จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 728 ตอบตกลงเขาไป
เซี่ยอิงเหากลับดีใจอย่างสุดซึ้ง มองไปยังท่านเซี่ย แล้วคุกเข่าลงไปบนพื้น
“หลานขอขอบคุณคุณปู่ที่ให้ความเป็นธรรมกับหลาน!”
พูดจบ ก็มองไปยังครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋ด้วยสีหน้าสะใจ ราวกับกำลังพูดว่า “เห็นแล้วยัง ต่อให้พวกแกสามารถเอาวิชาฝังเข็มสิบสามออกมาได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร? นายท่านยังไงก็เข้าข้างฉันอยู่ดี!”
นายท่านเซี่ยมองเขาแวบเดียว พูดอย่างเรียบๆว่า “ลุกขึ้นเถอะ ต่อไปทำอะไรให้ระวังหน่อย!”
เซี่ยอิงเหาในใจรู้สึกตกใจ สีหน้าความภูมิใจนั้นลดลงไปเหลือครึ่งหนึ่ง ก้มหน้าลงแล้วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “หลานเข้าใจแล้วครับ!”
คำพูดของนายท่านเซี่ย ย่อมไม่ได้พูดเตือนเซี่ยอิงเหาว่าทีหลังทำงานให้ระวังมากขึ้น แต่เป็นการเตือนเซี่ยอิงเหาว่าทีหลังอย่ามายืมมือหลอกใช้เขาอีก
เมื่อเห็นเซี่ยอิงเหาที่อยู่ข้างกายท่านเซี่ยด้วยสีหน้าภูมิใจแล้ว ยังใช้สายตาที่ยั่วยุมองมาทางครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋อีกด้วย
เซี่ยหยู่เวยพูดด้วยความโกรธว่า “เป็นไปได้ยังไง! วิชาฝังเข็มสิบสามกับวิชาฝังเข็มสาม ใครก๊อบปี้ของใครมามองแป๊บเดียวก็รู้แล้ว ฉันไม่เชื่อว่าในฐานะเจ้าบ้านของตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีน ถึงกับแยกแยะไม่ออก!”
เซี่ยชีเจว๋สีหน้าบึ้งตึง จ้องหน้าเซี่ยหยู่เวย พูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “นายกำลังสงสัยในความสามารถของฉันเหรอ?”
เซี่ยหยู่เวยไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีต่อตระกูลเซี่ยอยู่แล้ว สำหรับเจ้าบ้านตระกูลเซี่ยคนนี้ ก็ย่อมไม่เกรงกลัวเท่าไหร่นัก
กำลังคิดจะโต้เถียงกลับไปด้วยความโกรธ แต่กลับถูกเซี่ยเจี้ยนโก๋ที่อยู่ข้างๆขัดขวางไว้
“หยู่เวย อยากได้เสียมารยาท!” เซี่ยเจี้ยนโก๋พูดตำหนิ
“พ่อคะ เขาลำเอียงจนน่าเกลียดมากเกินไป นี่มันเป็นการรังแกกันชัดๆเลย!” เซี่ยหยู่เวยพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
เซี่ยเจี้ยนโก๋ส่ายหน้า ส่งสัญญาณให้เธออย่าได้พูดอีกเลย
เมื่อเห็นเซี่ยหยู่เวยยังไม่ยอมหยุด จึงได้พูดเสียงเบาๆว่า “เซี่ยอิงเหาเป็นหลานแท้ๆในไส้ของเขา แล้วก็เป็นอัจฉริยะของคนรุ่นใหม่ตระกูลเซี่ยอีกด้วย ส่วนฉันก็เป็นแค่เศษขยะที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลายสิบปีเท่านั้นเอง ถ้าฉันเป็นเจ้าบ้าน ฉันก็จะต้องทำอย่างนี้เหมือนกัน!”
เซี่ยหยู่เวยค่อยๆสงบลง เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้สมองแบบนั้น เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของท่านเซี่ยที่ต้องทำเช่นนี้
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะทำให้หลานแท้ๆในไส้ของตัวเองต้องอับอายขายหน้าล่ะ? ดังนั้น ต่อให้รู้อยู่เต็มอกว่าเซี่ยอิงเหากำลังใส่ร้ายเซี่ยเจี้ยนโก๋ก็ตาม ท่านเซี่ยก็ยังต้องพูดเข้าข้างเขาอยู่ดี
ดังนั้น เซี่ยหยู่เวยสีหน้าเรียบเฉย ก้มหน้าลงแล้วยอมรับผิดต่อหน้าท่านเซี่ย “ขอโทษค่ะ ฉันวู่วามมากไปหน่อย!”
สายตาของเซี่ยชีเจว๋ส่องประกายความชื่นชมออกมา เซี่ยหยู่เวยสามารถอดกลั้นความโกรธไว้ได้ในเวลาเช่นนี้ อีกทั้งยังยอมรับผิดกล่าวคำขอโทษออกมา จะเห็นได้ว่า สภาพจิตใจนั้นยังแข็งแกร่งกว่าเซี่ยอิงเหาด้วยซ้ำไป
“ทีหลังจะพูดอะไรออกมา ก็ใช้สมองคิดมากหน่อย” ท่านเซี่ยพูดตำหนิ แต่ไม่ได้ทำให้เซี่ยหยู่เวยลำบากใจอะไร เขาเป็นคนที่ชื่นชมคนรุ่นหลังที่มีความสามารถ
“ค่ะ!” เซี่ยหยู่เวยก้มหน้าลง
เซี่ยเจี้ยนโก๋สีหน้าบึ้งตึง ไม่พูดอะไรเลย
หลินหยุนมองท่านเซี่ยแวบเดียวด้วยสายตาเรียบเฉย ก็ไม่ได้ไปสนใจอะไร
เซี่ยอิงเหาก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจมากขึ้น มองดูเซี่ยหยู่เวยด้วยสีหน้าที่ยั่วยุ
อีกทั้ง ยังจงใจเดินผ่านข้างตัวเซี่ยหยู่เวย แล้วพูดกระซิบข้างหูเธอว่า “คุณคิดว่าคุณปู่ดูไม่ออกเหรอ เขาจงใจพูดอย่างนั้นต่างหากล่ะ!”
“ฉันเป็นหลานแท้ๆในไส้ของเขา พวกคุณก็เป็นแค่เศษขยะที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเซี่ยหลายสิบปีแล้ว มีสิทธิ์อะไรมาแข่งกับฉัน!”
ความกังวลใจบนใบหน้าของเซี่ยเจี้ยนลี่นั้น ก็จางหายไปจนหมดสิ้นทันที มองดูท่านเซี่ยด้วยสีหน้าที่เลื่อมใสศรัทธา
ถ้าหากเขาเป็นเจ้าบ้าน เมื่อเจอกับปัญหาเรื่องเช่นนี้แล้ว คงไม่สามารถที่จะจัดการได้ดีเท่ากับนายท่านอย่างแน่นอน
เจ้าสามและเจ้าสี่ ในใจก็รู้สึกตื้นตัน ในขณะเดียวกัน ก็เข้าใจเจตนารมณ์ของพ่อตัวเองมากยิ่งขึ้น
ผู้คนตระกูลเซี่ยคนอื่นๆที่เหลือ ต่างก็รู้อยู่แก่ใจทั้งนั้น แต่ว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกสงสารเห็นใจเซี่ยเจี้ยนโก๋เลยแม้แต่นิดเดียว ได้แต่หัวเราะเยาะเซี่ยเจี้ยนโก๋ว่าไม่รู้จักประมาณตน
ท่านรองเซี่ยแอบถอนหายใจเฮือก ได้แต่หลับตาลง ไม่เห็นดีกว่าจิตใจจะได้สงบ
เซี่ยเจี้ยนโก๋พูดยอมรับผิดด้วยตัวเองว่า “เจ้าบ้านครับ เป็นเพราะผมตาไม่ถึงเอง ถึงกับไปซื้อวิชาฝังเข็มเล่มหนึ่งที่เป็นฉบับก๊อบปี้มาให้ ก็ต้องขอให้เจ้าบ้านอภัยให้ด้วย!”
“ไม่เป็นไร คราวหน้าก็ดูให้ดีๆก่อนก็แล้วกัน” ท่านเซี่ยพูดอย่างเยือกเย็น
“ครับ!” เซี่ยเจี้ยนโก๋จูงมือโจวเฟิน แล้วพาเซี่ยหยู่เวยและหลินหยุน กลับไปนั่งที่ข้างประตูเหมือนเดิม
หลังจากนั้น คนตระกูลเซี่ยก็เริ่มทยอยอวยพรวันเกิดนายท่าน ของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่าหลากหลายชนิด ปรากฏออกมาให้เห็นมากมายนับไม่ถ้วน บรรยากาศในห้องก็เป็นไปด้วยความสนุกสนานครื้นเครง
แต่ว่า มีเพียงครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋ที่ดูราวกับว่าถูกให้อยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง
หลังจากพิธีอวยพรเสร็จสิ้นแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นแล้ว
ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลายก็ไปรวมตัวอยู่ที่ห้องโถงจัดเลี้ยง
ทุกคนต่างก็เลือกโต๊ะที่นั่งของตัวเอง ครอบครัวเซี่ยเจี้ยนโก๋ทั้งสี่คนก็นั่งอยู่โต๊ะเดียวอย่างโดดเดี่ยว
ในไม่ช้า อาหารก็เริ่มเสิร์ฟออกมาแล้ว
หลินหยุนพบว่า อาหารบนโต๊ะของเซี่ยเจี้ยนโก๋นี้ ถึงกับไม่เหมือนของคนอื่นเลย
ของคนอื่นล้วนแต่เป็นหมูเห็ดเป็ดไก่ อาหารเลิศรสชั้นดีหลากหลายมากมาย ส่วนโต๊ะของเซี่ยเจี้ยนโก๋พวกเขานี้ เป็นแค่อาหารตามบ้านธรรมดาสี่อย่างเท่านั้นเอง
ถ้าหากบอกว่าไม่ได้เจตนาจัดให้ ใครจะไปเชื่อ?
โจวเฟินโยนตะเกียบลง พูดด้วยความโกรธว่า “นี่มันก็เกินไปจริงๆแล้ว!”
เซี่ยเจี้ยนโก๋ถอนหายใจเฮือกอย่างจนใจ “ช่างเถอะ กินข้าวกันเถอะ!”
เซี่ยหยู่เวยก็ไม่พูดอะไร ความเยือกเย็นในแววตาก็ยิ่งเข้มขึ้น
หลินหยุนกลับไม่รู้สึกแปลกใจอะไร การต้อนรับเซี่ยเจี้ยนโก๋ของตระกูลเซี่ยนั้น เขาก็คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว มีข้าวให้กินก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
หลังจากดื่มกินกันพอได้ที่แล้ว ทุกคนก็อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มคึกคักขึ้น ภายใต้เสียงคำพูดเอาใจประจบสอพลอนั้น ท่านเซี่ยก็เริ่มมีอาการมึนเมาเล็กน้อย ลุกขึ้นมาพูดอย่างกะทันหันว่า “เมื่อเร็วๆนี้ ฉันรู้สึกรู้แจ้งอะไรบางอย่าง จึงได้เขียนตำราวิชาการฝังเข็มเล่มหนึ่งออกมา อยากจะเชิญเซียนเซิงตันเฉินมาให้คำชี้แนะหน่อย”
“พวกคุณใครสามารถพบเซียนเซิงตันเฉินได้บ้างล่ะ?”
ทุกคนต่างก็ตกใจ!
เซียนเซิงตันเฉินคนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกการแพทย์ ตำแหน่งฐานะยังสูงส่งกว่าเจ้าบ้านตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนทั้งเจ็ดด้วยซ้ำไป อีกทั้งยังเป็นลูกศิษย์ของประธานกู่สมาคมโอสถอีกด้วย โดยปกติแล้วก็จะไม่ยอมลงมาจากเขาง่ายๆ ได้แต่ทุ่มเทให้กับการศึกษาด้านการแพทย์เพียงอย่างเดียว ไม่เคยยอมพบแขกที่ไม่รู้จักมาก่อนเลย”
“อย่าว่าแต่ลูกหลานตระกูลเซี่ยเลย ต่อให้เจ้าบ้านไปเยี่ยมด้วยตัวเอง คาดเดาว่าเซียนเซิงตันเฉินก็อาจไม่แน่ว่าจะยอมเห็นแก่หน้าเขาหรือเปล่า”
“นั่นนะสิ นี่เจ้าบ้านจงใจออกโจทย์ยากขนาดนี้ให้พวกเราเหรอ? หรือว่ากำลังทดสอบพวกเราอยู่?”
ลูกหลานตระกูลเซี่ยทั้งหลาย ในใจต่างก็นึกสงสัย
เซี่ยหยู่เวยถามด้วยความแปลกใจว่า “พ่อคะ เซียนเซิงตันเฉินคนนี้พ่อเคยได้ยินชื่อบ้างหรือเปล่า?”
เซี่ยเจี้ยนโก๋พยักหน้า “พ่อก็พอรู้บ้างเล็กน้อย นี่เป็นหมอเทพระดับแนวหน้าของโลกการแพทย์เลยทีเดียว”
เซี่ยหยู่เวยมองไปยังหลินหยุนแวบเดียว เขาก็ยังเป็นราชาการแพทย์ไม่ใช่เหรอ?
เซี่ยเจี้ยนโก๋กลัวลูกสาวจะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบายว่า “ที่พ่อพูดหมายถึงโลกการแพทย์ ไม่ใช่วงการแพทย์ของประเทศจีน แต่เป็นตระกูลใหญ่การแพทย์แผนจีนรวมทั้งโลกบู๊ด้วย มันเป็นคำเรียกรวมของโลกบู๊โบราณ”
เซี่ยหยู่เวยรู้สึกตกใจ ถึงแม้ว่าเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจโลกบู๊โบราณกับโลกบู๊เท่าไหร่นัก เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็ไม่เคยเล่าให้เธอฟังเลย แต่ว่า เธอสามารถเข้าใจถึงความไม่ธรรมดาของเซียนเซิงตันเฉินคนนี้แล้ว
เซี่ยหยู่เวยพูดเยาะเย้ย “สงสัยว่า ภารกิจนี้คงไม่มีใครกล้ารับ!”
และเป็นจริงที่ว่า ผู้คนตระกูลเซี่ยทั้งหลาย ต่างก็เงียบเป็นเป่าสาก
สีหน้าท่านเซี่ยดูไม่สู้ดีนัก ถึงแม้เขาก็รู้ว่าเซียนเซิงตันเฉินเป็นคนที่พบตัวได้ยากมาก แต่ว่าถ้าใช้สมองคิดไตร่ตรองให้ดีละก็ การที่จะทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไร
อีกทั้ง เดิมทีเขาก็มีความคิดที่จะทดสอบผู้คนทั้งหลายด้วย
แต่ว่า ตระกูลเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่ง ถึงกับไม่มีใครกล้ารับภารกิจนี้ของเขาเลยแม้แต่คนเดียว
“ทำไมล่ะ แค่ไปขอพบหน้าเซียนเซิงตันเฉินครั้งเดียว มันยากมากเลยเหรอ?” น้ำเสียงของท่านเซี่ยเยือกเย็นเล็กน้อย
ภายในงานเลี้ยง ทุกคนเงียบเป็นเป่าสาก เจ้าสองเซี่ยเจี้ยนลี่ เจ้าสามและยังมีเจ้าสี่ ต่างก็ก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาท่านเซี่ยเลยแม้แต่นิดเดียว กลัวว่าท่านเซี่ยจะเลือกพวกเขาให้ไปพบเซียนเซิงตันเฉิน
เซี่ยอิงเหายืนอยู่ข้างๆ สายตาที่เยือกเย็นก็กวาดมองไปยังผู้คนในห้องโถงใหญ่ ในใจพูดเยาะเย้ยว่า “คนมากมายขนาดนี้ ถึงกับไม่มีใครกล้ารับภารกิจของนายท่านเลยแม้แต่คนเดียว พวกเศษสวะทั้งนั้น!”
แต่ว่า เขากลับลืมไปว่า ตัวเองก็ไม่กล้าที่จะรับภารกิจของนายท่านเช่นกัน
เซี่ยเจี้ยนโก๋ถอนหายใจเฮือก “ถ้าหากมีใครที่สามารถรับภาระนี้ไว้ เจ้าบ้านจะต้องยกย่องให้ความสำคัญอย่างแน่นอนเลย”
“แต่ว่า เซียนเซิงตันเฉินคนนั้นไม่เคยยอมพบหน้าคนภายนอกเลย ภารกิจอันนี้ยากที่จะทำสำเร็จได้ ไม่แตกต่างอะไรกับหาเหาใส่หัวเลย”
หลินหยุนมองดูเซี่ยเจี้ยนโก๋ ทันใดนั้นก็พูดขึ้นอย่างเรียบๆว่า “ตอบตกลงเขาไป”