จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 64 หวางชิ่งเซิงซวยแล้ว
บทที่ 64 หวางชิ่งเซิงซวยแล้ว
“หลินหยุน ไม่ต้องโอ้อวดแล้วได้ไหม?” อันซินที่อยู่ข้างๆ เริ่มร้อนรน อดไม่ได้ที่จะพูดเตือนเขาด้วยเสียงเบาๆ
อันซื่อเอินและหลี่นีมองไปที่หลินหยุน ต่างก็พากันจนปัญญา พูดลับหลังก็ช่างมันเถอะ แต่นี่มาพูดต่อหน้าคนเขาได้ไง?
จะให้คุณชายจินเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? นี่จะบังคับให้คุณชายจินโมโหหรือไง?
หวางชิ่งเชิงยิ่งได้ใจ แทบจะอยากปรบมือให้หลินหยุนด้วยซ้ำ “ไอ้เด็กคนนี้มันแปลกจริงๆ อวดดีไม่มีลิมิตเอาซะเลย!”
แม้แต่ต่อหน้าคุณชายจิน ก็ไม่สนใจเขาเลยสักนิด ทั้งหลินโจว ต่อให้ท่านเจี่ยงก็ทำแบบนี้ไม่ได้!
หวางชิ่งเซิงหันหน้าไปหาจินหยวนเป่า พร้อมพูดเสียงดังว่า “คุณชายจิน ไอ้คนที่มันไม่มีตาแบบนี้ คุณต้องสั่งสอนมันให้หนักๆ เลยๆนะครับ!”
จินหยวนเป่ากัดฟันกรอด ยิ้มร้ายแล้วพูดว่า “คุณพูดไม่ผิด ไอ้คนไม่มีตาแบบนี้ ควรต้องสั่งสอนมันให้หนักๆ!”
“ใช่ครับ!” หวางชิ่งเซิงสีหน้าเห็นด้วยอย่างมาก
จากนั้น จินหยวนเป่าจับผมหวางชิ่งเซิงเต็มมือ พร้อมกำหมัดชกไปที่ท้องเขาอย่างจัง
หมัดนี้ทำเอาหวางชิ่งเซิงถึงกับร้องสะดุ้งอย่างแรง จนต้องนอนลงไปกองกับพื้น
หลังจากนั้น จินหยวนเป่าทั้งมือและเท้า ทั้งเตะทั้งต่อยไปที่ตัวหวางชิ่งเซิง ทั้งตีทั้งด่าไปพร้อมกัน
“แกมันไม่มีตาหรือไง แกรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตฉันเลยนะ แล้วก็เป็นไอดอลของฉันด้วย!”
“แกบังอาจส่งเสริมฉันให้จัดการกับไอดอลฉันเหรอฮะ สมองแกโดนลาเตะไปแล้วหรือไอ้บ้า?”
บอดี้การ์ดสองคนเห็นจินหยวนเป่าเตะต่อยหวางชิ่งเซิง ก็ยืนมองหน้ากันอยู่ที่เดิม แต่ไม่มีใครกล้าขยับตัวทำอะไร คุณชายจินแห่งบริษัทชิรงกรุ๊ป พวกเขาไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยแน่นอน
อันซื่อเอินและคนอื่นๆ พากันตกใจจนอ้าปากค้าง เดิมทีนึกว่าผู้ช่วยของหวางชิ่งเซิงมาแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าที่แท้กลับเป็นผู้ช่วยของหลินหยุนต่างหาก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างพากันงงงวย หลินหยุนจะกลายเป็นไอดอลของคนอย่างคุณชายจินได้อย่างไรกัน?
ไอดอลของคุณชายจิน ทั้งเมืองหลินโจวคงไม่มีใครเป็นได้!
สายตาทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่หลินหยุนอีกครั้ง ความเคารพยำเกรงที่มีต่อเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น
ไอดอลของคุณชายจิน แขกพิเศษของท่านเจี่ยง เด็กผู้ชายคนที่รูปลักษณ์ภายนอกดูไม่มีอะไรคนนี้ มีความลับอะไรที่คนอื่นยังไม่รู้อีกกันแน่?
จ้าวกาวและเพื่อนคนอื่นๆ มองไปที่หลินหยุน ความรู้สึกเหมือนนี่เป็นครั้งที่พวกเขาได้รู้จักหลินหยุน พวกเขาไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบหลินหยุนในตอนนี้กับเมื่อก่อนที่นิสัยสันโดษไม่ยุ่งกับใคร โดนต่อยจนฟันหลุดก็ยอมกลืนฟันลงท้องไปคนนั้น
พอเตะต่อยไปได้สักพัก จินหยวนเป่าเริ่มเหนื่อยแล้ว จึงนั่งลงกับพื้น
หวางชิ่งเซิงโดนจัดการจนไม่เหลือสภาพ แต่ก็เป็นแค่แผลด้านนอก แค่สภาพภายนอกดูไม่ค่อยได้ก็เท่านั้น
จินหยวนเป่าหอบหายใจอย่างแรง พร้อมพูดว่า “แกนี่มันไอ้คนไม่มีตา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันใช้งานแกง่าย ฉันให้แกไสหัวไปนานแล้ว! จะปล่อยให้แกมาเป็นประธานคณะกรรมการบริษัทฝูว่างได้ยังไง?”
“แกกลับดีเหลือเกิน คิดที่จะมาจัดการกับไอดอลของฉัน! ถ้าวันนี้ฉันทำให้ไอดอลของฉันพอใจไม่ได้ แกก็ห้ามไสหัวกลับไปเด็ดขาด!”
หวางชิ่งเซิงแทบจะอยากตายไปตอนนี้ให้ได้ เขาจะรู้ได้ยังไงกันว่าหลินหยุนเป็นผู้มีพระคุณกับคุณชายจิน!
ถ้าหลินหยุนพูดตั้งแต่แรก ต่อให้เอาความกล้าให้เขามากขนาดไหน เขาก็ไม่มีทางกล้าที่จะหาเรื่องหลินหยุนแน่นอน!
แต่เขาก็รู้ดีว่า หากหลินหยุนพูดเร็วกว่านี้ เขาเองก็คงไม่เชื่อ ก็ยังคงจะหัวเราะเยาะหลินหยุนเช่นเดิม
“คุณชายจิน ผมผิดไปแล้วครับ เห็นใจในฐานะที่ผมทำงานกับคุณมานานขนาดนี้ ปล่อยผมไปสักครั้งนะครับ! หลายปีมานี้ ต่อให้ผมไม่มีผลงานอะไร ก็ยังคงทำงานหลายๆ อย่างช่วยคุณ! ขอร้องเถอะครับให้โอกาสผมสักครั้งเถอะนะ!” หวางชิ่งเซิงหมอบลงไปกับพื้น ทั้งร้องไห้ทั้งน้ำมูกไหลไม่หยุด
จินหยวนเป่าใช้เท่าเตะหวางชิ่งเซิงออกไปอย่างแรง พร้อมทั้งด่าว่า “อย่ามาขอร้องฉัน มีแค่ไอดอลของฉันให้อภัยแก ฉันถึงไม่เอาเรื่องกับแก!”
พูดจบ จินหยวนเป่าก็ยิ้มร่ามองไปที่หลินหยุน พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหลิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมนะครับ! เป็นเพราะไอ้คนที่ไม่มีตาคนนี้มันหาเรื่องมาให้ผมทั้งนั้น คุณอย่าโกรธผมนะครับ!”
เมื่อเห็นท่าทางจินหยวนเป่าที่ยิ้มเอาใจพร้อมพูดจาอย่างระมัดระวังกับหลินหยุน หวางชิ่งเซิงรู้สึกเสียใจทีหลังมาก
ตอนแรกที่ไอ้หน้าบากเฉียงก้มหัวขอร้องให้หลินหยุนให้อภัย หวางชิ่งเซิงยังเอาแต่หัวเราะเยาะไอ้หน้าบากเฉียง เยาะเย้ยที่เขาไม่หยิ่งในศักดิ์ศรีบ้าง
แต่ว่า เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องนี้จะตกมาอยู่ที่เขาเช่นกัน
ตอนนี้สภาพของหวางชิ่งเซิง แย่ยิ่งกว่าไอ้หน้าบากเฉียงด้วยซ้ำ ถึงพี่ดาวจะเคร่งครัดกับไอ้หน้าบากเฉียงขนาดไหน แต่ใครก็ดูออกว่าพี่ดาวยังหาทางปกป้องลูกน้องตัวเองอยู่
แต่ว่ามองดูจินหยวนเป่าที่นั่งอยู่กับพื้นตอนนี้ สีหน้ารังเกียจเขาเต็มทน คาดว่าตอนนี้แทบจะอยากลบล้างความสัมพันธ์กับหวางชิ่งเซิงไปเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าหวางชิ่งเซิงจะเป็นถึงประธานคณะกรรมการของบริษัทฝูว่าง แต่บริษัทฝูว่างอยู่ในความควบคุมของจินหยวนเป่า ตอนนี้เขามีทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้าน แต่ว่าถ้าหากทำให้จินหยวนเป่าไม่พอใจ พรุ่งนี้เขาก็สามารถกลายเป็นคนจนที่ไม่เหลืออะไรเลยก็ได้
หวางชิ่งเซิงกัดฟัน เขาเองก็เรียนแบบไอ้หน้าบากเฉียง คุกเข่าเสียงดังตุ้บลงไปกับพื้นต่อหน้าหลินหยุน
“คุณหลิน ผมผิดไปแล้ว ขอให้คุณหลินยกโทษให้ด้วยครับ!”
พอพูดจบ เมื่อเห็นว่าหลินหยุนไม่มีปฏิกิริยาอะไร หวางชิ่งเซิงก็มองไปหาอันซื่อเอินด้วยสายตาขอร้อง “น้องอัน ถึงเรื่องไอ้หน้าบากเฉียงผมจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่าก็เห็นใจในฐานะที่ผมออกหน้าช่วยพูดตอนคับขัน ครั้งนี้ก็ช่วยผมพูดให้คุณหลินให้อภัยผมด้วยสิ!”
เรื่องถึงตอนนี้ ในฐานะที่หวางชิ่งเซิงพยายามช่วยเขาในยามวิกฤตแบบนั้น ยอมลุกขึ้นมาเพิ่มปกป้องความยุติธรรม อันซื่อเอินจดจำบุญคุณนี้ไว้เป็นอย่างดี
อันซื่อเอินมองไปที่หลินหยุน พร้อมพูดขึ้นว่า “หลินหยุน ไว้หน้าฉันกับคุณน้าหน่อยได้ไหม ให้อภัยท่านประธานหวางไปเถอะ!”
หลินหยุนเหลือบตาไปมองอันซื่อเอินและภรรยา จากนั้นสายตาก็หยุดไปที่อันซินอีกครั้ง แล้วถามขึ้นว่า “เธอว่ายังไง?”
อันซินตกใจจนหัวใจเต้นผิดปกติ รีบก้มหน้าลง พร้อมตอบเสียงเบาว่า “ถึงท่านประธานหวางจะผิดจริงๆ แต่ว่าเมื่อกี้คุณชายจินก็สั่งสอนเขาไปแล้ว อีกอย่างเขาก็มีบุญคุณกับบ้านของเรา พี่หลินหยุนปล่อยเขาไปเถอะ!”
“ขอบคุณคุณอันซินมากครับ!” หวางชิ่งเซิงดีใจจนน้ำตาไหลออกมา คิดไม่ถึงว่าเมื่อกี้ที่โดนบังคับให้ทำแบบนั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ช่วยเขาให้รอดได้
หลินหยุนมองไปที่หวางชิ่งเซิง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แกไปเถอะ!”
หวางชิ่งเซิงดีใจมาก “คุณหลิน คุณให้อภัยผมแล้วเหรอ?”
หลินหยุนก้าวเท้าออกจากประตู พร้อมทิ้งเพียงประโยคหนึ่งไว้ “ฉันไม่เคยเอาแกไว้ในสายตา จะให้อภัยแกยังไง?”
ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง พากันมองไปที่ด้านหลังของหลินหยุน ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นดั่งภูเขาลูกใหญ่ สูงตระหง่านโดดเด่น ไม่อาจเอื้อมถึง!
“ฉันไม่เคยเอาแกไว้ในสายตา จะให้อภัยแกยังไง…” หวางชิ่งเซิงยิ้มเจื่อน “ที่แท้เขาไม่เคยเอาฉันไว้ในสายตาเลยด้วยซ้ำ”
จินหยวนเป่ากัดนิ้วดัง พร้อมทั้งกล่าวด้วยความชื่นชมขึ้นว่า “สมกับเป็นไอดอลฉันจริงๆ แม้แต่โจมตีคนอื่น ก็ทำได้อย่างมีสไตล์ขนาดนี้!”
หลินหยุนกำชับอันซินไว้ว่า ต่อไปมีเรื่องอะไรให้โทรหาเขา จากนั้นก็กลับไป
ส่วนเรื่องหลังจากที่เขาออกไปจากตรงนั้น ก็ให้คนอื่นไปพูดกันเองเถอะ!
หลินหยุนไม่ได้ตรงไปที่คลินิกตระกูลเซี่ย แต่ไปที่ชุมชนฝูย่วนแทน
เมื่อหลินหยุนไปถึงประตูชุมชนไม่นาน รถออฟโรดใหญ่สีดำเหมือนว่าจะรออยู่ตรงนั้นนานมากแล้ว
หยุนเยว่ที่แต่งกายด้วยกระโปรงสั้นสีแดงแขนสั้นเดินลงมาจากรถ เธอรีบเดินไปข้างๆ หลินหยุน พร้อมพูดด้วยความนอบน้อมว่า “คุณหลิน ท่านหัวหน้าได้ยินว่าคุณพักอยู่ที่บ้านพ่อตาตลอด พอดีว่าใกล้ๆ ทะเลสาบเยว่หยายังมีคฤหาสน์อีกหลังหนึ่ง ให้ฉันมอบให้คุณ หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ!”
หลินหยุนมองไปที่หยุนเยว่ รู้ว่าควีนจินต้องการจะคบหาสมาคมกับเขา
“ต่อไปต้องฝึกยากมากขึ้นกว่าเดิม เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่กับเซี่ยหยู่เวยในห้องเล็กๆ ขนาดนั้น ควรที่จะมีห้องใหญ่ๆ เอาไปฝึกบ้าง”
ถึงแม้ว่าหลินหยุนไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองอำนาจในโลกมนุษย์นัก แต่ยังไงเขาก็ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ที่โลกมนุษย์สักระยะ ครอบครัวเพื่อนๆ ของเขาต้องการสิ่งเหล่านี้
เพราะฉะนั้น การคบค้าสมาคมกับคนใหญ่คนโตอย่างควีนจิน หลินหยุนก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดี
“เอากุญแจไว้ ฝากขอบคุณควีนจินด้วย” หลินหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หยุนเยว่ดีใจมาก เธอกลัวว่าหลินหยุนจะไม่รับไว้
“ค่ะ หยุนเยว่จะกลับไปบอกควีนจินแน่นอน!” หยุนเยว่ก้มหน้าพร้อมพูดต่อว่า “อ่อใช่ ตึกว่างเยว่ที่อยู่บนสุดของทะเลสาบเยว่หยาก็คือหลังที่ควีนจินมอบให้คุณหลิน!”
“รู้แล้ว”