาจจะเป็นประโยชน์กับท่าน”
หลินหยุนมองไปที่เขา: “พูดมา”
ปรมาจารย์หวางพูดว่า: “ตระกูลเจี่ยงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักพรตจื่อหยาง ตอนนี้เจ้าบ้านตระกูลเจี่ยงได้เดินทางไปคารวะนักพรตจื่อหยางแล้ว คงเพื่อที่จะไว้จัดการกับท่าน”
“นักพรตจื่อหยาง? ” หลินหยุนเอ่ยขึ้น
ปรมาจารย์หวางพูดว่า: “นักพรตจื่อหยางเป็นปรมาจารย์เวทมนตร์ที่เก่งกาจที่สุดบนเกาะหนัน และก็เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในโลกเวทมนตร์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
“ได้ยินมาว่าตอนนี้กลายเป็นเทพเซียนแล้ว ซึ่งมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างมาก! ”