จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 677 เครือข่ายความสัมพันธ์ของหลินโล่เฉิน
หลินโร่สุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใครบอกว่าหลินหยุนไม่ใช่คนของตระกูลหลิน คุณป้าหวางของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็ได้รับเขาเป็นลูกบุญธรรมแล้ว ต่อไปเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในตระกูลหลินพวกเราแล้ว”
หลินเชี่ยนพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฮื่อ คิดจะอาศัยเส้นสายเข้าประจบบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเพื่อจะมาเกี่ยวดองกับตระกูลหลินพวกเรา ฝันไปเถอะ!”
“ถูกต้อง ตระกูลหลินพวกเราไม่ใช่ว่าขยะอะไรที่ไหนก็รับไว้นะ!” หลินเห้าพูดเยาะเย้ยด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
หลินโร่สุ่ยพูดด้วยความโมโหว่า “พวกคุณอย่าทำเกินไปนะ! ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ คุณป้าหวางก็รับหลินหยุนไว้แล้ว อีกทั้งยังได้แจ้งข่าวให้กับเจ้าบ้านแล้วด้วย!”
“หลินหยุนจะได้เป็นคนของตระกูลหลินหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของพวกคุณเลย!”
หลินโร่หลันพูดตะคอกว่า “แกหุบปากเดี๋ยวนี้เลย! แกยังไม่มีสิทธิ์มาพูดจาอะไรที่นี่ได้!”
หลินโร่หลันเป็นฝ่ายครอบงำเสมอมา เมื่อก่อนหลินโร่สุ่ยอยู่ต่อหน้าเธอ ก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับทุกอย่างมาโดยตลอด
ตอนนี้เมื่อเห็นหลินโร่สุ่ยเพื่อคนนอกคนหนึ่งแล้ว ถึงกับอาละวาดใส่กลุ่มคนตระกูลหลิน หลินโร่หลันจะไม่โกรธได้อย่างไร!
แต่ว่า ตอนนี้หลินโร่สุ่ยก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว โดยเฉพาะคำพูดที่ว่าหลินโร่หลันย่อมไม่เคยพ่ายแพ้นั้น ไม่กี่วันที่แล้วก็ได้ถูกเธอทำลายไปแล้ว
หลินโร่สุ่ยกล้าที่จะต่อต้านแรงกดดันของหลินโร่หลันได้แล้ว
“ในเมื่อพวกคุณไม่ต้อนรับฉัน หลินหยุน พวกเราไปกันเถอะ!” หลินโร่สุ่ยทำเสียงฮื่อใส่ ลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินจากไป
หลินโล่เฉินที่ยืนดูอยู่เงียบๆมาโดยตลอด ในที่สุดก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พอแล้ว หยุดพูดกันได้แล้ว!”
“โร่สุ่ย นั่งลงสิ!”
“คนตระกูลหลิน ห้ามทะเลาะกันเอง!” น้ำเสียงของหลินโล่เฉินเยือกเย็นเล็กน้อย
ทันใดนั้น ผู้คนทั้งหมดก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย แม้แต่หลินโร่หลัน ก็ยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
แต่ว่า ทุกสายตาของคนตระกูลหลินที่มองหลินหยุนนั้น ก็ยังคงเต็มไปด้วยความดูถูกเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าหลินโร่สุ่ยจะไม่ค่อยชอบหน้าคนตระกูลหลินพวกนี้เท่าไรนัก แต่ว่า สำหรับหลินโล่เฉินซึ่งเป็นอัจฉริยะที่หนึ่งในตระกูลหลินนั้น ในใจก็ยังรู้สึกเคารพนับถืออยู่บ้าง
หลินโร่สุ่ยจึงลากหลินหยุนไปนั่งอยู่ตรงริมด้านข้าง และไม่ไปสนใจพวกคนตระกูลหลินอีกเลย
“พี่โล่เฉิน นานแล้วไม่ได้เจอกันเลย!” ชายหนุ่มในชุดเสื้อหนังสีแดงคนหนึ่ง มือถือแก้วเหล้าเดินเข้ามา แล้วยิ้มทักทายกับหลินโล่เฉิน
ชายหนุ่มคนนี้ แต่งตัวแลดูเย้ายวนบ้างเล็กน้อย
“น้องเมิ่ง หลังจากจากกันคราวที่แล้ว ก็นานแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้ากันเลย ดูหน้าตาน้องเมิ่งสดใสราศีเร่งประกาย ช่วงนี้น่าจะไม่เลวเลยสินะ!” หลินโล่เฉินพูดพลางหัวเราะ
หลินเห้าตะโกนเสียงดังตกใจว่า “นี่คือเมิ่งจื่อหยู่แห่งตระกูลเมิ่ง”
“ตระกูลเมิ่งอยู่เจียงหนาน นับว่าติดหนึ่งในห้าอันดับแรกของตระกูลใหญ่เลยทีเดียว!”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น หลินเห้าจงใจที่มองไปยังหลินหยุน ราวกับว่ากำลังอวดโชว์ให้หลินหยุนได้เห็น
หลินโร่สุ่ยก็อดไม่ได้ที่แตกตื่นเล็กน้อย “พี่โล่เฉินร้ายกาจจริงๆ แม้แต่คุณชายใหญ่ของตระกูลเมิ่งแห่งเจียงหนานก็ยังรู้จักเลย!”
หลินหยุนถามอย่างเรียบๆว่า “แล้วตระกูลเมิ่งเมื่อเทียบกับตระกูลอีล่ะ จะเป็นยังไง?”
หลินโร่สุ่ยยิ้มแล้วพูดว่า “นั่นย่อมไม่มีทางจะเทียบกันได้อยู่แล้ว ตระกูลอีเป็นเจ้าพ่อมีอิทธิพลในเจียงหนาน ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลหลินพวกเราเยอะเลย แต่อำนาจอิทธิพลของตระกูลเมิ่งยังเป็นรองพวกเราตระกูลหลินเล็กน้อย”
“อ๋อ รู้แล้วล่ะ” หลินหยุนรู้สึกหมดสนุกทันที
หลินโร่หลันสีหน้าชื่นชม เธอได้แต่อาศัยหวางเหวินหย่วน จึงจะสามารถรู้จักกับลูกหลานตระกูลใหญ่พวกนี้ได้
ส่วนหลินโล่เฉินนั้น อาศัยแต่เสน่ห์ของตัวเองเพียงอย่างเดียว ก็สามารถรู้จักกับเมิ่งจื่อหยู่คุณชายใหญ่เช่นนี้ได้แล้ว
เมื่อเทียบกับความสามารถของหลินโล่เฉินแล้ว หลินโร่หลันก็ยังรู้ตัวดีว่าสู้เขาไม่ได้
หลังจากเมิ่งจื่อหยู่แล้ว ก็ยังมีอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายหลินโล่เฉิน
นี่คือชายหนุ่มหน้าตาค่อนข้างเซ็กซี่ โดยเฉพาะดวงตาทรงดอกท้อคู่นั้น มันเป็นอาวุธที่สามารถใช้เชือดเฉือนหัวใจหญิงสาวในทันทีทันใดได้เลย
ในขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นเดินไปยังหลินโล่เฉินนั้น ก็ได้ดึงดูดสายตาของหญิงสาวจำนวนมากในทันที แม้แต่พวกเด็กสาวในตระกูลหลิน ก็ล้วนแต่มองตามด้วยสายตาแวววาว ใบหน้าอิ่มเอิบเหมือนดอกท้อ
“น้องหลิน คราวที่แล้วจากกันที่กว่างหนัน ก็ไม่ได้พบหน้ากันครึ่งปีกว่าแล้วนะ! คิดถึงจังเลย!” ชายหนุ่มคนนี้เดินเข้ามาก็สวมกอดหลินโล่เฉินอย่างสนิทสนม
หลินโล่เฉินพูดอย่างเกรงใจว่า “พี่เสิ่น ไม่พบกันครึ่งปี ราศีออร่าพี่ยิ่งดูดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก!”
“ไม่ใช่ละมั้ง สู้น้องหลินไม่ได้หรอก เด็กหนุ่มมีอนาคตก้าวไกล!”
หลินเห้าก็ตะโกนตกใจว่า “นี่น่าจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นแห่งกว่างหนันเสิ่นฉงชั่นคราวที่แล้วตอนที่ฉันได้ไปกว่างหนันกับพี่โล่เฉิน ก็เคยเห็นหน้าเขาไกลๆครั้งหนึ่งแล้ว!”
หลินเชี่ยนถามอย่างตกใจว่า “ตระกูลเสิ่นแห่งหว่างหนันไหนเหรอ?”
หลินเห้าพูดว่า “หว่างหนันยังจะมีตระกูลเสิ่นกี่ตระกูลกันล่ะ! ก็ต้องเป็นลูกพี่ใหญ่ตระกูลเสิ่นแห่งหว่างหนันสิ”
หลินเชี่ยนถามอย่างไม่เข้าใจว่า “แต่ว่า ฉันเคยได้ยินแต่ตระกูลเสิ่นแห่งหว่างหนันมีคุณหนูใหญ่เสิ่น แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีคุณชายเสิ่นอะไรเลยนี่!”
หลินเห้าพูดว่า “คุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นที่คุณพูดถึง นั่นเป็นลูกสาวของลูกพี่ใหญ่เสิ่น ฐานะสูงส่งเลยทีเดียว!”
“คุณชายเสิ่นคนนี้ เป็นลูกชายของลูกพี่ลูกน้องของลูกพี่ใหญ่เสิ่น เป็นคนที่โดดเด่นมาก ฐานะตำแหน่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของตระกูลเสิ่นนั้น ยังติดอันดับหนึ่งในสามเลย!”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง!” หลินเชี่ยนจึงเข้าใจแล้ว
หลินหยุนไม่พูดอะไร ตระกูลเสิ่นแห่งหว่างหนันนั้น เมื่อตอนอยู่ในงานสี่วีรบุรุษ ก็ถูกหลินหยุนจัดการจนราบคาบไปแล้ว ตระกูลเสิ่นในทุกวันนี้ ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลินหยุนเท่านั้นเอง
คนที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงยอดอัจฉริยะพวกนี้ ก็เป็นได้เพียงแค่นี้เอง
คาดเดาว่าคุณชายนิ่งคนนั้น คงเป็นลูกชายเศรษฐีที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาตระกูลใหญ่แล้ว
ต่อจากนั้น ก็มีคนจำนวนหนึ่งเดินตรงเข้ามาทักทายกับหลินโล่เฉิน ทำให้กลุ่มคนของตระกูลหลินต่างก็รู้สึกเป็นเกียรติไปด้วย
หลินเห้าก็ยิ่งจงใจตะโกนพูดถึงประวัติความเป็นมาของแต่ละคนต่อหน้าหลินหยุน เจตนาที่จะอวดโชว์ต่อหน้าหลินหยุน
ใบหน้าที่สะสวยของหลินโร่สุ่ยนั้น เหมือนเมฆครึ้มยามฟ้ามืด จ้องตาเขม็งใส่หลินเห้า
“พี่หลินหยุน ต้องขอโทษจริงๆ ต้องโทษที่ฉันไม่เอาไหน ไม่รู้จักใครเลย ทำให้คุณต้องถูกหลินเห้าพวกเขาดูถูกพร้อมกับฉันไปด้วย!”
หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยัยเด็กโง่ นี่จะโทษคุณได้ยังไง อีกอย่างคนพวกนี้ในสายตาฉันแล้ว ก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลย”
หลินเห้าที่คอยสังเกตหลินหยุนและหลินโร่สุ่ยอยู่ข้างๆนั้น เมื่อได้ยินก็รีบพูดเยาะเย้ยว่า “แกถึงกับดูถูกคุณชายพวกนั้นเชียวเหรอ? ช่างคุยโวโอ้อวดเสียจริง!”
“แกมันก็เป็นแค่เศษขยะที่ไปเป็นลูกบุญธรรมของคนอื่น เพื่อหวังจะมาตีตัวเสมอพวกเราตระกูลหลินเท่านั้นเอง ยังจะกล้ามาดูถูกคุณชายพวกนี้อีกเหรอ?”
“ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งในจำนวนพวกเขา ก็สามารถขยี้แกให้ตายคามืออย่างง่ายดายเหมือนขยี้มดตัวหนึ่งได้เลย”
คนตระกูลหลินที่เหลือ มองดูหลินหยุนด้วยสีหน้าดูถูก “ไอ้เด็กเวรนี่ มันช่างพูดจาคุยโวโอ้อวดเสียจริงเลย!”
“ฮื่อ คนแบบนี้ มันช่างไร้เดียงสาสุดๆเลย ฉันว่าเขาคงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณชายพวกนี้มาก่อนเลยมั้ง! คนบ้านนอกคนหนึ่ง คิดว่าสามารถจะประจบเอาใจบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปได้แล้ว ก็คิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในใต้หล้าเสียแล้ว นี่ก็คือตัวอย่างของพวกสามล้อถูกหวยล่ะ!”
“คนแบบนี้ ก็เป็นพวกยกยอปอปั้นให้คนอื่นหลงคารมเท่านั้นเอง พวกเราอย่าไปสนใจเขาเลย คนโง่แบบนั้น!”
สายตาที่หลินโร่หลันมองหลินหยุนนั้น แสดงออกถึงความขยะแขยงอย่างเหลือคณา “ไม่เข้าใจจริงๆ หลินโร่สุ่ยถูกเขาวางยาเสน่ห์อะไรกันแน่ ถึงกับหลงคารมจนไปคบกับคนแบบนี้ได้!”
หลินโล่เฉินก็รู้สึกโกรธเคืองเช่นกัน เพื่อที่จะได้รู้จักกับคุณชายพวกนั้นแล้ว เขาก็ได้ลงทุนลงแรงไปเท่าไหร่แล้ว คิดไม่ถึงว่า บอดี้การ์ดอย่างหลินหยุนนั้น ถึงกับดูถูกคุณชายที่มีชื่อเสียงโด่งดังพวกนั้นได้!
“คุณอาสะใภ้หวางถึงแม้จะไม่มีลูกชาย แต่ก็ไม่ควรจะไปหาใครก็ได้มาเป็นลูกชายตัวเองเรื่องนี้ฉันจะไปคุยกับอาสะใภ้หวางเป็นการเฉพาะเลย”
“ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ถ้าตัดประเด็นอาสะใภ้หวางไม่พูดถึงแล้ว แกก็เป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดคนหนึ่งเท่านั้นเอง ยังคู่ควรที่จะมาวิจารณ์คุณชายพวกนั้นด้วยเหรอ?”
พ่อของหลินโล่เฉินอายุมากกว่าหลินตงหัว ดังนั้นก็ควรเรียกหวางซูเฟินว่าอาสะใภ้
หลินโร่สุ่ยรีบอธิบายแก้ตัวว่า “หลินหยุนเขาไม่ใช่เป็นบอดี้การ์ดนะ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว”
หลินหยุนกลับรั้งเธอเอาไว้ ส่งสัญญาณให้เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายเลย
ต่อให้อธิบายไปแล้ว คนพวกนี้ก็ไม่เชื่ออยู่ดี
แน่นอน ข่าวคราวที่เขาเป็นบอดี้การ์ดนั้น ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเป็นฝีมือของหลินโร่หลันที่เจตนาปล่อยข่าวออกไปอย่างแน่นอน
ก็มีเพียงแต่หลินโร่หลันและหลินโร่สุ่ยเท่านั้นที่ได้ยินการสนทนาระหว่างเขากับฉินหลัน
หลินหยุนนั่งอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ ก้มหน้าลงไม่พูดจาอะไร ปล่อยให้คนพวกนั้นแสดงดราม่ากันให้เต็มที่ ยิ่งกระโดดสูงเท่าไร ถึงเวลาตกลงมาก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น