จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 698 นายตามฉันมา
หลินโร่หลันเดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง สีหน้าบูดบึ้งทันที
สวี่เหม่ยเย้นถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเด็กนั่นพูดอะไรกับลูกเหรอ?”
หลินโร่หลันกำหมัดไว้แน่น พูดด้วยความโกรธแค้นว่า “เขาทำเหมือนลูกไม่มีตัวตนเลย”
สวี่เหม่ยเย้นรู้สึกโกรธมาก “ฮื่อ เจ้าเด็กนี่เหิมเกริมเกินไปแล้ว! เขานึกว่าตัวเองถือหุ้นในน้ำแห่งชีวิต แล้วก็รู้สึกตัวเองเจ๋งมาก…….”
พูดไปพูดมา สวี่เหม่ยเย้นเองก็พูดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
มีหุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ในน้ำแห่งชีวิต มันย่อมต้องเจ๋งเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้นหลินโร่หลันก็ไม่ถึงกับต้องลงทุนไปขอโทษหลินหยุนด้วยตัวเองเช่นนี้ แม้กระทั่งถูกหลินหยุนหยามเกียรติ ก็ยังไม่ยอมรามืออีก
“ฮื่อ โร่หลันไม่ต้องใจร้อน นี่เป็นแค่การประเมินผลงานตระกูลเท่านั้น ก็ปล่อยให้เจ้าเด็กนั้นได้ใจไปก่อน ต่อจากนี้ไป พวกเราจะแข่งกันทางเครือข่ายความสัมพันธ์ ด้วยความสามารถของหลินตงหัวแล้ว ปีนี้เขาจะต้องรั้งท้ายอย่างแน่นอน ต่อให้เจ้าเด็กนั่นเก่งกาจไม่ธรรมดายังไงก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางจะช่วยให้หลินตงหัวพลิกเกมกลับมาได้หรอก”
สวี่เหม่ยเย้นสีพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
หลินโร่หลันไม่ได้พูดอะไร สายตายังคงจ้องไปยังหลินหยุน โดยไม่ละสายตาเลย
นายท่านหลินซื่อเฉิงก็ยืนขึ้นมาพูดว่า “ทุกคนโปรดเงียบสักครู่!”
หลังจากนั้น สายตาของเขาก็หันไปมองผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง “ตอนนี้ประกาศผลได้แล้วหรือยัง?”
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองพยักหน้า “ได้แล้วครับ”
หลินซื่อเฉิงพูดว่า “ถ้างั้นก็ประกาศผลเลยสิ!”
ทันใดนั้นภายในห้องโถงใหญ่ก็เงียบสงัด จนแม้แต่เข็มสักเล่มตกลงพื้นก็ยังได้ยิน
สายตาของผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองก็กวาดไปยังลูกหลานที่เข้าร่วมประเมินผลงานทั้งหลาย พร้อมด้วยส่งเสียงประกาศ
“ฉันขอประกาศว่า คนที่ได้ที่หนึ่งในการประเมินผลงานของตระกูลครั้งนี้ได้แก่ หลินหยุน!”
“ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น ไม่สามารถประเมินค่าได้!”
ในใจทุกคนต่างก็รู้สึกช็อกอีกครั้งหนึ่ง
ตามประวัติการประเมินผลงานของตระกูลที่ผ่านมาทุกครั้ง ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดก็ไม่เกินแปดสิบเท่าซึ่งเป็นสถิติของหลินเหยียนอัจฉริยะสุดยอดของตระกูลหลินที่ทำไว้เมื่อห้าสิบปีที่แล้ว
แต่ว่า ตอนนี้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นของหลินหยุนนั้น ไม่ใช่หนึ่งพันเท่า และไม่ใช่หนึ่งหมื่นเท่า แต่เป็นไม่สามารถประเมินค่าได้!
นี่คือผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาตั้งแต่ที่ตระกูลหลินเริ่มใช้ระบบประเมินผลงานของตระกูล นับว่าเป็นผลงานสุดยอดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย
“ด้วยความแข็งแกร่งของน้ำแห่งชีวิตแล้ว ทรัพย์สินที่สามารถหามาได้ก็ไม่สามารถจะคาดคะเนออกมาได้ ดังนั้นผลงานของหลินหยุนก็ไม่สามารถประเมินค่าได้เช่นกัน!”
ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลาย ต่างก็รู้สึกช็อกและอิจฉา
ผู้ตรวจสอบอาวุโสอ่านต่อไปว่า “ลำดับที่ 2 หลินเห้า”
“ลำดับที่ 3 หลินโร่สุ่ย…….”
คราวนี้ ผู้ตรวจสอบอาวุโสก็อ่านรวดเดียวจบเลย
มีแต่ในช่วงเวลาที่อ่านของหลินหยุนนั้น เจตนาที่หยุดเว้นวรรคสักครู่
จะเห็นได้ว่า ปฏิบัติต่อหลินหยุนเป็นกรณีพิเศษ
หลังจากอ่านจบแล้ว ผู้ตรวจสอบอาวุโสก็หันหน้าไปยังหลินซื่อเฉิงยกมือคารวะแล้วพูดว่า “เจ้าบ้านครับ การตรวจสอบครั้งนี้ได้จบสิ้นลงแล้ว ขอคำชี้แนะด้วย!”
หลินซื่อเฉิงพูดอย่างเกรงใจว่า “ทั้งสองท่านลำบากแล้ว ขอเชิญกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
“ขอบคุณเจ้าบ้านครับ!” ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
หลินซื่อเฉิงมองไปยังหลินหยุน ยิ้มด้วยสีหน้าที่อบอุ่น “หลินหยุน นายยังไม่ได้รับเงินทุนตั้งต้นของตระกูลเลย แต่ว่า นายกลับสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา ทำให้ทุกคนในตระกูลทั้งหมดต่างก็รู้สึกละอายใจ!”
“ในฐานะที่ได้ที่หนึ่งในการเข้าร่วมประเมินของตระกูลครั้งนี้ บอกมาได้เลยว่า นายอยากได้อะไร? ขอเพียงให้นายพูดออกมา ฉันก็ยอมตกลงให้ได้ทั้งนั้น”
ทุกคนต่างก็ตกใจ!
ท่าทีของหลินซื่อเฉิงเช่นนี้เจตนาเข้าข้างหลินหยุนอย่างเห็นได้ชัดเลย!
รางวัลที่หนึ่งของการประเมินผลงานตระกูลเป็นเงินรางวัลสามสิบล้าน โดยมอบให้กับคนที่ได้ที่หนึ่งเอาไปใช้จ่ายอย่างอิสระ
แต่ว่า รางวัลของหลินซื่อเฉิงนี้ กลับยิ่งล้ำค่ามากกว่าเงินรางวัล 30 ล้านเสียอีก
“เจ้าบ้านครับ ทำเช่นนี้ไม่เหมาะแล้วล่ะ! กฎกติกาไม่ควรจะเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่ได้ที่หนึ่งในอดีตที่ผ่านมาจะต้องรู้สึกไม่พอใจอย่างแน่นอน” หลินตงถิงลุกขึ้นพูดเป็นคนแรก
อีกทั้ง หลินตงถิงก็มีสิทธิ์ที่จะพูดเช่นนี้ด้วย เพราะว่าหลินโล่เฉินก็เคยได้ที่หนึ่งในการประเมินผลงานตระกูลเหมือนกัน รางวัลของเขาก็มีเพียงแค่เงินจำนวน 30 ล้านเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นหลินหยุนแล้ว หลินซื่อเฉิงก็จะเปลี่ยนเป็นรางวัลที่ล้ำค่าเช่นนี้ ในใจของหลินตงถิงย่อมไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
หลินซื่อเฉิงพูดว่า “หลินหยุนยังไม่เคยได้รับเงินทุนจากตระกูลเลยแม้แต่แดงเดียว แต่กลับสร้างผลงานร่ำรวยมหาศาลน่าตกใจขนาดนี้ ถ้าหากยังคงใช้หลักเกณฑ์การให้รางวัลแบบเดิมนั้น สำหรับเขาแล้วจะมีหรือไม่มีก็ไม่มีความหมายอะไร”
“ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรางวัลขึ้นมาชั่วคราว”
หลินตงเย่วก็ยืนขึ้นมาพูดอย่างเข้มงวดว่า “เจ้าบ้านครับ หลินตงถิงพูดก็ถูกต้อง กฎกติกาไม่ควรจะแก้ไขอย่างง่ายดายเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว จะทำให้พวกลูกหลานตระกูลหลินก่อนหน้านั้นยอมรับได้ยังไงกันล่ะ!”
คนตระกูลหลินรุ่นที่สองที่เหลือก็ทยอยลุกขึ้นมา พูดเตือนห้ามหลินซื่อเฉิงไว้
ใครก็ไม่อยากให้หลินหยุนได้เปรียบขนาดนี้
เผื่อว่าหลินหยุนคิดอยากจะได้ครอบครองตระกูลหลินล่ะ? ต่อไปหลินหยุนก็ต้องกลายเป็นเจ้าบ้านของตระกูลหลิน แล้วคนพวกนี้พวกเขาจะทำยังไง?
ในบรรดาท่านผู้ใหญ่ตระกูลหลินทั้งห้าที่เหลืออยู่ไม่กี่คนนั้น ก็รู้สึกไม่ค่อยเหมาะเช่นกัน ต่างก็ทยอยส่งเสียงคัดค้านตามมา
“เจ้าบ้าน กฎกติกาไม่สมควรจะแก้ไขโดยพลการนะครับ!”
หลินซื่อเฉิงเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็ทยอยออกมาคัดค้าน แม้แต่พี่น้องของเขาเองก็ยังไม่เห็นด้วย ในใจก็รู้สึกเศร้าหมองขึ้นมาทันที
“อ่าย พวกคุณก็ได้แต่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นเอง ไม่เคยคิดทำเพื่อตระกูลหลินเลย”
“ด้วยความสามารถของหลินหยุนในตอนนี้ เขายังจะมาสนใจตระกูลหลินเหรอ? ถ้าหากเขาอยากจะได้ตระกูลหลินจริงละก็ สำหรับตระกูลหลินแล้ว นับว่าได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลด้วยซ้ำไป!”
แต่ว่า ทุกคนต่างก็มองเห็นแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเองเท่านั้น เกรงว่าถ้าหลินหยุนได้มากเกินไปแล้ว จะทำให้พวกเขาสูญเสียผลประโยชน์ได้
นายท่านหลินซื่อเฉิงก็โบกมือพูดว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อพวกคุณต่างก็ไม่เห็นด้วย งั้นก็ทำตามกฎกติกาเดิมในการมอบรางวัลก็แล้วกัน!”
หลินหยุนพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า “คุณปู่ครับ รางวัลของผมมอบให้กับหลินโร่สุ่ยเถอะ ผมไม่ต้องการหรอกครับ”
ทุกคนต่างตกตะลึง!
นั่นเป็นเงินรางวัลถึง 30 ล้านเชียวนะ!
หลินหยุนแค่เอ่ยปากพูดคำเดียวแค่นี้ก็มอบให้คนอื่นไปแล้ว?
หลินโร่สุ่ยอึ้งไปสักครู่ ก็รีบส่ายมือทั้งสองข้างไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน “ไม่ๆๆ พี่หลินหยุน นี่เป็นรางวัลของคุณเอง ฉันจะรับได้ยังไงล่ะ!”
หลินหยุนยิ้มอย่าเรียบเฉย “เอาไปเถอะ บริษัทของคุณเพิ่งเริ่มต้นกิจการใหม่ กำลังต้องการเงินอยู่พอดี ถ้าคุณไม่เอา งั้นก็ต้องคืนให้กับตระกูลไปแล้วกัน!”
คืนให้กับตระกูล ก็ทำให้คนอื่นได้เปรียบเท่านั้นเอง อีกทั้งตอนนี้หลินโร่สุ่ยก็กำลังต้องการเงินจริงๆ
หลินโร่สุ่ยก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นก็ได้ ถือว่าฉันยืมคุณมาก่อนก็แล้วกัน วันหลังฉันค่อยคืนให้คุณ”
หลินซื่อเฉิงก็พยักหน้า “งั้นก็ได้ รางวัลของหลินหยุน ก็มอบให้กับหลินโร่สุ่ย!”
“หลินหยุน นายตามฉันมา! ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับนายหน่อย” หลินซื่อเฉิงมองไปยังหลินหยุน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ คุณปู่!” สีหน้าหลินหยุนเรียบเฉย เดินตามหลังหลินซื่อเฉิงออกไป
ผู้คนต่างก็หันมามองหน้ากัน นายท่านไม่ค่อยจะเรียกใครต่อหน้าคนจำนวนมากเข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว อย่างน้อยเขาเป็นถึงเจ้าบ้าน ทำเช่นนี้อาจทำให้ผู้คนเกิดการเข้าใจผิดก็ได้
แต่วันนี้นายท่านกลับไม่สนใจความเห็นของคนส่วนใหญ่เลย เรียกหลินหยุนตามไป
นี่เป็นการได้รับเกียรติที่ยิ่งใหญ่มากเลย!
พวกเด็กรุ่นหลังของคนตระกูลหลิน สีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมและอิจฉา
หลินโล่เฉินและหลินโร่หลันสีหน้าบึ้งตึง ต่อให้พวกเขาทั้งสองคนเป็นถึงอัจฉริยะของตระกูลหลินก็ตาม ก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่พิเศษเช่นนี้เลย
เฉินเห้าแอบกำหมัดไว้แน่น สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก “หลินหยุน ทุกสิ่งทุกอย่างมันควรจะเป็นของฉันคนเดียว! เป็นเพราะแกแย่งชิงไปหมด แกคอยดูนะ ฉันจะต้องเอาเกียรติยศชื่อเสียงที่ควรจะเป็นของฉันกลับคืนมาให้ได้!”
หลังจากที่หลินซื่อเฉิงพาหลินหยุนออกไปแล้ว พี่ใหญ่ตระกูลหลินก็ยืนขึ้นมาประกาศว่า “ทุกคนเชิญไปที่ห้องอาหารรับประทานอาหารกันก่อน!”
หานเจียวเจียวมองหน้าหวางซูเฟิน แล้วพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า “พี่สะใภ้ คุณให้กำเนิดลูกชายที่แสนดีจริงๆเลยนะ!”
“ต่อจากนี้ไป ครอบครัวพวกคุณก็คงไม่เห็นพวกเราตระกูลหลินอยู่ในสายตาแล้วสิ!”
คนตระกูลหลินคนอื่นที่เหลือทั้งหลาย ต่างก็จ้องมองหวางซูเฟินด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
หวางซูเฟินไม่เข้าใจจิตใจคนพวกนี้จริงๆ เมื่อก่อนคนพวกนี้โจมตีเธอว่าไม่สามารถมีลูกได้ แต่ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่ได้พบกับลูกชายที่ไม่เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้ว อีกทั้งยังเป็นถึงอัจฉริยะที่ดีที่สุดในตระกูลหลินอีกด้วย
แต่ว่า คนพวกนี้ก็ยังคงพูดจาไม่หวังดีกับต่อเธอเช่นเคย
สรุปแล้วก็คือ เป็นเพราะหวางซูเฟินใจดีมีเมตตาเกินไป
หวางซูเฟินกวาดสายตามองไปยังหานเจียวเจียว แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “เป็นยังไงเหรอ? อิจฉาเหรอ? คุณพูดถูกแล้ว ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกคุณอยู่ในสายตาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“หลังจากกลับไปแล้ว ฉันจะให้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปตัดขาดธุรกิจทุกอย่างกับบริษัทของคุณให้หมดเลย”
หานเจียวเจียวหน้าถอดสี พูดด้วยความโมโหว่า “คุณกล้าเหรอ? พวกเราได้เซ็นสัญญากันไว้แล้วนะ!”
“งั้นก็จ่ายค่าผิดสัญญาให้คุณไปก็แล้วกัน เงินแค่นั้นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปฉันไม่เคยแยแสอยู่แล้ว!”
“คุณ………” หานเจียวเจียวพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว