จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 700 สาวงามแห่งเจียงหนาน
คนเราก็มักจะเป็นเช่นนี้ หวางซูเฟินยอมเอาเงินที่ขาดทุนมาหลายปีของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเพื่อช่วยเหลือบริษัทของหานเจียวเจียว
แต่ว่าตอนนี้เพียงแค่พูดเรื่องนี้ออกมาให้ทุกคนรู้เท่านั้นเอง หานเจียวเจียวก็คิดว่าหวางซูเฟินเจตนาที่จะหยามเกียรติเธอแล้ว
บุญคุณคนมักถูกลืมง่าย แต่ว่าความแค้นนี้สิกลับยั่งยืนยาวนานหลายสิบปีแม้กระทั่งอาจถึงร้อยปีก็ได้
ก็เหมือนคำพูดหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องไซอิ๋วที่กล่าวไว้ว่า: เวลารักใครสักคนมันช่างสั้นเหลือเกิน แต่เวลาโกรธแค้นใครสักคนกลับยาวนานถึง 500 ปี
ภายในห้องโถงนั้น ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายก็ยังนั่งตามตำแหน่งเดิมเช่นเมื่อวานนี้
ที่นั่งประธานนั้น หลินซื่อเฉิงก็กวาดสายตาไปยังผู้คน แล้วถามว่า “ตงถิง เตรียมห้องรับแขกไว้เป็นยังไงบ้างแล้ว?”
หลินตงถิงลุกขึ้นยืน ตอบด้วยความนอบน้อมว่า “เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
หลินซื่อเฉิงก็ลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “งั้นไปเถอะ ไปรวมตัวที่ห้องรับแขกกัน”
ตระกูลหลินในฐานะที่เป็นตระกูลสูงศักดิ์อันดับหนึ่งของอูซู เวลาที่จัดงานเลี้ยงปีใหม่ของทุกปีนั้น ก็มักจะมีผู้คนมากมายมาอวยพรปีใหม่ ในห้องโถงใหญ่มีที่ว่างจำกัด ดังนั้นตระกูลหลินจึงได้สร้างห้องรับแขกขนาดใหญ่หลังหนึ่งขึ้นมาโดยเฉพาะ
ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลายก็เดินตามนายท่านหลินซื่อเฉิง เคลื่อนย้ายไปยังห้องรับแขกที่กว้างขวางโอ่โถงนั้น
หลินตงถิงลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “เจ้าบ้านครับ เย่เทียนเหลียง เจ้าบ้านตระกูลเย่แห่งเจียงหนานได้มารอพบอยู่ด้านนอกนานแล้วครับ”
ตระกูลเย่แห่งเจียงหนาน เป็นพาร์ทเนอร์สำคัญที่ร่วมมือของตระกูลหลินแห่งอูซูมาโดยตลอด แน่นอนที่ว่า ในระหว่างที่ตระกูลหลินร่วมมือกับตระกูลเย่นั้น ตระกูลเย่เป็นฝ่ายที่อ่อนแอกว่า ดังนั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมาตระกูลเย่ก็ได้ประจบประแจงตระกูลหลินมาโดยตลอด
งานเลี้ยงปีใหม่ตระกูลหลินที่จัดขึ้นแทบทุกปีนั้น ตระกูลเย่จะต้องเป็นรายแรกที่มาอวยพรปีใหม่ตระกูลหลิน
มิหนำซ้ำ นายบ้านตระกูลเย่คนปัจจุบัน ยังยกลูกสาวของตัวเองให้กับหลินเห้าอัจฉริยะของตระกูลหลินอีกด้วย
แต่ว่า ตระกูลเย่อยู่ที่เจียงหนานนั้น ก็สามารถอยู่ในลำดับหนึ่งในสิบได้ นับว่าอำนาจบารมีก็ไม่น้อยเช่นกัน
ต่อให้ตระกูลหลินเอง ก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกิน
หลินซื่อเฉิงก็รีบพูดว่า “เร็วๆ รีบเชิญเร็ว!”
“ครับ ผมจะไปต้อนรับด้วยตัวเองครับ!” หลินตงถิงพูดจบ ก็รีบเดินออกไปข้างนอก
เมื่อได้ยินว่าตระกูลเย่มาถึงแล้ว สีหน้าของหลินเห้าก็แสดงความภูมิใจออกมา
หลินเหลยที่นั่งอยู่ข้างกายเขา หัวเราะแหะๆแล้วพูดว่า “พี่ห้าว พี่สะใภ้จื่อเชี่ยนมาถึงแล้ว!”
“ฮึ่ม การประเมินผลงานตระกูลเมื่อวานถูกหลินหยุนเจ้าเด็กนั่นแย่งซีนไปหมดเลย วันนี้รอให้พี่สะใภ้จื่อเชี่ยนมาถึงก่อนเถอะ พี่ห้าวจะต้องแย่งซีนกลับมาให้ได้!”
“ต่อให้เจ้าเด็กนั่นร่ำรวยแล้วทำอะไรได้? เขาสามารถหาเทพธิดาที่มีทั้งชาติตระกูลที่ดีและสวยงามอย่างพี่สะใภ้จื่อเชี่ยนแบบนั้นได้ไหมล่ะ?”
หลินเหลยยกหางหลินเห้าจนเขารู้สึกสบายอกสบายใจ
“หลินหยุนเจ้าเด็กนั่น นับว่าเขาโชคดี ทำให้เขาแย่งซีนฉันไปได้ในการประเมินผลงานของตระกูล วันนี้ฉันจะต้องเหยียบเขาให้จมดินไปเลย!”
ในไม่ช้า หลินตงถิงก็พาผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา
ข้างกายของชายวัยกลางคนนั้น ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสวยงาม รูปร่างสูงเพรียวแต่งตัวในชุดกระโปรงสีขาวเดินมาด้วย
เย่เทียนเหลียงพาลูกสาวเย่จื่อเชี่ยน เดินมาถึงตรงหน้าหลินซื่อเฉิง โค้งตัวคำนับ “สวัสดีปีใหม่ครับนายท่านหลิน เย่เทียนเหลียงมาอวยพรปีใหม่ให้กับนายท่านหลินแล้วครับ!”
“คุณปู่หลิน สวัสดีปีใหม่ค่ะ!” เย่จื่อเชี่ยนพูดด้วยเสียงเบาๆ น้ำเสียงสดใสกังวานไพเราะน่าฟัง
หลินซื่อเฉิงก็รีบตอบรับด้วยรอยยิ้มว่า “เทียนเหลียง ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน คุณพ่อสบายดีไหม?”
“ขอบคุณที่นายท่านยังระลึกถึง คุณพ่อร่างกายแข็งแรงดีครับ” เย่เทียนเหลียงพูด
หลินซื่อเฉิงก็มองไปยังเย่จื่อเชี่ยน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นานแล้วที่ไม่ได้พบเจอ จื่อเชี่ยนดูสวยขึ้นมากเลย”
“ขอบคุณคำชมของคุณปู่หลินค่ะ!” เย่จื่อเชี่ยนพูดด้วยความดีใจ
หลังจากอวยพรปีใหม่แล้ว เย่เทียนเหลียงก็มานั่งอยู่ข้างๆหลินตงถิง
ตามมารยาทแล้ว แขกผู้มีเกียรติที่มาอวยพรปีใหม่นั้น นั่งอยู่ข้างกายของใครก็ถือว่าเป็นเครือข่ายสัมพันธ์ของคนนั้น
ระหว่างเย่เทียนเหลียงกับหลินตงถิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จึงถือว่าเป็นเครือข่ายสัมพันธ์ของหลินตงถิง
ส่วนเย่จื่อเชี่ยนนั้น ดวงตาที่งดงามก็กวาดมองไปรอบๆผู้คน สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงที่ตัวหลินเห้า
“พี่หลินเห้า เห็นฉันมาถึงแล้ว ก็ไม่มาต้อนรับหน่อยเหรอ?” เย่จื่อเชี่ยนพูดพลางเดินตรงไปยังหลินเห้า
ภายในห้องรับแขกนั้น ลูกหลานรุ่นใหม่ของตระกูลหลินพวกนั้น สายตาลุกวาวส่องประกายไฟร้อนแรง
“พี่หลินเห้าโชคดีจริงๆเลย ถึงกับได้รับความรักจากเทพธิดาตระกูลเย่ได้!”
“นั่นน่ะสิ เย่จื่อเชี่ยนไม่เพียงแต่หน้าตาสะสวยแล้ว อีกทั้งตระกูลสูงส่งไม่เบาเลย ได้ข่าวว่าเย่จื่อเชี่ยนยังติดอันดับหนึ่งในสิบในบรรดาสาวงามของเจียงหนานเลยนะ”
“เมื่อวานงานประเมินผลของตระกูล หลินเห้าถูกหลินหยุนเจ้าหมอนั่นแย่งซีนไปหมดเลย วันนี้เย่จื่อเชี่ยนมาถึงเท่านั้นแหละ หลินเห้าจะต้องแย่งซีนกลับมาได้อย่างแน่นอนเลย!”
“ฮื่อ การประเมินผลงานของตระกูลเมื่อวานนี้ หลินหยุนเจ้าเด็กนั่นก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง”
“หลินเห้าได้หมั้นหมายกับเทพธิดาตระกูลเย่ก่อนแล้ว ตัวเองก็ได้เป็นถึงอัจฉริยะตระกูลหลิน ก็มีแต่พี่โล่เฉินที่สามารถอยู่เหนือเขาเท่านั้นเอง”
“ในการประเมินผลงานตระกูลนั้นหลินหยุนเจ้าเด็กนั่นถึงแม้จะแย่งซีนเขาไปได้ก็จริง แต่ว่าถ้าเทียบกับพี่หลินเห้าแล้ว เขายังห่างไกลอีกมากเลย”
หลินเห้ามองดูเย่จื่อเชี่ยนที่เดินอ้อนแอ้นอย่างช้าๆมายังเขา สีหน้าก็แสดงความภาคภูมิใจออกมา
โดยเฉพาะเมื่อได้รับรู้ถึงสายตาที่ชื่นชมอิจฉาของเหล่าลูกหลานตระกูลหลินที่อยู่รอบๆแล้ว หลินเห้าก็ยิ่งมีความรู้สึกที่ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
หลินเห้าก็จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยแล้ว เดินไปยังเย่จื่อเชี่ยน พูดด้วยรอยยิ้มที่สุภาพว่า “เมื่อคืนนี้ผมนอนไม่ค่อยจะหลับเลย ก็เป็นเพราะว่าคิดถึงวันนี้คุณอาจจะมาก็ได้”
เย่จื่อเชี่ยนยิ้มอย่างเขินอาย แล้วควงแขนของหลินเห้า พูดอย่างออดอ้อนว่า “กะล่อนปลิ้นปล้อน!”
หลินเห้าก็ควงสาวงามเดินกลับเข้าไปที่นั่งตัวเอง เย่จื่อเชี่ยนก็ถามขึ้นมากะทันหันว่า “ใช่แล้ว เมื่อวานประเมินผลงานตระกูล คุณคงได้ที่หนึ่งสินะ!”
หลินเห้าสายตาส่องประกายหมองหม่น
หลินเหลยที่อยู่ข้างๆ ทำเสียงฮื่อใส่ “พี่สะใภ้เย่จื่อเชี่ยน คนที่ได้ที่หนึ่งไม่ใช่พี่เห้าหรอก ถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว”
เย่จื่อเชี่ยนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยแล้วถามว่า “เป็นไปได้ยังไงกัน? ตระกูลหลินยังมีใครที่เหนือกว่าพี่เห้าอีกล่ะ!”
หลินเหลยพูดอย่างไม่พอใจว่า “ฮื่อ เจ้าเด็กนั่นก็อาศัยแต่โชคดีบ้าบออะไรเท่านั้นเอง แย่งซีนของพี่เห้าไปหมดเลย”
เย่จื่อเชี่ยนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พูดว่า “คนนั้นเป็นใครเหรอ? ฉันอยากจะเห็นจังเลย คนที่แย่งตำแหน่งแชมป์ของพี่หลินเห้าไป เป็นใครกันแน่?”
หลินเหลยมองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ทำปากเบ้แล้วพูดว่า “นู่น ก็เจ้าเด็กคนที่ชื่อหลินหยุนนั่นไง!”
“หลินหยุนเหรอ? เมื่อก่อนฉันไม่เคยได้ยินชื่อคนนี้เลยนะ!” รู้สึกว่าเย่จื่อเชี่ยนจะรู้เรื่องราวของพวกลูกหลานรุ่นใหม่ตระกูลหลินได้ดีทีเดียว
ตอนแรกที่เธอตัดสินใจเลือกที่จะหมั้นกับหลินเห้า ก็เพราะว่าเห็นความสามารถที่แฝงอยู่ในตัวของหลินเห้านั่นเอง
หลินเหลยพูดเยาะเย้ยว่า “เจ้าเด็กนั่นก็คือลูกชายที่พลัดพรากของหวางซูเฟินเจ้าของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป เพิ่งจะได้พบหน้ากับพ่อแม่ตัวเอง ใครจะคิดว่าดวงเขาจะโชคดีขนาดนั้น ถึงกับสร้างธุรกิจใหญ่โตอยู่ข้างนอกไว้มากมาย เลยแย่งซีนพี่เห้าไปได้ไม่อย่างนั้นละก็ คนที่ได้ที่หนึ่งการประเมินผลงานตระกูล จะต้องเป็นพี่เห้าอย่างแน่นอนเลย”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง!” ใบหน้าที่สะสวยของเย่จื่อเชี่ยน ก็แสดงความเข้าใจออกมา
หลินเห้าพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “ฮื่อ หลินหยุนเจ้าเด็กนั่นกล้าแย่งซีนของฉันไป ฉันจะทำให้เขาได้เห็นดีเสียบ้างแล้ว!”
เย่จื่อเชี่ยนยิ้มหวานใส่แล้วพูดปลอบใจว่า “อย่าโมโหไปเลย คุณก็ยังมีฉันเหลืออยู่นี่นาไม่ใช่เหรอ?”
หลินเห้ามองดูเย่จื่อเชี่ยน แล้วพูดกระซิบว่า “ใช่แล้ว ผมยังมีคุณอยู่ข้างกายอีก มูลค่าเทียบได้กับทรัพย์สินถึงหมื่นล้านเลยนะ!”
หลินเหลยที่อยู่อยู่ข้างๆก็พูดอย่างชื่นชมว่า “พี่เห้า พี่สะใภ้จื่อเชี่ยนช่างเข้าใจจิตใจคนจังเลย พี่นี่โชคดีชะมัดเลย!”
หานเจียวเจียวก็เดินมาถึงข้างตัวหวางซูเฟิน จงใจพูดเสียงดังขึ้นว่า “โอ้โห หลินเห้านี่ช่างโชคดีจังเลย ถึงกับหาคู่หมั้นที่แสงอ่อนโยนน่ารักและสวยงามขนาดนี้มาได้!”
“คนบางคนจนถึงตอนนี้ยังเป็นโสดทั้งแท่งอยู่เลย หรือว่าจะอิจฉาตาร้อนหรือเปล่านะ!”
หานเจียวเจียวถึงแม้จะไม่ได้พูดชื่อใคร แต่ทุกคนก็รู้ว่าเธอกำลังหมายถึงหลินหยุนอยู่
หลินเหลยก็พูดเยาะเย้ยตามว่า “คิดอยากจะแข่งกับพี่เห้า เขายังห่างไกลอีกมากเลย อย่าคิดว่าโชคดีในการประเมินผลงานของตระกูล แล้วแย่งซีนพี่เห้าไปได้ ก็คิดว่าตัวเองเจ๋งมากแล้วสิ อยู่ตรงหน้าพี่เห้า แกก็ยังคงไม่ได้เป็นตัวอะไรเหมือนเดิม!”
พวกลูกหลานตระกูลหลินรุ่นที่สามทั้งหลาย ต่างก็รู้สึกสะใจบนความทุกข์ของคนอื่น
“พี่หลินเห้ามีคู่หมั้นสาวสวยที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของสาวงามแห่งเจียงหนานอย่างเย่จื่อเชี่ยน ช่างน่าอิจฉาเสียจริงเลย คนบางคนมีแต่ทรัพย์สินเงินทองมากมาย แม้แต่เพื่อนสาวข้างกายสักคนก็ยังไม่มีเลย หาเงินมามากมายขนาดนั้น จะมีประโยชน์อะไร?”
“ยังมีอีกนะ คนบางคนหรือว่าไม่มีสมรรถภาพทางนั้นแล้ว? ไม่ใช่ผู้ชายแล้วมั้ง?”
“ฮ่าๆๆๆ……….”