จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 669 นิ่งโหย่วหรง
หลินโร่สุ่ยพูดว่า “ทำอย่างนนั้นได้ไง ฉันเตรียมชาชั้นดีไว้เป็นพิเศษ คุณลองชิมดู!”
หลินโร่สุ่ยชงชาให้หลินหยุนอย่างดื้อรั้น แล้วยื่นไปตรงหน้าหลินหยุน
เมื่อดูจากการเคลื่อนไหวที่ชำนาญของเธอแล้ว เห็นได้ชัดว่า แต่ก่อนคงทำงานเหล่านี้บ่อย
คุณหนูใหญ่คนหนึ่ง วันๆทำแต่งานชงชารินชา สามารถจินตนาการได้ว่า โร่สุ่ยอยู่ในตระกูลหลิน ใช้ชีวิตอยู่แบบไหน
หลังจากชงชาให้หลินหยุนเสร็จแล้ว หลินโร่สุ่ยก็นั่งตรงข้ามหลินหยุน
อาจเป็นเพราะครั้งที่แล้วต่อหน้าพี่สาว ได้ระบายความแค้นออกมา เวลาที่เธอพูด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข
สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าซึ่งสวยและบริสุทธิ์อยู่แล้วของหลินโร่สุ่ย ดูอ่อนเยาว์และแข็งแรงขึ้น
หลินหยุนกำลังดื่มชา และมองหลินโร่สุ่ยที่ดวงตาโตเปล่งแสงเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่า สาวน้อยมีความในใจที่อยากจะพูด
ในดวงตาสีดำขาวกลอกไปมา และถามด้วยรอยยิ้ม “พี่หลินหยุน คุณจำได้ไหม ครั้งก่อนที่ฉันพบคุณที่บริษัทตงหวางกรุ๊ป สิ่งที่คุณพูดเหล่านั้น?”
หลินหยุนแกล้งทำเป็นไม่รู้ “คำไหน?”
“ก็คุณบอกฉันว่ายังไม่ถึงนาทีสุดท้าย ห้ามยอมแพ้ ไม่แน่อาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น” หลินโร่สุ่ยพยายามทำให้หลินหยุนจำได้
หลินหยุนรู้ว่าเธอต้องการจะถามอะไร และแน่นอนจะไม่ทำตามความต้องการของเธอ “ฉันเคยพูดแบบนี้หรือ? จำไม่ได้แล้ว”
หลินโร่สุ่ยกลอกตาทันที “คุณขี้ลืมขนาดนี้เลยหรือ? หรือคุณจงใจ”
“ฉันจะบอกคุณ หลังจากที่คุณพูดแบบนั้นแล้ว ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริงๆ”
หลินหยุนจิบชา และพูดเบาๆ “โอ้ ถ้างั้นยินดีกับเธอด้วย สิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์นั้น เพียงเพราะโอกาสที่มันจะเกิดขึ้นนั้นมีน้อยมาก เธอสามารถพบเจอ เป็นความโชคดีจริงๆ”
หลินโร่สุ่ยรู้สึกจนปัญญา “หลินหยุนคนนี้ จงใจหรือเปล่า บ่ายเบี่ยงคำถามฉันทุกครั้ง”
ในที่สุดหลินโร่สุ่ยก็ไม่อ้อมค้อม และถามตรงๆ “พี่หลินหยุน คุณบอกฉันมาตามตรง คุณคือคุณหลินที่ลึกลับคนนั้นหรือไม่?”
พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ฉันก็คือคุณหลิน”
“จริงเหรอๆ!” หลินโร่สุ่ยดีใจมาก “ฉันเดาไว้แล้วว่าต้องเป็นคุณ ในบรรดาคนที่ฉันรู้จัก มีแต่คุณเท่านั้นที่เคยพูดให้กำลังใจฉัน”
“ที่แท้คุณก็คือคุณหลินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง!”
หลินหยุนถามอย่างจริงจัง “ฉันมีชื่อเสียงมากเลยหรือ? ทำไมฉันถึงไม่รู้”
หลินโร่สุ่ยพูดว่า “คุณไม่รู้อยู่แล้ว ตอนนี้ข่าวกำลังแพร่ไปทั่ว คุณหลินเก่งกาจแค่ไหน แค่คนเดียว สามารถเรียกคนระดับสูงในวงการบันเทิงมาได้มากมาย”
หลินหยุนถามอย่างสงสัย “ฉันไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในวงการบันเทิงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หลินโร่สุ่ยผงะ ทันใดนั้นก็ยิ้ม “อย่าล้อเล่น คุณก็ยอมรับแล้วนี่ว่าคุณคือคุณหลิน?”
หลินหยุนพูดว่า “ใช่ ฉันแซ่หลิน ไม่ใช่คุณหลินแล้วคือใคร?”
หลินโร่สุ่ยอ้าปากค้าง นิ้งอึ้ง
ผ่านไปสักพัก หลินโร่สุ่ยก็ลองเชิงถาม “พี่หลินหยุน คุณไม่ใช่คุณหลินจริงๆหรือ?”
หลินหยุนยังคงพูดอย่างจริงจัง “ฉันบอกแล้ว ฉันคือคุณหลิน”
หลินโร่สุ่ยจนปัญญา “ตกลง ข้ามหัวข้อนี้ไปซะ”
หลินหยุนไม่พูด เขาไม่ต้องการให้หลินโร่สุ่ยรู้ว่าเขาช่วยเธอ เขากังวลว่ามันจะส่งผลต่อการเติบโตของหลินโร่สุ่ย
ความแข็งแกร่งของผู้อื่น ยังไงก็ไม่ใช่ของตัวเอง
ถ้าหลินหยุนจากไป หลินโร่สุ่ยจะพึ่งใครได้?
แต่ว่า หลินหยุนก็ไม่ต้องการหลอกลวงหลินโร่สุ่ย ดังนั้น เขาจึงยอมรับว่าตัวเองก็คือคุณหลิน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคุณหลินที่หลินโร่สุ่ยพูดถึงหรือไม่ หลินหยุนไม่ได้อธิบายชัดเจน
ด้วยวิธีนี้ ในอนาคตหากหลินโร่สุ่ยถามถึงอีก ก็ไม่อาจมากล่าวหาว่าหลินหยุนโกหกเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน หลินโร่สุ่ยก็พูดถึงงานเลี้ยงค็อกเทลชนชั้นสูงอีกครั้ง
“จริงสิพี่หลินหยุน งานเลี้ยงค็อกเทลชนชั้นสูงครั้งนี้ จะจัดขึ้นที่เมืองชั่งเหอได้ยินมาว่าครังนี้จะมีคนอัจฉริยะมากมายจากตระกูลใหญ่มา”
“ก่อนหน้านี้ ฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมงานแบบนี้ เพราะคุณหลิน ฉันจึงได้รับเชิญ”
“อีกอย่าง ได้ยินมาว่าคนจากตระกูลนิ่งในเมืองหลวงก็จะมาด้วย!”
“ก็ไม่รู้ คุณหนูนิ่งสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงจะมาไหม?”
หลินหยุนหัวใจหวั่นไหวเล็กน้อย และนึกถึงอดีตที่ไม่อยากพูดถึง
“เมืองหลวง ตระกูลนิ่ง สาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง นิ่งโหย่วหรง!”
ตระกูลนิ่งในเมืองหลวง เป็นตระกูลเฟิร์สคลาสในเมืองหลวง เมื่อเทียบกับสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ด้อยกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ตระกูลระดับเฟิร์สคลาสในเมืองหลวง ตั้งอยู่ในระหว่างห้าสิบแปดมณฑลของประเทศจีน และสามารถบดขยี้ครอบครัวอื่นๆได้ตามต้องการ
แม้แต่ตระกูลอีที่รู้จักในฐานะครึ่งเมืองของตระกูลอีอีป้านเฉิง เมื่อเทียบกับตระกูลนิ่ง ก็ยังห่างกันเยอะ
และในนามสาวสวยที่สุดของเมืองหลวง ยังมีอีกฐานะหนึ่ง อันที่จริงแล้วก็คือคู่หมั้นของหลินหยุน
ย้อนกลับไปในตอนนั้น หวางซูเฟินกับนิ่งเฟิ่งเซียนซึ่งเป็นพ่อของนิ่งโหย่วหรง เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาตั้งแต่เด็ก จนถึงมัธยมปลาย ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เรียกได้ว่าเป็นคู่รักกันตั้งแต่วัยเด็กจนโต
ตระกูลนิ่งมีความต้องการ เชียร์ให้หวางซูเฟินกับนิ่งเฟิ่งเซียนแต่งงานกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะของตระกูลหวาง คงไม่ถูกใจตระกูลนิ่ง
นอกจากนี้ หวางซูเฟินและนิ่งเฟิ่งเซียน สนิทกันมาก
แม้ว่านิ่งเฟิ่งเซียนจะสนใจหวางซูเฟิน แต่หวางซูเฟินถือว่านิ่งเฟิ่งเซียนเป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น
มีอยู่ครั้งหนึ่ง นิ่งเฟิ่งเซียนทนไม่ไหว ในที่สุดก็สารภาพรักกับหวางซูเฟิน
หวางซูเฟินรีบปฏิเสธทันที
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองไม่ได้กลายเป็นคู่รักกัน แต่ว่า พวกเขาได้ทำสัญญาที่ไร้สาระไว้
ถ้าในอนาคตลูกคนแรกของทั้งสองคน ถ้าทั้งคู่เป็นผู้ชาย ก็ให้เป็นพี่ชายน้องชายกัน และถ้าเป็นเด็กผู้หญิงทั้งคู่ ก็ให้เป็นพี่สาวน้องสาว
ถ้ามีชายหญิง ก็แต่งงานกัน
คาดว่า ในเวลานั้นหวางซูเฟินปฏิเสธนิ่งเฟิ่งเซียน และก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงต้องการให้คนรุ่นต่อไปรวมตัวเป็นทองแผ่นดินเดียวกัน เพื่อชดเชยนิ่งเฟิ่งเซียน
น่าเสียดายที่ ภายหลังหวางซูเฟินได้ตัดขาดจากตระกูลหวาง นิ่งเฟิ่งเซียนก็ไม่ได้ติดต่อกับหวางซูเฟินอีก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นิ่งเฟิ่งเซียนกลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลนิ่ง ได้ข่าวว่าหวางซูเฟินมีลูกชายคนหนึ่ง ได้ติดต่อหวางซูเฟินเป็นการส่วนตัว เพื่อหารือเกี่ยวกับการแต่งงานของเด็กสองคน
เพียงแต่ว่า ถูกหวางซูเฟินปฏิเสธ
เหตุผลก็คือตอนนี้ หวางซูเฟินได้ตัดขาดจากตระกูลหวาง ไม่ต้องการทำให้ตระกูลนิ่งต้องเดือดร้อน
นิ่งเฟิ่งเซียนไม่พูดอะไร จากนั้นก็กลับไป
และต่อมา หลินหยุนหายตัวไป สัญญาการแต่งงานนี้ ก็คาราคาซังไม่ได้ไปสนใจมันอีก
แต่ว่า ต่อมาหลินหยุนได้พบกับหวางซูเฟิน คุณหนูใหญ่ตระกูลนิ่ง นิ่งโหย่วหรง สาวสวยอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ก็เคยมาพบหลินหยุน
แต่น่าเสียดายที่ ขณะนั้นหลินหยุนได้แต่งงานกับเซี่ยหยู่เวยแล้ว
แน่นอน สาวสวยอย่างคุณหนูนิ่งก็ไม่ชอบหลินหยุน
พูดเพียงประโยคเดียวเท่านั้น จากนี้ไป ฉันกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”
หลินหยุนเข้าใจว่า ประโยคนั้นเป็นการถอนหมั้น
แม้ว่าหลินหยุนจะมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ว่า ในใจเขาก็รู้ดี เขาไม่คู่ควรกับนิ่งโหย่วหรง
เดิมทีคิดว่าชาตินี้คงไม่มีอะไรต้องติดต่อกับนิ่งโหย่วหรงอีก แต่ว่าต่อมาหวางซูเฟินและหลินตงหัวก็ตายจากไปทีละคน และหลินหยุนถูกตระกูลส้งบีบถึงทางตัน
คุณหนูใหญ่ตระกูลนิ่งถึงกับมาหาหลินหยุน และเต็มใจที่จะช่วยเหลือหลินหยุนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
น่าเสียดายที่ หลินหยุนในเวลานั้น เพิ่งรู้ว่าฉินหลันจะแต่งงานกับส้งอันหมิงศัตรูตัวยงของเขา เจ็บปวดใจมาก ก็เลยสาปแช่งดุด่าคุณหนูนิ่ง และทำให้เธอโกรธจนหนีไป
ต่อมา มีหลายครั้งที่หลินหยุนเผชิญกับความสิ้นหวัง จู่ๆตระกูลส้งก็หยุดการโจมตี
หลินหยุนไม่เข้าใจ โดยคิดว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นเกมแมวจับหนู และจงใจทรมานตัวเอง
หลังจากที่เขาได้พบกับท่านอาจารย์เซียนซางหมิ่น พึ่งรู้ว่า นิ่งโหย่วหรงได้ช่วยเขาไว้สองสามครั้ง
และเมื่อตอนที่เขากำลังจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย นิ่งโหย่วหรงได้ส่งยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ รออยู่ชั้นล่าง
ตามหลักนิ่งโหย่วหรงมีพระคุณต่อหลินหยุน เพียงแต่ว่า เพราะการถอนหมั้นของนิ่งโหย่วหรง ทำให้หลินหยุนรู้สึกอับอายมาก จึงไม่เต็มใจที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากเธอ
ในชาตินี้ หลินหยุนคงจะไม่เหมือนชาติที่แล้วที่ใจคับแคบ และทัศนคติของเขาที่มีต่อนิ่งโหย่วหรง ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเช่นกัน