จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 713 ตระกูลหลินถือกำเนิดยอดคน
ทุกคนของตระกูลหลินต่างก็พากันตกอกตกใจขึ้น!
แม่ทัพใหญ่นี่คือ……กำลังอธิบายให้กับหลินหยุน?
ขณะนั้น ใบหน้าของคนตระกูลหลินทั้งหมด ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“นั่นเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เลยทีเดียว! บุคคลระดับผู้มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุด แม้ว่าจะสั่งการต่อ เจ้าบ้านตระกูลหลิน ก็คงเป็นเรื่องธรรมดา! แต่ตอนนี้ เป็นเพราะกังวลว่าหลินหยุนจะเข้าใจผิด ตนเองจึงได้ทำการอธิบายขึ้น! ”
“นี่ นี่มัน นี่มันผิดหลักความเป็นจริง! แม่ทัพใหญ่ท่านนี้เป็นตัวปลอมหรือเปล่า? ”
แน่นอนว่า ความคิดดังกล่าวนี้ทุกคนต่างก็กล้าที่จะจินตนาการแค่ภายในสมองเท่านั้น ซึ่งมีคนที่กล้าปลอมตัวเป็นควีนจิน กล้าปลอมตัวเป็นคุณอี แต่ว่า คงจะไม่มีใครกล้าที่จะปลอมตัวเป็นแม่ทัพใหญ่อย่างเด็ดขาด
เพราะว่า ไม่มีใครที่สามารถรับผลการกระทำนี้ได้ อีกทั้ง ต่อให้ปลอมตัว ก็คงจะปลอมตัวไม่ได้
แม่ทัพใหญ่ประเทศจีน ต่างก็ต้องผ่านการต่อสู้ในสนามรบ มาอย่างโชกโชน ต่อให้เป็นถึงนักแสดงชั้นยอด ก็คงจะไม่สามารถลอกเลียนแบบลักษณะท่าทางแบบนั้นได้
รวมทั้ง เครื่องประดับเกียรติยศทางทหารบริเวณหน้าอกของหงซานเหอนั้น ยิ่งไม่สามารถปลอมแปลงได้แน่นอน เพราะไม่มีใครกล้าที่จะทำของปลอมขึ้น
หลินโล่เฉินมีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง และมองไปที่หลินหยุนอย่างเหลือเชื่อ
“แม่ทัพใหญ่ของจีนผู้ยิ่งใหญ่ กลับปฏิบัติต่อหลินหยุน ด้วยความระมัดระวังมากขนาดนี้! ”
“ไอ้หนุ่มนี้ ตกลงมีอะไรพิเศษกันแน่! ”
เขาเพิ่งออกมาจากภายใต้เงามืดของหลินหยุน คิดว่าหลินหยุนมีข้อบกพร่องทางด้านการเมือง เพียงแค่เขาขยันมุมานะ ในอนาคตอาจจะสามารถเหนือกว่าหลินหยุนได้
แต่ว่า ผ่านไปเพียงชั่วครู่ แม่ทัพใหญ่ของจีน หนึ่งในบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ระดับผู้มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดของจีน คิดไม่ถึงว่าจะมาที่นี่เพื่อหาเขาโดยเฉพาะ
อีกทั้ง การปฏิบัติต่อหลินหยุน ยังจะมีความระมัดระวังมากขนาดนี้ด้วย!
จิตใจของหลินโล่เฉิน จากเดิมที่อยู่บนสวรรค์ ได้ร่วงหล่นลงสู่หุบเขาลึกอีกครั้ง
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? ” หลินโล่เฉินสีหน้าท่าทางย่ำแย่ และทรุดนั่งลงบนเก้าอี้
หลินเหลยตกใจยิ่งกว่าจนขาทั้งสองข้างสั่นไปหมด โดยสายตาที่มองไปยังหลินหยุนนั้นเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรง: “พี่เห้า แม่ทัพใหญ่มาหาหลินหยุนด้วยตนเองโดยเฉพาะเลย! โอ้วพระเจ้า ตกลงว่าหลินหยุนเขามีความสามารถอะไรที่ปกปิดพวกเราอยู่? ”
หลินเห้ามีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด ตอนเริ่มแรกนั้น เขาคิดที่จะเหยียบย่ำหลินหยุนอย่างหนักมาโดยตลอด แต่ว่า หลินหยุนในสายตาของเขาตอนนี้ เหมือนกับภูเขาใหญ่ที่สูงตระหง่าน ไม่สามารถอาจเอื้อมได้!
“เขา ไม่ได้เป็นคนในโลกเดียวกันกับพวกเราแล้ว! ”
“ต่อไป ตลอดชีวิตของพวกเรา ก็คงได้เพียงแต่เคารพเลื่อมใสในตัวเขา! ”
สายตาของหลินเห้า เต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรง
มือสองข้างที่ขาวนวลของหลินโร่หลัน ได้กำหมัดขึ้นอย่างแน่น เล็บที่แหลมคมฝังเข้าไปในเนื้อ โดยมีเลือดไหลออกมาตามนิ้วมือ
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน? ”
“ตกลงว่าฉันผิดพลาดอะไรไป! ”
หลินหยุนยิ่งแสดงท่าทางที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไร หลินโร่หลันก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น
หากเธอรู้ว่าในตอนที่ทำการประเมินผลของตระกูล หลินหยุนแค่นำเงินทุนออกมาเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เกรงว่าหลินโร่หลันคงจะเสียใจอย่างมากจนกระอักเลือดออกมาเป็นแน่
หลินตงเย่วกับหลินตงถิง ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่หวาดผวา
“คิดไม่ถึงว่าแม่ทัพใหญ่จะอธิบายให้กับเขาฟังด้วยตัวเองเลย! ”
“หากเป็นเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่ก็คงจะมาหาเขาโดยเฉพาะ! ”
“ตกลงว่าเขามีความสามารถอะไรกันแน่? แม้แต่บุคคลผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของจีน ยังคงที่จะต้องให้ความสำคัญกับเขาขนาดนี้ด้วย! ”
เซียนเซิงจูที่อยู่ด้านข้าง มีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก แต่ว่า ในจิตใจกลับหวาดกลัวและตื่นตระหนกอย่างที่สุด
เมื่อเทียบระหว่างเขากับทุกคนตระกูลหลินในที่แห่งนี้แล้ว เขายิ่งมีความตกตะลึงมากกว่า
เพราะว่า เขารู้อย่างชัดเจนถึงสถานะของหงซานเหอ
แม่ทัพ ในจีนก็มีอยู่หลายท่าน
แต่ว่า แม่ทัพใหญ่ผู้นั้นที่ควบคุมคฤหาสน์นายพลของจีน มีเพียงแค่ท่านเดียว
นั่นคือบุคคลที่แม้แต่ประธานาธิบดีของจีน ก็ยังต้องเรียกขานว่าท่านหง
แต่ คิดไม่ถึงว่าทำไมท่านหงถึงต้องมาหาเด็กรุ่นหลังของตระกูลหลิน ด้วยตนเองด้วย อีกทั้งยังปฏิบัติต่อเด็กรุ่นหลังด้วยท่าทาง ที่ระมัดระวังมากขนาดนี้ด้วย
แต่ในเมื่อครู่นี้ เซียนเซิงจูกลับไปล่วงเกินต่อหลินหยุน……
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เซียนเซิงจูก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างสั่นไปหมด อยากที่จะวิ่งเข้าไปอยู่ด้านหน้าของหลินหยุน เพื่อยอมรับผิดและกล่าวคำขอโทษ
ตระกูลจูที่มีประวัติยาวนานกว่าห้าร้อยปี ก็ถือว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน
แต่ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในกองทัพของจีนแล้ว ตระกูลจูก็เป็นเพียงแค่มดแมลงเท่านั้น
“เด็กหนุ่มคนนี้ คงจะไม่ธรรมดาเหมือนกับที่เห็นอยู่ภายนอกนี้อย่างเด็ดขาด! ”
“ตระกูลหลิน ถือกำเนิดยอดคนแล้ว! ”
เซียนเซิงจูมีสีหน้าท่าทางที่เคร่งเครียด และเกิดความหดหู่ขึ้นในใจ
หลังจากนี้ต่อไป ตระกูลหลิน คงจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับวงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ได้ แต่ว่า คงจะกลายเป็นตระกูลใหญ่รองลงมาจากวงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ อย่างแน่นอน
หลินหยุนได้ยินคำพูดของหงซานเหอแล้ว ทำให้รับรู้ข้อมูลต่าง ๆ มากมาย
การที่จะทำให้ผู้เฒ่าหัวแข็งอย่างหงซานเหอ พูดประนีประนอมได้นั้น หลินหยุนเข้าใจได้อย่างดีว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้เขาปลาบปลื้มใจที่สุดคือ หงซานเหอไม่ได้ใช้นายท่านหลินซื่อเฉิง มาข่มขู่หลินหยุน
พูดได้ว่า ประธานาธิบดีจีนมาด้วยความจริงใจจริง ๆ
หลินหยุนมีสีหน้าที่อ่อนโยนลง และพูดขึ้นว่า: “ถือว่าพวกท่านเข้าใจถึงสภาพการณ์เป็นอย่างดี”
หงซานเหอทำท่าทางฮึดฮัดขัดใจ ชัดเจนว่ากำลังอดกลั้นต่อความโมโหอยู่
“ฮึ ถ้าหากไม่ใช่ว่ามีคำสั่งมาจากประธานาธิบดีจีน ห้ามข้าไม่ให้ไปทะเลาะกับนายแล้ว ข้าคงจะ ดุด่าไอ้หนุ่มที่หลงระเริงอย่างนายจนไม่เหลือชิ้นดีไปตั้งนานแล้ว! ”
หลินซื่อเฉิงได้ไอออกมา เพื่อทำลายสภาพการณ์อันดุเดือดระหว่างสองคน แล้วมองไปยังหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “หลินหยุน แม้ว่านายจะเพิ่งมาทำความรู้จักต่อบรรพบุรุษ แต่ว่า ประวัติศาสตร์และกฎระเบียบของพวกเราตระกูลหลิน นายก็คงจะต้องรับทราบเอาไว้ด้วย! ”
หลินหยุนก้มศีรษะลง: “น้อมรับฟังรายละเอียดทั้งหมด! ”
หลินซื่อเฉิงแสดงท่าทางที่นึกถึงความทรงจำในอดีต และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า: “บรรพบุรุษตระกูลหลินของเรา คือหลินหู่เฉิงนักรบที่มีชื่อเสียงในสมัยสงครามตอนนั้น ซึ่งการก่อตั้งขึ้นของตระกูลหลินของเรา ก็เพื่อคอยให้บริการในช่วงสมัยสงครามนั้น”
“ต่อมา หลังจากที่ได้รับชัยชนะในสงครามแล้ว ลูกหลานตระกูลหลินของเรา ก็ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างมั่งคั่งและมีความสุข”
“แต่ว่า คำสั่งสอนของตระกูลหลินคือ: “เมื่อประเทศเกิดปัญหา เราก็พร้อมเสนอตัวเข้าช่วย เมื่อประเทศถูกหยามเหยียด เราก็พร้อมจะเข้าสู้จนตัวตาย เมื่อประเทศมีคำสั่ง เราก็พร้อมที่จะรับฟังและปฏิบัติตาม! ”
“แม้ว่านายจะเพิ่งกลับมายังตระกูลหลิน แต่ว่า ต่อให้นายเป็นคนของตระกูลหลินเพียงแค่วันเดียว ก็จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของบรรพบุรุษ! ”
“เมื่อประเทศมีคำสั่ง เราก็พร้อมที่จะรับฟังและปฏิบัติตาม! ”
คำพูดของนายท่านนี้ เสียงดังหนักแน่น และทรงพลัง กระตุ้นให้ผู้คนเกิดความฮึกเหิมเร่าร้อน ดุเดือดเลือดพล่าน
หลินหยุนเก็บอาการของใบหน้าที่เฉยชา และพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “หลานชายน้อมรับฟัง! ”
หงซานเหอมีสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึม ยกมือขึ้นแสดงความเคารพต่อหลินซื่อเฉิงและพูดว่า: “ชั่วชีวิตของข้าหงซานเหอ ยังไม่เคยเลื่อมใสผู้ใดมาก่อน แต่คำพูดดังกล่าวของเจ้าบ้านหลิน ทำให้ข้าหงซานเหอนับถือเลื่อมใสเป็นอย่างมาก! ”
“ยอดคนแม้ชรา แต่ใจที่แข็งกล้ายังมิเสื่อมคลาย! ประเทศจีนของเรามียอดนักรบที่ฮึกเหิมเร่าร้อนอย่างท่าน ทำไมจีนถึงจะไม่สามารถกลับมาเจริญรุ่งเรืองได้เหมือนแต่ก่อนล่ะ! ”
หลินซื่อเฉิงพูดอย่างถ่อมตัวว่า: “แม่ทัพหงเกรงใจกันเกินไปแล้ว! บรรพบุรุษตระกูลหลินของเรา เพื่อประเทศจีนแล้ว ทั้งยอมสละชีพ และเสียเลือดเสียเนื้อ ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลิน จะทำให้บรรพบุรุษอับอายขายหน้าได้อย่างไรกัน! ”
หงซานเหอพยักหน้า สีหน้าท่าทางเคารพเลื่อมใส!
จากนั้น ก็หันไปมองที่หลินหยุน และพูดขึ้นว่า: “หลินหยุน ครั้งที่ที่ข้ามาหานาย เป็นเพราะได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีจีน ให้มาพานายกลับไปเข้าร่วมสนามล่าเจ็ดเผ่า! ”
“โดยไม่สนว่านายจะเอาชนะได้หรือไม่ พวกเราก็จะมอบยศทหารตำแหน่งพลตรีให้กับนาย! ”
ได้ยินดังนั้น ทุกคน ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง!
“ยศทหารตำแหน่งพลตรี! ”
“เขาเพิ่งจะมีอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง พลตรีที่มีอายุยี่สิบปี! ”
“นี่ช่างเป็นเกียรติยศที่ใหญ่หลวงยิ่งนัก! ”
“ตระกูลหลินถือกำเนิดยอดคนแล้ว ตระกูลหลินถือกำเนิดยอดคนแล้ว! ”
เซียนเซิงจูใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ตระกูลจูของเขาได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่มีประวัติยาวนานห้าร้อยปี แต่ก็ยังไม่เคยมีใครได้รับยศทหารตำแหน่งพลตรีมาก่อน
ส่วนหลินหยุน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ เพียงแค่ตอบตกลง ก็สามารถที่จะได้รับตำแหน่งพลตรีแล้ว
นี่ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่ฟ้าประทานลงมาเสียจริง!
ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ฟ้าประทานให้เท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่สุดพิเศษที่ฟ้าประทานลงมาให้เลย!
เย่เทียนเหลียงมองไปที่หลินหยุน ด้วยสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง: “คิดไม่ถึงว่า เขาจะเป็นเด็กที่ฉลาดยอดเยี่ยมที่แท้จริงของตระกูลหลิน! ”
“น่าเสียดายน่าเสียดายอย่างมาก จื่อชิ่น ไม่มีโอกาสแล้ว! ”
คำพูดนี้ดังไปถึงหูของหลินเห้า หลินเห้าก็หน้าบูดหน้าบึ้งเลยในทันที
หลินซื่อเฉิงหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดว่า: “ดีเลย คิดไม่ถึงว่าตระกูลหลินของเรา จะมีพลตรีอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น! ”
“หวางจิงหลงอ่ะหวางจิงหลง หากว่านายได้เห็นเหตุการณ์นี้ จะรู้สึกเสียใจภายหลังกับการตัดสินใจในตอนนั้นหรือไม่? ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า……”
คำพูดนี้ของหลินซื่อเฉิง ก็ยังได้ไปกระตุ้นความรู้สึกของหวางซูเฟิน
มองไปที่หลินหยุน หวางซูเฟินน้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลื้มใจ: “ปรมาจารย์นักบู๊ ตำแหน่งพลตรี ท่านพ่ออ่ะท่านพ่อ ท่านเอง ที่ได้ขับไล่เด็กฉลาดอัจฉริยะ ออกจากตระกูลหวาง! ”
“คงมีสักวันหนึ่ง ที่ท่านจะต้องรู้สึกเสียใจภายหลัง ต่อการตัดสินใจของท่านในตอนนั้น! ”