จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 697 สีหน้าท่าทางที่น่ารังเกียจของหลินโร่หลัน
ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก โดยเฉพาะพวกที่เคยดูถูกหลินหยุนตั้งแต่แรกอย่างหลินตงเย่วและหานเจียวเจียวพวกนั้น
ต่างก็ช็อกจนอ้าปากค้างสักพักใหญ่ก็ยังหุบไม่ลง
ผ่านไปสักครู่ คนตระกูลหลินบางคนจึงตั้งสติกลับคืนมาได้
หานเจียวเจียวสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ สายตาที่มองดูหลินหยุนราวกับถูกผีหลอก “นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? เขาถึงกับถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำแห่งชีวิตไว้ได้!”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง! เขาทำได้ยังไงกัน?”
ข้อสงสัยของหานเจียวเจียว ก็เป็นข้อสงสัยของผู้คนตระกูลหลินทั้งหมด แต่ว่าข้อสงสัยนี้ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ เพราะว่าไม่มีใครกล้าที่จะไปสงสัยผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองอีกแล้ว
อีกทั้ง เมื่อครู่เจ้าบ้านก็ออกหน้าด้วยตัวเองแล้ว ให้ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองตรวจพิสูจน์แล้ว ถ้าพวกเขายังกล้าสงสัยอยู่อีกละก็ ไม่เพียงแต่เป็นการสงสัยกรรมการผู้ตรวจสอบแล้ว ก็ยังเป็นการสงสัยนายท่านหลินซื่อเฉิงอีกด้วย
หลินตงเย่วสีหน้าบูดบึ้งมองไปยังหลินหยุน ในใจก็ว้าวุ่นราวกับคลื่นทะเลซัดสาด
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง! เขาอายุน้อยเพียงแค่นี้ ทำไมถึงมีหุ้นส่วนในน้ำแห่งชีวิตได้ด้วยล่ะ? ต้องรู้ว่าน้ำแห่งชีวิตนั้นแม้แต่ตระกูลหวางซูเฟินทั้งสี่แห่งเมืองหลวงก็ยังไม่สามารถแตะต้องของล้ำค่านี้ได้เลย!”
“ลำพังแค่ถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำแห่งชีวิต ก็สามารถเทียบเท่ากับตระกูลหลินถึงสิบตระกูลด้วยซ้ำไป!”
“น่าขำเสียจริง เมื่อกี้ฉันถึงกับสงสัยว่าเขาอาศัยความช่วยเหลือจากบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปจึงจะสามารถทำกำไรได้ถึงพันล้าน!”
“ฮ่าๆ พันล้านจิ๊บจ้อยแค่นี้ สำหรับคนใหญ่คนโตที่ถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำแห่งชีวิต คนหนึ่งแล้ว มันจะสักเท่าไรกันเชียว?”
หลินตงถิงมองดูหลินตงหัวด้วยสีหน้าตื้นตัน “ตงหัว นายได้ลูกชายที่ประเสริฐจังเลยนะ!”
หลินตงหัวมองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้ามึนงง จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้สติกลับคืนมาจากอาการช็อกเลย
ครั้งแรกมีทรัพย์สินพันล้าน จากนั้นก็ตามมาด้วยมีหุ้นส่วนในโรงหมอเทพเซียน สุดท้ายแล้วก็ถือหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำแห่งชีวิตซึ่งมีอนาคตที่ก้าวไกลอย่างไร้ขอบเขต นี่ราวกับเป็นลูกระเบิดที่ทยอยระเบิดลงมาทีละลูกเลยทีเดียว
จนหลินตงหัวแทบจะแบกรับไม่ไหว
จนกระทั่งได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่หลินตงถิง จึงทำให้หลินตงหัวตื่นจากอาการช็อก
“นี่ เด็กคนนี้อาจจะอาศัยความโชคดีเท่านั้นเอง! ไม่เหมือนโล่เฉินบ้านพี่นั่นหรอก จึงจะนับได้ว่ามีความสามารถอย่างแท้จริง!”
เดิมทีหลินตงหัวเพียงแต่พูดอย่างถ่อมตัวเท่านั้น แต่ว่าหลินโล่เฉินได้ยินแล้ว กลับรู้สึกเป็นการเสียดสีอย่างรุนแรง
ความสามารถที่แสดงออกมาของหลินหยุนคนเดียว ก็สามารถอยู่เหนือตระกูลหลินถึงสิบเท่าแล้ว หลินตงหัวถึงกับพูดว่าเป็นเพราะความโชคดี พูดว่าสู้ตัวเองไม่ได้
นี่ไม่ใช่การพูดเสียดสีแล้วจะเป็นอะไรได้ล่ะ?
หลินตงถิงก็รู้สึกหน้าแดงขึ้นมาเช่นกัน นึกว่าหลินตงหัวเจตนาพูดประชดประชันเขา ก็ใครกันที่ไปดูถูกหลินหยุนก่อนล่ะ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถ้าหลินตงหัวกล้าพูดเช่นนี้ละก็ หลินตงถิงจะต้องโต้เถียงกลับไปอย่างแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้หลินหยุนมีอำนาจอิทธิพลแข็งแกร่งขนาดนี้ หลังจากนี้ไปอาจไม่แน่ต้องอาศัยหลินหยุนช่วยค้ำจุนอีกแรงด้วยซ้ำไป
หลินตงหัวในฐานะเป็นพ่อของหลินหยุน ตำแหน่งฐานะก็ย่อมต้องสูงส่งขึ้นตามไปด้วย อาจไม่แน่นายท่านอาจจะยกตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับหลินตงหัวก็ได้
ต่อให้หลินตงถิงที่เป็นพี่ใหญ่คนนี้ ก็ยังต้องเคารพให้หลินตงหัวเลย
ดังนั้นหลินตงถิงจึงได้แต่อดทนไว้ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
สวี่เหม่ยเย้นตอนนี้ก็เสียใจอย่างสุดซึ้ง เธอคิดไม่ถึงจริงๆเลยว่า หลินหยุนถึงกับร้ายกาจขนาดนี้!
ถ้าก่อนหน้านี้พวกเธอสองคนสามีภรรยา ไม่ไปขัดแย้งกับหวางซูเฟินละก็ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างหลินโร่สุ่ยกับหลินหยุนตอนนี้ ครอบครัวพวกเขาจะต้องเป็นคนสนิทมากที่สุดของครอบครัวหลินตงหัวอย่างแน่นอน
บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปของหวางซูเฟินนั้น ถึงแม้พวกเขาชื่นชอบก็จริง แต่จะไม่แยแสก็ได้
แต่ว่าหุ้นส่วนของโรงหมอเทพเซียน หุ้นส่วนในน้ำแห่งชีวิต พวกเขากลับอยากจะเข้าไปประจบประแจงแทบไม่ทัน
“ฉัน ก่อนหน้านั้นฉันทำไมถึงปากพล่อยแบบนั้นนะ! อยู่ดีๆฉันไปหาเรื่องโจมตีหวางซูเฟินทำไมกัน!”
นายท่านหลินซื่อเฉิงนั่งอยู่ตรงแถวแรก ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที “ฮ่าๆๆ…..สุดยอดไปเลย! คิดไม่ถึงจริงเลย ปั้นปลายชีวิตของฉันยังได้รับความปรานีจากสวรรค์ ทำให้ตระกูลหลินมีผู้สืบทอดต่อไปแล้ว!”
“ตงหัว ซูเฟิน พวกนายได้ให้กำเนิดลูกชายที่แสนประเสริฐจริงๆเลย!”
คราวนี้ ท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งสี่ที่เหลือ ถึงแม้ในใจก็แอบชื่นชมอิจฉา แต่ก็ตื่นเต้นดีใจมาก
ถึงแม้ว่าหลินหยุนไม่ใช่ลูกหลานตระกูลทางสายของพวกเขาโดยตรงก็จริง แต่ยังไงเขาก็เป็นลูกหลานตระกูลหลิน ถ้ายังมีเขาอยู่ อนาคตของตระกูลหลินจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!
ท่านหลินห้าลุกขึ้นยืนกะทันหัน มองไปยังหลินหยุนแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “หลินหยุน ฉันขอถอนคำพูดเมื่อครู่นี้ แล้วต้องขอโทษนายด้วย หวังว่านายคงให้อภัย!”
หลินตงหัวรีบลุกขึ้นยืนโค้งคำนับ “คุณอาห้าอย่าทำแบบนี้เลย เดี๋ยวขี้กลากจะขึ้นหัวลูกหลาน หลินหยุน รีบมาคารวะปู่ห้าเร็ว!”
หลินหยุนในใจไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับปู่ห้ามากนัก นิสัยของผู้อาวุโสคนนี้แยกแยะผิดถูกชั่วดี รังเกียจสิ่งชั่วร้าย
ถึงแม้ว่าชาติที่แล้วเขาก็รังเกียจหลินหยุนก็ตาม แต่นั่นเป็นเพราะว่าหลินหยุนเองไม่เอาไหนจริงๆ
แต่ว่ารังเกียจก็ส่วนรังเกียจ ปู่ห้าคนนี้ก็ยังมีความยุติธรรมอยู่บ้าง
“ปู่ห้าพูดเกินไปแล้วครับ” หลินหยุนโค้งตัวลงเล็กน้อยทำความเคารพ น้ำเสียงเรียบเฉยไม่รีบไม่ร้อน
ถ้าเป็นเมื่อครู่นี้ละก็ ด้วยท่าทางหลินหยุนเช่นนี้ จะต้องถูกผู้คนทั้งหลายมองว่ายโสโอหังอีกอย่างแน่นอน
แต่ว่าตอนนี้ ท่าทีของหลินหยุนเป็นเช่นนี้ กลับทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเหมาะสมกับฐานะของเขาแล้ว
ท่านหลินสี่ยิ้มแล้วพยักหน้า “ดี ไม่เย่อหยิ่งไม่วู่วาม ไม่รีบไม่ร้อน มีบุคลิกของคนมีสกุลรุนชาติ!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็ชมเชยยกยอ จนหลินหยุนตัวแทบจะลอยขึ้นฟ้าไปเลย
หลินโร่สุ่ยตื่นเต้นจนใบหน้าแดงก่ำ ราวกับว่าดีใจมากยิ่งกว่าตัวเองได้รับเกียรติเสียอีก
“พี่หลินหยุน ยินดีด้วยนะ!”
หลินหยุนส่งยิ้มให้กับหลินโร่สุ่ยเล็กน้อย
หลินโร่หลันที่อยู่อีกด้านหนึ่ง สีหน้าบึ้งตึง จิตใจสับสนวุ่นวาย มีทั้งความรู้สึกอิจฉาและทั้งชื่นชม อีกทั้งยังรู้สึกเสียใจมากอีกด้วย
เธอคิดอยากจะคบหากับคนใหญ่คนโตมาโดยตลอด เพื่อหวังจะอาศัยคนใหญ่คนโตในการช่วยเหลือธุรกิจของตัวเองให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
แต่ว่า คนใหญ่คนโตอย่างหลินหยุนเช่นนี้ ตัวเองถึงกับเป็นศัตรูกับเขาไปแล้ว
หลินโร่หลันจะไม่เสียใจได้อย่างไรกัน?
เมื่อนึกถึงหุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำแห่งชีวิตแล้ว ลมหายใจของหลินโร่หลันก็รู้สึกถี่แรงขึ้นทุกที
มองดูสีหน้าที่ดีใจของหลินโร่สุ่ยแล้ว ในใจของหลินโร่หลันก็ยิ่งทำใจไม่ได้
มองไปยังเงาร่างที่เรียบง่ายของหลินหยุนท่ามกลางฝูงชนนั้น หลินโร่หลันก็กัดฟันไว้แน่น แล้วค่อยๆเดินเข้าไปหา
“หลินหยุน ยินดีด้วยนะ! ก่อนหน้านั้นฉันเข้าใจคุณผิดไป หวังว่าคุณอย่าเก็บเอามาใส่ใจเลยนะ!” น้ำเสียงของหลินโร่หลันอ่อนโยน ใบหน้าเอียงอาย แสร้งทำสีหน้าท่าทางที่น่าทะนุถนอม
หลินโร่หลันเชื่อว่า ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเธอตอนนี้แล้ว ย่อมจะต้องใจอ่อนอย่างแน่นอน
หลินหยุนก็เป็นผู้ชาย ย่อมไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น
แต่เสียดายที่ว่า หลินหยุนได้รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไรตั้งแต่แรกแล้ว ย่อมไม่หลงใหลไปกับสีหน้าท่าทางที่เธอแกล้งแสดงออกมาอย่างแน่นอน
หลินหยุนมองดูเธอแล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “วางใจเถอะ ฉันไม่เคยเก็บใส่ใจอยู่แล้วเพราะว่าฉันไม่เคยเห็นคุณอยู่ในสายตาแต่ไหนแต่ไรเลย”
ใบหน้าที่สวยสดใสของหลินโร่หลันเปลี่ยนเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที
คำพูดที่ว่าไม่เคยเห็นคุณอยู่ในสายตาเลย มันคมยิ่งกว่ามีดทุกชนิด ที่ทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจส่วนที่อ่อนแอที่สุดของผู้หญิงที่เย่อหยิ่งอย่างหลินโร่หลัน
หลินโร่หลันคิดอยากจะตะโกนด่าออกมา แต่ว่าเมื่อนึกถึงอำนาจบารมีอันแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลังของหลินหยุนแล้ว เธอก็ได้แต่อดกลั้นเอาไว้
ถ้าหากสามารถทำให้หลินหยุนอภัยให้แล้วล่ะก็ ต่อให้ต้องอัดอั้นตันใจบ้างก็ยังถือว่าคุ้มค่าแล้ว
หลินโร่หลันยิ่งแกล้งทำเป็นไม่ได้รับความเป็นธรรม พูดด้วยน้ำเสียงแฝงเสียงสะอื้นว่า “ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนฉันไม่ดีเอง คุณอยากจะด่าก็เชิญด่าได้เต็มที่เลยค่ะ หวังว่าคุณคงให้อภัยฉัน! อย่างน้อยพวกเราก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน!”
ถ้าหากหลินหยุนไม่รู้จักนิสัยธาตุแท้เดิมของหลินโร่หลันมาก่อนละก็ อาจไม่แน่จะใจอ่อนกับท่าทางที่น่าสงสารของเธอเช่นนั้นจนยอมให้อภัยเธอก็ได้
แต่ว่า เมื่อรู้จักธาตุแท้ของหลินโร่หลันแล้ว มองเห็นสีหน้าท่าทางที่น่าสงสารของหลินโร่หลันตอนนี้แล้ว แทบอยากจะอาเจียนออกมา
“คุณรู้หรือเปล่าว่า หน้าตาของคุณตอนนี้น่าเกลียดมากเลย”
“คุณไปซะเถอะ ฉันไม่อยากจะข้องเกี่ยวอะไรกับคุณอีก”
หลินหยุนเอ่ยปากไล่แขกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
สายตาของหลินโร่หลันส่องประกายแววชั่วร้าย แต่ว่ากลับไม่แสดงออกมาให้เห็น พูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกินว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณยังโกรธอยู่ รอให้คุณหายโกรธก่อนฉันค่อยมาขอโทษคุณก็แล้วกัน”
พูดจบ ก็หันหลังแล้วเดินจากไปด้วยความอัดอั้นตันใจ
หลินหยุนไม่ได้ไปสนใจเธออีก ถ้าอยากให้ผู้หญิงที่ร้อยเล่ห์มารยาแบบนี้ตายใจละก็ มีแต่จะต้องทำให้เธอสิ้นหวังเท่านั้น