จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 673 หมอเทพหลิ่วหยวน
จากนั้น เด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่งามยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก เดินบุกเข้ามาข้างใน
ดูหน้าตาแล้ว ก็มีส่วนคล้ายกับนิ่งโหย่วหรงมากเลยทีเดียว
คนนี้ก็คือ คุณชายตระกูลนิ่ง นิ่งโหย่วฉาย
“มีเรื่องอะไรกันแน่? พวกเขาเป็นใคร?” นิ่งโหย่วฉายมองไปยังนิ่งโหย่วหรง ถามด้วยความสงสัย
นิ่งโหย่วหรงมองไปยังหลินหยุน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คนนี้ก็คือหมอเทพที่คุณอาหวางได้ไหว้วานให้คนเชิญมา เมื่อกี้ก็กำลังตรวจดูอาการป่วยของคุณปู่อยู่”
นิ่งโหย่วฉายมองไปยังหลินหยุน สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน “หมอเทพเหรอ? เขานะเหรอ? พี่ สมัยนี้พวกนักต้มตุ๋นหลอกลวงมีเยอะแยะไป พี่คงไม่ได้ถูกหลอกแล้วนะ?”
ไอ้อ้วนหวางใบหน้าแดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า “โหย่วฉาย อย่าพูดเหลวไหล หมอเทพหลินคนนี้เป็นถึงราชาการแพทย์ประจำปีนี้เลยนะ”
นิ่งเฟิ่งเซียนก็ส่งเสียงไอเบาๆ แล้วพูดว่า “อย่าพูดเหลวไหล รีบขอโทษหมอเทพหลินเดี๋ยวนี้!”
นิ่งโหย่วฉายโบกมือ แล้วพูดอย่างห้าวๆว่า “อย่าไปสนใจว่าจะเป็นราชาการแพทย์หรือไม่ คราวนี้ ลูกไปเชิญหมอเทพมาจริงๆแล้ว”
“คราวนี้ โรคของคุณปู่จะต้องรักษาให้หายขาดได้แน่นอน!” นิ่งโหย่วฉายมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
นิ่งเฟิ่งเซียนขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ลูกไปเชิญหมอเทพที่ไหนมาล่ะ?”
นิ่งโหย่วฉายพูดด้วยสีหน้าลึกลับว่า “พ่อ พ่อเคยได้ยินตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนไหม ก็คือพวกตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากสังคมไงล่ะ”
นิ่งเฟิ่งเซียนหน้าเปลี่ยนสี ในฐานะเจ้าบ้านของตระกูลนิ่งแล้ว ก็ต้องรู้ดีว่ายังมีตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากสังคมอยู่อย่างแน่นอน
เขาก็เคยคิดจะให้คนไปเชิญคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนมาช่วยรักษาโรคของนายท่านนิ่งเหมือนกัน แต่ว่าคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ก็ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็จะสามารถเชิญมาได้
ต่อให้เป็นตระกูลนิ่งของเขา คนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ก็อาจไม่แน่ว่าจะไว้หน้าพวกเขาเช่นกัน
“ลูกไปเชิญมาจากไหนล่ะ?” นิ่งเฟิ่งเซียนถาม เขาเป็นห่วงว่านิ่งโหย่วฉายจะถูกหลอกแล้ว แม้แต่เขายังเชิญคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนมาไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับนิ่งโหย่วฉายล่ะ
นิ่งโหย่วฉายพูดว่า “พ่อ พ่ออย่าเพิ่งสนใจว่าลูกไปเชิญมาจากไหนเลย หมอเทพคนนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว ให้เขาช่วยตรวจดูอาการป่วยของปู่ก่อน ก็จะรู้ได้ว่าสามารถรักษาได้หรือไม่ได้แล้ว”
นิ่งเฟิ่งเซียนก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของลูกชาย มองไปยังหลินหยุน แล้วพูดว่า “หมอเทพหลินครับ โปรดรอสักครู่”
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร นิ่งโหย่วฉายก็ลากนิ่งเฟิ่งเซียนไว้แล้วพูดว่า “พ่อ ประเดี๋ยวหมอเทพก็มาถึงแล้ว พ่อจะไปสนใจเขาทำไมล่ะ!”
“วิชาการแพทย์ของหมอเทพคนนี้ ต้องล้ำเลิศกว่าเขาเป็นหมื่นเท่าอย่างแน่นอนเลย”
เมื่อสิ้นเสียงของนิ่งโหย่วฉาย ด้านนอกประตูห้องก็มีเสียงดังแว่วเข้ามาว่า “คุณชายนิ่ง ฉันมาแล้ว!”
ผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ไว้หนวดเคลาพลิ้วสลวยยาวราวสามนิ้ว แต่งตัวชุดยาวสีขาว ใบหน้ายิ้มแย้มเดินเข้ามา
“พ่อครับ พี่ ท่านนี้ก็คือหมอเทพหลิ่ว!” นิ่งโหย่วฉายก็รีบแนะนำด้วยความตื่นเต้นให้นิ่งเฟิ่งเซียนและนิ่งโหย่วหรงได้รู้จักทันที
นิ่งเฟิ่งเซียนยกมือไหว้คารวะแล้วพูดว่า “หมอเทพหลิ่ว คนแซ่นิ่งขอคารวะ!”
“สวัสดีสวัสดี” หมอเทพหลิ่วยกมือขึ้นคารวะตอบ
นิ่งโหย่วหรงสีหน้าเยือกเย็น น้ำเสียงเย็นชา “จะเป็นหมอเทพจริงหรือเปล่า ก็ต้องลองดูก่อนถึงจะรู้ ที่นี่ก็มีหมอเทพคนหนึ่งแล้ว”
หลิ่วหยวนยิ้มเล็กน้อย พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “กล้ามาอวดอ้างตัวเองว่าเป็นหมอเทพต่อหน้าฉันคนแซ่หลิ่วคนนี้ ไม่ทราบว่าเป็นยอดฝีมือมาจากไหนเหรอ?”
นิ่งโหย่วฉายชี้ไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าดูถูก “นู่น ก็เจ้าหมอนั่นไง! ผมดูเขาแล้วน่าจะเป็นพวกนักต้มตุ๋นหลอกลวงมากกว่า อายุน้อยขนาดนั้น จะเป็นหมอเทพได้ยังไงกัน!”
สีหน้าของหลิ่วหยวนแสดงความดูถูกเล็กน้อย มองไปยังหลินหยุนเว็บเดียว “ในจำนวน ตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนทั้งเจ็ด ไม่ทราบว่าคุณมาจากตระกูลไหนเหรอ?”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ฉันไม่ได้มาจากตระกูลไหนทั้งนั้น”
“ฮาๆ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง!” หลิ่วหยวนก็ไม่มองหน้าหลินหยุนอีกเลย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นหลินหยุนอยู่ในสายตาเลย
นิ่งโหย่วฉายพูดว่า “ใช่แล้ว หมอเทพหลิ่วครับ รีบมารักษาโรคให้กับคุณปู่ผมเถอะ!”
“ได้!” หลิ่วหยวนก็รีบเดินตรงไปยังนายท่านนิ่ง ขณะที่เดินมาถึงตรงหน้าหลินหยุน ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “หลีกไป!”
หลินหยุนก็ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน มองดูหลิ่วหยวนอย่างเงียบๆ
นิ่งโหย่วฉายพูดด้วยความโมโหว่า “เฮ้ย หมอเทพหลิ่วเรียกแกหลีกไป แกหูหนวกหรือไง?”
โจวชิงเหอทนดูต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว มองไปยังนิ่งเฟิ่งเซียน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าบ้านนิ่ง นี่ก็คือวิธีการต้อนรับแขกของตระกูลนิ่งพวกคุณเหรอ?”
“ฉันกับหมอเทพหลินอุตส่าห์เร่งเดินทางมาจากแดนไกล เพื่อจะมาช่วยรักษาอาการป่วยของนายท่านนิ่ง พวกคุณทำกับหมอเทพหลินอย่างนี้ได้ยังไง?”
หลังจากนั้น โจวชิงเหอก็หันหน้าไปทำตาถลนใส่ไอ้อ้วนหวาง ตะคอกด้วยความโมโหว่า “เจ้าหวาง ดูซิว่าแกทำงามหน้าอะไรไว้!”
ไอ้อ้วนหวางใบหน้าแดงก่ำไปหมด รีบพูดปลอบโยนว่า “เจ้าโจว นายอย่าเพิ่งโมโหเลย!”
“พี่นิ่ง โหย่วฉายทำแบบนี้ รู้สึกจะเกินไปหน่อยแล้วนะ!”
ยังไม่ทันที่นิ่งเฟิ่งเซียนจะพูดอะไรออกมา นิ่งโหย่วฉายก็ตะโกนพูดออกมาว่า “คุณอาหวาง ทำไมถึงไปพูดจาเข้าข้างนักต้มตุ๋นคนหนึ่งล่ะ! อยู่ต่อหน้าหมอเทพที่แท้จริงแล้ว เขานับว่าเป็นตัวอะไร!”
“ถ้าฉันเป็นเขา คงไม่มีหน้าที่จะยืนอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
นิ่งเฟิ่งเซียนตะคอกเสียงดังว่า “โหย่วฉาย อย่าได้เสียมารยาท!”
“หมอเทพหลินครับ ลูกชายผมปากไม่มีหูรูด หวังว่าท่านอย่าได้เอามาใส่ใจเลยนะ”
หลินหยุนก็ยังยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่พูดอะไรเลย
โจวชิงเหอวจึงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ในเมื่อคุณชายนิ่งได้เชิญหมอเทพมาแล้ว งั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้หมอเทพหลินช่วยรักษาโรคให้กับนายท่านนิ่งอีกแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หมอเทพหลิน พวกเราขอตัวลากลับเลยดีกว่านะ!”
ไอ้อ้วนหวางก็รีบพูดขึ้นว่า “อย่าเลยเจ้าโจว เพิ่งจะตรวจดูอาการของโรคไปได้แค่ครึ่งหนึ่งเอง จะไปได้ยังไงล่ะ?”
นิ่งโหย่วฉายตะโกนพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “ควรจะไปตั้งนานแล้ว วิชาการแพทย์เพียงแค่นิดหน่อยของเขา จะมาเทียบกับหมอเทพของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนได้ยังไงกัน?”
“ก็ยังนับว่าเขาพอรู้ตัวเองดีอยู่บ้าง”
“หุบปาก!” นิ่งเฟิ่งเซียนตะคอกเสียงดังใส่ ทำให้นิ่งโหย่วฉายตกใจกลัวจนหัวหด
“เมื่อกี้หมอเทพหลินก็ได้วินิจฉัยโรคออกมาแล้ว งั้นก็ขอรบกวนหมอเทพหลิ่วช่วยวินิจฉัยโรคให้กับพ่อผมก่อน จากนั้นก็ดูว่าผลการวินิจฉัยของหมอเทพทั้งสองจะเหมือนกันหรือไม่”
“ไม่ทราบว่าหมอเทพทั้งสองมีความเห็นว่าอย่างไร?”
หลิ่วหยวนพูดด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งว่า “เจ้าบ้านนิ่ง เวลาที่ฉันคนซื่อหลิ่วรักษาโรค ไม่เคยต้องให้คนอื่นมาอยู่ร่วมด้วย ถ้าเจ้าบ้านนิ่งไม่เชื่อใจฉัน งั้นฉันก็ขอลา”
พูดจบ ก็เดินจากไปทันที
“อย่าเลย หมอเทพหลิ่ว อย่าเพิ่งไปเลย!” นิ่งโหย่วฉายร้อนใจขึ้นมาทันที รีบเดินไปขวางทางหลิ่วหยวนไว้
“พ่อครับ พ่อให้พวกเขาไปเถอะ! มีหมอเทพหลิ่วอยู่แล้ว จะต้องช่วยรักษาอาการป่วยของปู่ได้แน่นอนเลย” นิ่งโหย่วฉายตะโกนพูดกับนิ่งเฟิ่งเซียน
นิ่งเฟิ่งเซียนรู้สึกจนปัญญา อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นหมอแผนปัจจุบัน
นิ่งเฟิ่งเซียนก็ไม่อยากปล่อยไปทั้งสองฝ่าย แต่ตอนนี้จำเป็นต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว
“เจ้าหวาง ต้องขอโทษจริงๆด้วยนะ!”
“หมอเทพหลินครับ ผู้อำนวยการโจวครับ คราวนี้ต้องรบกวนทั้งสองท่านจริงๆแล้ว โรคของนายท่านนิ่ง ก็คงต้องมอบให้กับคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนมาช่วยรักษาแล้วล่ะ! ส่วนค่าตอบแทนของทั้งสองท่าน ผมก็จะจ่ายให้เหมือนเดิม”
โจวชิงเหอได้แต่ทำเสียงฮื่อใส่ ไม่พูดอะไร
หลินหยุนมองดูนิ่งเฟิ่งเซียน แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “เขาไม่สามารถรักษาโรคของนายท่านนิ่งได้หรอก หวังว่าคุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นจะมาเชิญให้ผมมาอีก ก็คงไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแล้วล่ะ”
หลิ่วหยวนพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “น่าขำสิ้นดี ถ้าหากแม้แต่ฉันก็ยังไม่สามารถรักษาโรคให้หายได้ หรือว่าแกสามารถรักษาได้เหรอ?”
นิ่งโหย่วฉายหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วพูดว่า “เสียใจเหรอ? แกนึกว่าวิชาการแพทย์ของตัวเองจะเหนือกว่าคนของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนเหรอ? มันช่างไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง!”
“รีบไปเลยสิ! ให้ค่าตอบแทนแกฟรีๆ ก็นับว่าแกโชคดีแล้ว”
นิ่งโหย่วหรงก็มองไปยังหลินหยุน พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ถ้าฉันเป็นคุณ สิ่งแรกที่ต้องทำตอนนี้ก็คือรักษาอาการโรคของคนป่วยให้หายก่อน เพื่อจะได้พิสูจน์ฝีมือของตัวเอง แต่ไม่ใช่มาพูดคุยโวโอ้อวดอยู่ที่นี่!”
หลินหยุนไม่พูดอะไร หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
เขาสามารถรักษาโรคของนายท่านนิ่งได้จริงๆ แต่ว่า โรคของนายท่านนิ่งไม่ธรรมดาเลย และไม่สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ในเวลาอันสั้น
อีกทั้งท่าทีของคนตระกูลนิ่งเช่นนี้ แล้วหลินหยุนยังจะช่วยรักษาโรคให้นายท่านนิ่งได้อย่างไรอีก
“ใครอยากจะได้ค่าตอบแทนของพวกคุณ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะไอ้อ้วนหน้าด้านมาขอร้องฉัน ฉันก็คงไม่ไปเชิญหมอเทพหลินให้มาทนดูสีหน้าพวกคุณหรอก”
“หมอเทพหลิน พวกเราไปเถอะ!” โจวชิงเหอพูดตะคอกใส่ด้วยความโกรธเคือง
นิ่งโหย่วฉายพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “โย้ หยิ่งจองหองมากเสียด้วย งั้นพวกเราก็ประหยัดค่าตอบแทนไปได้แล้วสิ วันหลังฉันจะโยนให้ขอทานไป ขอทานพวกนั้น จะต้องสำนึกบุญคุณอันล้นพ้นของฉันแน่นอนเลย”
โจวชิงเหอพูดด้วยความโกรธว่า “พวกคุณจำสิ่งที่ทำไว้ในวันนี้ให้ดีด้วย หวังว่าพวกคุณคงไม่เสียใจในภายหลัง!”