จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 628 เริ่มการประลองยุทธ์ครั้งใหญ่
หลินหยุนสำรวจไปโดยรอบทั้งสี่ทิศ ก็ไม่พบว่ามีร่องรอยของค่ายกล ทุกสิ่งอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
“ไม่เห็นมีร่องรอยของค่ายกลที่ได้จัดวางขึ้น ช่างหาได้ยากจริง ๆ”
“หลินหยุนเริ่มเดินขึ้นบนเขา”
ทั้งเกาะตงไหล ที่จริงแล้วก็คือภูเขาลูกหนึ่ง ภูเขาลูกนี้ไม่สูงนัก แต่มีพื้นที่กว้างใหญ่
ลักษณะภายนอกของภูเขา ก็เหมือนกับถุงดินขนาดเล็กสิบกว่าถุงที่มาวางรวมกัน
ในจำนวนนี้มีถุงดินที่สูงที่สุด ซึ่งก็คือยอดภูเขาหลักของเกาะตงไหล เป็นที่พักอาศัยของนักพรต จื่อหยาง
เส้นทางถนนบนภูเขาทั้งขรุขระ และคดเคี้ยว ทอดยาวตรงไปยังยอดภูเขาหลัก
ถนนสายนี้หากว่าเป็นคนธรรมดาเดิน คงจะเดินกันยากลำบากอย่างแน่นอน แต่ว่า หลินหยุนกลับเดินได้อย่างง่ายดาย
อีกทั้งยังมองไม่ออกด้วยว่าหลินหยุนใช้แรงกำลังอะไร เส้นทางถนนที่ขรุขระนั้น เมื่ออยู่เบื้องหน้าของเขา ก็เหมือนกับพื้นดินที่ราบเรียบโดยใช้วิธีการเดินอย่างปกติ
ตอนที่หลินหยุนเดินขึ้นถึงยอดเขานั้น ท้องฟ้าก็มืดมิดลงแล้ว
บริเวณโดยรอบต่างก็ถูกจับจองที่นั่งกันหมดแล้ว โดยเหล่าผู้คนที่มาชมของการประลองยุทธ์ครั้งยิ่งใหญ่นี้กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอย กลั้นหายใจ และตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก
“มาแล้ว! ”
“นี่ก็คือปรมาจารย์หลินใช่ไหม? อายุยังน้อยอยู่เลยจริง ๆ ด้วย! ”
“อย่าได้ตัดสินคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก เขาก็คือผู้ที่ฆ่าฉิวเชียนซา”
“อาชูร่ามารโลหิตฉิวเชียนซา! นั่นเป็นถึงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งระดับเดียวกันกับนักพรตจื่อหยางเลย! ”
สำหรับตำนานร่ำลือของหลินหยุน แต่ละเหตุการณ์ แต่ละเรื่องราวล้วนกระจายแพร่หลายไปทั่วในกลุ่มผู้คน
“หากเป็นเช่นนี้ ปรมาจารย์หลินที่อายุน้อยท่านนี้ กับนักพรตจื่อหยางที่โด่งดังในโลกบู๊เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ถือว่ามีพลังความสามารถที่สูสีกัน! ”
“ทว่า ปรมาจารย์หลินมาถึงแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่เห็นนักพรตจื่อหยางล่ะ? ”
“รีบดูเร็ว นักพรตจื่อหยางออกมาแล้ว! ”
ภายในบ้านไม้ที่ซอมซ่อ ชายวัยกลางคนในชุดนักพรตสีม่วง ค่อย ๆ เดินออกมา พร้อมกับสีหน้าท่าทางที่ยิ้มแย้ม
“ปรมาจารย์หลิน ชื่นชมท่านมานานแล้ว! ”
น้ำเสียงของนักพรตจื่อหยาง เหมือนกับว่าดังขึ้นมาจากท้องฟ้า แล้วกังวานอยู่ด้านบนของศีรษะของทุกคน ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้อง
“เกรงใจกันไปแล้ว” หลินหยุนกล่าวตอบ
จากนั้น ทั้งสองคนก็เดินมายังพื้นที่ว่างเปล่าที่อยู่ตรงกลาง แล้วก็หยุดลงพร้อมกันโดยที่ไม่มีการ นัดหมาย
“นั่นคือนักพรตจื่อหยางเหรอ? เป็นไปได้อย่างไรกัน? ข้าได้ยินมาว่านักพรตจื่อหยางมีอายุมากแก่ชราภาพ เป็นไม้ไกล้ฝั่งแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้กลายเป็นชายวัยกลางคนไปได้ล่ะ? ”
“เกรงว่าการบำเพ็ญฝึกฝนของนักพรตจื่อหยาง จะเพิ่มมากขึ้นอีกไม่น้อย ดูเหมือนว่า ครั้งนี้ปรมาจารย์หลินคงจะโชคร้ายเป็นแน่”
“ไม่เคยได้ยินเรื่องราวอัศจรรย์ที่เปลี่ยนจากวัยชรากลายเป็นวัยหนุ่มเช่นนี้มาก่อน นักพรต จื่อหยางช่างเก่งกาจยอดเยี่ยมเสียจริง เหมาะสมจริง ๆ กับการเป็นปรมาจารย์เวทมนตร์ที่เก่งกาจที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้! ”
“คาดหวังอย่างมากว่าการประลองยุทธ์ระหว่างสองคนนี้ คงจะดุเดือดเลือดพล่านมากเป็นแน่! ”
คนของตระกูลเจี่ยง มาถึงก่อนแล้ว โดยอยู่บริเวณรอบก้อนหินสีเขียว แล้วก็นั่งลงที่นั่น
เจี่ยงจิงเทียนมองไปยังนายท่านเจี่ยงที่มีสีหน้าท่าทางเฉยชา และถามขึ้นอย่างกังวลว่า: “ท่านพ่อ ท่านคิดว่านักพรตจื่อหยางจะสามารถเอาชนะได้ไหม? ”
เจี่ยงจงสือสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “สำหรับพลังความสามารถบู๊ พวกเราต่างก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ว่า พวกเราได้เตรียมแผนการล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ต่อให้นักพรตจื่อหยางพ่ายแพ้ ปรมาจารย์หลินนั้นก็คงจะไม่กล้าทำอะไรที่เกินไป”
พูดจบ เจี่ยงจงสือก็มองไปยังบริเวณที่ไกลออกไปราวห้าเมตร แล้วพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับผู้ว่าราชการเกาะหนันที่นั่งอยู่บนก้อนหิน
ผู้ว่าราชการเกาะหนันรีบยิ้มรับกลับให้ทันที โดยสถานะของตระกูลเจี่ยงในเกาะหนัน แม้ว่าจะเป็นถึงผู้ว่าราชการเกาะหนัน ก็ไม่กล้าที่จะไม่ให้เกียรติ
ไม่อย่างนั้น หากตระกูลเจี่ยงชูมือเรียกร้องขึ้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกาะหนันนี้จะฟังใครกันแน่
เจี่ยงจิงเทียนจึงเบาใจลงได้บ้าง: “มีผู้ว่าราชการเกาะหนันอยู่ รวมถึงยังมีเศรษฐีและผู้มีชื่อเสียงมากกว่าครึ่งของเกาะหนัน ต่างก็มากันหมดแล้ว ถึงแม้ปรมาจารย์หลินจะเป็นผู้ชนะ ก็คงจะไม่กล้าทำอะไรที่หลงระเริงเกินไปนัก! ”
“ใช่แล้วท่านพ่อ ข้าได้ส่งคนไปสร้างความสัมพันธ์กับเหล่านักบู๊ที่มากันแล้ว”
“คราวนี้ ข้าได้ให้ค่าตอบแทนมากกว่าครั้งก่อนหนึ่งเท่าตัว เชื่อว่าอีกไม่นานคงจะได้รับทราบผล”
บนต้นไม้ต้นหนึ่งที่ไกลออกไป ชายหนุ่มคนหนึ่งและหญิงสาวคนหนึ่งในชุดซามูไรสีดำ กำลังจ้องมองมาที่หลินหยุน
หญิงสาวพูดบ่นพึมพำอย่างไม่ค่อยพอใจว่า: “ก็แค่เด็กหนุ่มที่อายุยังน้อย คิดไม่ถึงว่านายพลหงจะมีความระมัดระวังมากขนาดนี้ ยังต้องให้พวกเราสองคนมาเฝ้าสังเกตเขาด้วย! ”
“นายพลหงยังกังวลด้วยว่าไอ้หนุ่มนั่นจะฆ่าผู้ว่าราชการเกาะหนัน ช่างน่าขันเสียจริง เขาจะสามารถเอาชนะนักพรตจื่อหยางได้อย่างนั้นเหรอ? ”
ชายหนุ่มมองไปที่นักพรตจื่อหยาง สีหน้าท่าทางตกตะลึงขึ้นเล็กน้อย: “พลังความสามารถของนักพรตจื่อหยาง เกรงว่าจะสูงขึ้นอีกระดับขั้นแล้ว”
“บางที อาจจะเข้าใกล้ระดับขั้นแดนนั้นตามที่ตำนานร่ำลือกันแล้ว”
หญิงสาวหัวเราะเยาะ: “ฉันกลับแปลกใจอยู่บ้างว่า เวทมนตร์ระดับขั้นแดนนั้นตามตำนาน จะมีพลังความสามารถในรูปแบบใด? ”
“นักพรตจื่อหยางในตอนนี้ เกรงว่าต่อให้พวกเราสองคนร่วมมือกันก็คงจะไม่สามารถเอาชนะได้” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยความเสียใจ
รอยยิ้มอันเย็นชาบนใบหน้าของหญิงสาวยิ่งรุนแรงขึ้น: “พวกเราสองคนร่วมมือกันยังไม่สามารถเอาชนะนักพรตจื่อหยางได้ แต่นายพลหงกลับไม่สงสัยเลยว่าไอ้หนุ่มนั่นจะสามารถเอาชนะได้หรือไม่ นายว่าท่านหงดูถูกพวกเราสองคนเกินไปหน่อยไหมล่ะ? ”
“หยุดคิดอะไรไร้สาระได้แล้ว ในเมื่อท่านหงพูดแบบนี้แล้ว เขาก็ต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน พวกเราเฝ้าสังเกตไอ้หนุ่มนั่นกัน ห้ามไม่ให้เขาลงมือทำร้ายผู้ว่าราชการเกาะหนันเด็ดขาด” ชายหนุ่มพูดขึ้น
หญิงสาวเอามือกอดอกขึ้น หัวเราะเยาะ แล้วก็ไม่พูดจา โดยสายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้น ยังคงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไอ้หนุ่มนั่นจะสามารถเอาชนะนักพรตจื่อหยางได้”
บนพื้นที่ว่างเปล่าตรงกลางของยอดเขานั้น นักพรตจื่อหยางมองไปที่หลินหยุน: “นักพรตหมิงยู่ ลูกศิษย์ของข้าที่ไม่ได้เรื่องคนนั้น ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงได้ไปล่วงเกินปรมาจารย์หลิน แล้วถูกปรมาจารย์หลินลงมือสังหาร? ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ข้าไม่ได้ฆ่าเขา”
นักพรตจื่อหยางพูดว่า: “ถ้าหากไม่ใช่นายที่ฆ่า แล้วเป็นใครกันล่ะ? ”
“คนของสำนักยินซือ” หลินหยุนกล่าว
“สำนักยินซือ? เหอะเหอะ ข้าใช้ชีวิตมาจนอายุหนึ่งร้อยห้าปี ยังไม่เคยได้ยินชื่อของสำนักนี้มาก่อน” นักพรตจื่อหยางพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะ
หลินหยุนสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “นั่นเป็นเพราะนายคือกบในกะลา”
“กบในกะลา? เหอะเหอะ คิดไม่ถึงว่า ปรมาจารย์หลินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง กลับกลายเป็นคนที่กล้าทำแต่ไม่กล้ารับผิดไปเสียแล้ว”
“ข้าประเมินนายสูงเกินไปแล้ว” นักพรตจื่อหยางแสดงสีหน้าท่าทางที่เหยียดหยาม
หลินหยุนไม่ได้อธิบายชี้แจงอะไร: “นายไม่เชื่อก็ช่างเถอะ”
“ฮึ! ”
นักพรตจื่อหยางสะบัดมือ ภาพวาดโบราณเก่าแก่ปรากฎขึ้นบนมือของเขา: “ผู้ที่มาคือแขก ข้าจะอ่อนข้อให้กับนายก่อนสามกระบวนท่า! ”
“ไม่จำเป็น” หลินหยุนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ทราบดีว่าการปะทะกันของยอดฝีมือ การคว้าโอกาสก่อนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่ว่า หลินหยุน กลับปฏิเสธความหวังดีของนักพรตจื่อหยาง
“ช่างเป็นชายหนุ่มที่หลงระเริงอย่างยิ่ง ข้าได้ให้โอกาสกับนายแล้ว แต่นายเองไม่ยอมที่จะหวงแหนเอาไว้ งั้นก็อย่าได้มากล่าวหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก”
นักพรตจื่อหยางก็ไม่เกรงใจแล้ว เริ่มลงมือทันที
มือซ้ายของเขาถือม้วนภาพวาด มือขวาวาดภาพอะไรอยู่กลางอากาศ
กี่วินาทีผ่านไป นักพรตจื่อหยางก็วาดภาพเสร็จ แล้วตะโกนเบา ๆ ขึ้น: “เริ่มได้! ”
บริเวณเท้าของหลินหยุน ก็พลันปรากฏตาข่ายขนาดใหญ่ขึ้น ตาข่ายนั้นทำมาจากเถาวัลย์ผูกประกอบเข้าด้วยกัน ดูเหมือนว่าจะมั่นคงแน่นหนาอย่างมาก เมื่อผูกมัดเข้ากับคนแล้ว ก็คงไม่สามารถที่จะดิ้นให้หลุดออกได้
หลินหยุนยืนอยู่กับที่ ปล่อยให้ตาข่ายนั้นปกคลุมร่างกายของตน และแอบพูดในใจว่า: “นี่ก็คือ เวทมนตร์ใช่ไหม? คิดไม่ถึงว่าจะคล้ายกับวิชาอาคมของผู้บำเพ็ญเซียนเลย”
“ดูเหมือนว่า วิชาเวทมนตร์นี้ คงจะได้รับการถ่ายทอดมาจากวิชาอาคมของผู้บำเพ็ญเซียน”
เห็นนักพรตจื่อหยางเรียกตาข่ายยักษ์ออกมา แล้วไม่นานก็ครอบคลุมทั้งร่างของหลินหยุน
ผู้ชมทุกคนโดยรอบ ต่างก็จ้องหน้าซึ่งกันและกัน
“ไม่นะ มันจะจบลงเพียงเท่านี้แล้วเหรอ? ”
“ปรมาจารย์หลินคนนี้คือตัวปลอมใช่ไหม! ”
“ความสามารถระดับนี้จะฆ่าฉิวเชียนซาได้อย่างไรกัน? ”
“ตัวปลอม ปรมาจารย์หลินคนนี้คือตัวปลอมอย่างแน่นอน”
เจี่ยงหลินหลินพูดขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ: “คุณพ่อ นักพรตจื่อหยางชนะแล้วใช่ไหม? ”
เจี่ยงจิงเทียนส่ายศีรษะ: “ไม่ชัดเจน แต่ ดูแล้วว่านักพรตจื่อหยางกำลังได้เปรียบอยู่ ดูเหมือนพลังความสามารถของไอ้หนุ่มนั่น คงจะเป็นรองนักพรตจื่อหยาง”
เจี่ยงจงสือพูดขึ้นว่า: “นี่มันยังไม่แน่ เพิ่งจะเผชิญหน้าเข้าใส่กันเพียงครั้งเดียว ก็จะพูดว่าใครชนะใครแพ้แล้วไม่ได้ มันยังเร็วเกินไป”
“ดูกันไปก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ! เชื่อว่าปรมาจารย์หลินแห่งหลิงหนาน ไม่ใช่จะมีเพียงแค่ชื่อเสียงที่ร่ำลือเท่านั้น! ”