จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 7 เพื่อนร่วมชั้นชาติที่แล้ว
บทที่ 7 เพื่อนร่วมชั้นชาติที่แล้ว
กลุ่มชายหนุ่มและหญิงสาวอายุไล่เลี่ยกับหลินหยุนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มประชดประชัน
คนที่เอ่ยพูดเป็นชายหนุ่มที่ในมือกำลังถือแส้ ท่าทางหยิ่งผยองอวดดี
คนเหล่านี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของหลินหยุน ชายหนุ่มที่พูดมีชื่อว่าจางจื่อเห้า ที่บ้านเปิดธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต มีมูลค่ากว่าสิบล้าน
“หลินหยุน ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้เจอนายมานานตั้งนาน ตอนนี้นายเป็นอย่างไรบ้าง?” หญิงสาวหน้าสดใสบริสุทธิ์ในนั้นถามขึ้นด้วยน้ำเสียงความประหลาดใจ
หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงสไตล์เจ้าหญิงสีดำ แม้ว่าจะไม่ใช่แบรนด์ดัง แต่เมื่ออยู่บนตัวเธอกลับดูดีอย่างยิ่ง
ที่ทำให้คนประทับใจก็คือ หญิงสาวมีใบหน้าราวกับตุ๊กตา แต่กลับมีทรวดทรง 36dที่น่าภูมิใจ สามารถใช้คำบรรยายที่ว่า “หน้ามัธยม นมมหาลัย” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หญิงสาวมีชื่อว่าอันซิน เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของหลินหยุนเช่นกัน และเป็นดาวประจำโรงเรียนในตอนนั้น ได้ยินมาว่าเมื่อไปมหาวิทยาลัยเธอก็เป็นดาวมหาลัยด้วยเช่นกัน
ในช่วงมัธยมปลายปีสามมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาติวหนังสือจนค่ำ อันซินถูกพวกอันธพาลกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ เป็นหลินหยุนที่ช่วยเธอ
จากนั้น อันซินก็แอบตกหลุมรักหลินหยุน
น่าเสียดายที่หลินหยุนมีความนับถือตนเองต่ำในชาติก่อน แม้จะรู้ว่าอันซินมีใจให้เขา แต่เขากลับไม่กล้าตอบรับ
แต่อันซินกลับไม่เคยเปลี่ยนใจ ได้ยินมาว่าหลังจากที่อันซินเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่เคยมีแฟนเลยสักคน
เมื่อหลินหยุนถูกพ่อแม่หาตัวเจอและกลายเป็นลูกเศรษฐี เขาก็มาหาอันซิน แต่กลับไม่พบเธออีกเลย
ต่อมาเขาได้ยินนักเรียนบางคนพูดว่า ครอบครัวของอันซินไปทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองเข้า จากนั้นจึงถูกบังคับให้ออกจากหลินโจวไป
“ชาติที่แล้วฉันเป็นหนี้เธอมากมาย ชาตินี้ฉันจะพยายามชดใช้ห้ดีที่สุด!”
หลินหยุนมองพวกจางจื้อเห้าหลาย ๆ คนไป และมองไปที่อันซิน จากนั้นจึงเดินไปตรงหน้าเธอก่อนจะยิ้มอย่างอบอุ่น “ฉันสบายดี เธอสบายดีไหม?”
อันซินประหลาดใจอยู่ ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่หลินหยุนและเธอคุยกัน เขามักจะมองไปทางอื่นเสมอ จนอันซินคิดไปว่าหลินหยุนรังเกียจเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินหยุนสบตาเธอขณะพูดคุยกัน ระยะทางที่ใกล้ขนาดนี้ ทำให้อันซินสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของบุรุษอันแข็งแกร่งจากหลินหยุน
ยิ่งไปกว่านั้นหลินหยุนยังยิ้มให้เธอด้วย รอยยิ้มนั้นอ่อนโยนอย่างยิ่ง
แม้จะรู้ว่าหลินหยุนแต่งงานแล้ว แต่ใบหน้าเล็ก ๆ ของอันซินก็ยังเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอก้มหน้าลงและเอ่ยเสียงเบา “ฉันสบายดี ขอบคุณพี่หลินที่ไถ่ถาม!”
หลินหยุนยื่นมือออกไปลูบผมที่กระจายอยู่ตรงหน้าผากเธอ เอากล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “จำหมายเลขโทรศัพท์มือถือของฉันได้ไหม จากนี้ไปถ้ามีเรื่องอะไร อย่าลืมโทรหาฉัน”
“อืม!” อันซินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ดวงตาของหลินหยุนด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นจึงก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
ในใจของอันซินกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย “การกระทำของพี่หลินหยุนราวกับว่าสนิทชิดเชื้ออย่างยิ่ง แต่ว่าเขาดูแต่งงานแล้ว …”
ความชิดเชื้อนี้ของหลินหยุนเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้หลินหยุนมีจิตใจเป็นสัตว์ประหลาดโบราณที่ได้บำเพ็ญเซียรมานานกว่า 800 ปี ในสายตาของเขา อันซินก็เสมือนน้องสาวตัวน้อยคนหนึ่ง
แต่ จางจื้อเห้าและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างๆ กลับมีสีหน้าเยียบเย็นลงอย่างกะทันหัน ไม่ง่ายเลยกว่าที่พวกเขาจะหาข้ออ้างยัดอันซินออกมาได้ แต่อันซินกลับมีท่าทีเฉยเมยกับพวกเขา
ตอนนี้ทันทีที่พบหลินหยุน และเขากลับมีท่าทีสนิทสนมกับอันซิน แล้วจะให้พวกเขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น ในพวกเขาหลายคนก็กำลังสนใจอันซินอยู่ แล้วจะยอมปล่อยให้ไอ้แมงดาหยุนนี่มาแย่งไปได้ยังไง
“ไอ้แมงดาหยุน นายแต่งงานไปแล้ว ยังจะมาสนใจอันซินอีก? นายไม่กลัวว่าคนนั้นในบ้านนายจะไล่นายออกจากบ้านหรือไง?” จางจื่อเห้าหัวเราะเยาะ
หลินหยุนยังคงไม่สนใจเขา และพูดกับอันซิน “พวกเราไปนั่งกับตรงนั้นดีไหม ตรงนี้แมลงวันเยอะน่ารำคาญเกินไป”
“นี่แกกวนตีนฉันหรือวะ?” จางจื่อเห้าหน้าเคร่ง รู้สึกว่าหลินหยุนมีนิสัยเปลี่ยนไปใช่หรือไม่ ไอ้ขี้แพ้หลินหยุนไหนเลยจะกล้าเอ่ยสอดปากขึ้นแถมยังด่าว่าเขาเป็นแมลงวันแบบนี้
ต่อหน้าเพื่อนักเรียนจำนวนมากแบบนี้ จางจื่อเห้าเสียหน้าอย่างยิ่ง
ใบหน้าเล็กๆ อันเคร่งเครียดของอันซินจับจ้องไปที่จางจื่อเห้า เธอเอ่ยเสียงเย็น “จางจื่อเห้า นายอย่ามาทำตัวมั่วซั่ว!”
เมื่อเห็นว่าอันซินปกป้องหลินหยุน จางจื่อเห้าก็ยิ่งโมโห
“อันซิน เขาถึงกับแต่งเข้าบ้านผู้หญิงไปแล้ว เธอยังจะปกป้องเขาอีก?” จางจื่อเห้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าในหัวของผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่? ปฏิเสธการตามจีบจากเขา แต่กลับไม่ยอมลืมไอ้ขี้แพ้นี่
“แม้ว่าพี่หลินหยุนจะแต่งงานแล้ว แต่ก็ไม่มีผลต่อมิตรภาพของเรา!” อันซินเอ่ยกร้าว
จางจื่อเห้าคิดจะอาละวาด แต่ชายหนุ่มใส่ตุ้มหูด้านหลังก้าวเท้าขึ้นมากระซิบข้างหูเขาเสียก่อน
หลังจากฟัง จางจื่อเห้าก็ยิ้มแปลก ๆ
หลินหยุนรู้จักชายหนุ่มคนนี้ ชื่อของเขาคือหยางหัว เป็นสุนัขรับใช้ของจางจื่อเห้า นับตั้งแต่สมัยมัธยมปลายก็ทำตัวเป็นเสนาธิการหัวหมาคอยเสนอความคิดเห็นโง่ๆ ให้แก่จางจื่อเห้า
ถ้าเป็นชาติก่อน หลินหยุนเห็นหยางหัวเอ่ยความคิดอะไรกับจางจื่อเห้าเข้า ก็มักจะรีบหาข้ออ้างจากไปทันที
แต่ชาตินี้ จางจื่อเห้าในสายตาของหลินหยุนยังต่ำเสียยิ่งกว่ามด
จางจื่อเห้ากล่าวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม “ฉันว่านะไอ้แมงดาหยุน พวกเรามาแข่งม้ากันสักตั้งเป็นยังไง? ใครแพ้ก็ไสหัวไปจากที่นี่ซะ แกกล้าพนันกันหรือเปล่า?”
อันซินรีบเอ่ยอย่างกังวล “หลินหยุน อย่าตอบรับเขา เขาเป็นขาประจำที่นี่ ทักษะการขี่ม้ายอดเยี่ยม อีกทั้งยังรู้จักม้าทุกตัวที่นี่ดี คุณไม่สามารถเอาชนะเขาได้!”
หลินหยุนตบมือเล็ก ๆ ของอันซิน และเอ่ย “วางใจเถอะ ฉันรู้ดีว่าทำอะไรอยู่! ”
เขาหันศีรษะไปมองจางจื่อเห้า สีหน้าเรียบเฉย “พูดมา พนันยังไง?”
“แกยอมตอบรับ?” จางจื่อเห้าแสดงสีหน้าประหลาดใจ แต่เดิมเขาก็ไม่คาดคิดว่าหลินหยุนจะยอมรับคำท้านี้ ในใจก็แค่อยากอาศัยโอกาสนี้ทำให้เห็นด้วย สิ่งที่เขาคิดคือใช้โอกาสที่จะทำให้หลินหยุนอับอายและทำให้เขาเสียหน้า
แต่ไม่คาดคิดเลยว่า หลินหยุนครั้งนี้จะมีนิสัยเปลี่ยนไปและถึงกับตอบรับการแข่งม้ากับเขา!
อันที่จริงเมื่อหลินหยุนเห็นจางจื่อเห้า ก็คิดอยากจะสั่งสอนเขาสักที แต่ตอนนี้พลังของเขายังไม่กลับคืนมา หากเกิดเรื่องจนถึงกับต้องเจอตำรวจก็คงจะไม่เป็นผลดีกับเขา ดังนั้นเขาจึงได้แต่อดทนไปก่อน
แม้ว่าหลินหยุนจะเกิดใหม่ แต่ก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกนี้ที่สามารถทำร้ายเขาได้ ตอนนี้จำเป็นต้องพยายามทำให้เรื่องพวกนี้น้อยลงมากที่สุด
ตอนนี้อาศัยการแข่งม้ามาสอนบทเรียนให้จางจื่อเห้าสักที ก็ถือเป็นการเก็บดอกเบี้ยสำหรับหลินหยุน
จางจื่อเห้ากล่าวอย่างเร่งรีบ “พวกเรามาเลือกม้าคนละตัว ใครวิ่งจบรอบหนึ่งก่อนชนะ เป็นไง?”
“ได้!” หลินหยุนไม่มีความลังเลใดๆ และตอบรับอย่างเด็ดขาด
“หลินหยุน …” อันซินมีสีหน้ากังวล เธอคิดจะเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง แต่กลับถูกหลินหยุนใช้สายตาหยุดเอาไว้ก่อน
อันซินรู้สึกได้ว่าบนตัวของหลินหยุนเผยความแข็งแกร่งมั่นใจออกมา จนแม้กระทั่งตัวเธอยังรู้สึกไปด้วย
“เริ่มเลือกม้า!” ดูเหมือนว่าจางจื่อเห้าจะกลัวว่าจู่ๆ หลินหยุนจะกลับใจ ดังนั้นจึงทิ้งคำพูดไว้และไปเลือกม้าทันที
จางจื่อเห้าเลือกม้าสีน้ำตาลตัวสูงใหญ่ แขนขาแข็งแรง เพียงแต่ม้าตัวนั้นดูสูงใหญ่ก็จริง แต่ความจริงกับผอมอ่อนแออยู่บ้าง
ข้างพื้นที่พักผ่อนมีชายวัยกลางคนสวมหมวกกันลมกล่าวพร้อมกับยิ้มให้ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขา “เจ้าเด็กนี่ดูเสเพล แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีสายตาที่ดีในการเลือกม้า”
แค่มองดูเสื้อผ้าของชายหญิงคู่นี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นคนที่ชอบขี่ม้าเหมือนกัน
หญิงสาวส่ายหัวและพูดว่า “ม้าที่เขาเลือกดูสูงใหญ่ก็จริง แต่มันกลับไม่สมดุล ถึงแม้ในระยะสั้นจะระเบิดพลังได้ไม่เลว แต่ระยะยาวไม่อึดทน”
“ฮ่าฮ่า สิ่งที่พวกเขาเดิมพันคือการวิ่งหนึ่งรอบ จะเอาความอึดทนไปทำไม? ระเบิดพลังต่างหากที่สำคัญ ดังนั้นฉันเลยบอกว่าเขามีสายตาที่ไม่เลว” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม
“แบบนี้นี่เอง อยากนี้เด็กคนนี้ก็มีวิสัยทัศน์อย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าวิสัยทัศน์ของเด็กหนุ่มอีกคนจะเป็นอย่างไร?” หญิงวัยกลางคนจู่ๆ ก็มองไปที่หลินหยุนอย่างอยากรู้อยากเห็น