จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 736 เซี่ยเจี้ยนโก๋พลิกสถาณการณ์
สมาชิกทุกคนในตระกูลเซี่ย เห็นเจ้าบ้านของตัวเองคำนับผู้นำสมาคมกู่ รู้อยู่แก่ใจว่า ผู้นำสมาคมกู่กับเซียงเซิงตันเฉิน เป็นตัวจริง
เซี่ยหยู่เวย ถึงกับเชิญเซียงเซิงตันเฉินมาที่บ้านตระกูลเซี่ยได้จริงๆ
แม้แต่ ผู้นำสมาคมกู่ซึ่งเป็นอาจารย์ของเซียงเซิงตันเฉิน ก็ได้รับเชิญมาเช่นกัน
ไม่สิ ฟังน้ำเสียงของเซียงเซิงตันเฉินและผู้นำสมาคมกู่ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้รับเชิญมา
แต่ว่า ริเริ่มมาเยี่ยมเยียนหมอเทพหลินเอง
สมาชิกทุกคนในตระกูลเซี่ย สายตาที่จ้องมองไปที่หลินหยุน ชั่วขณะก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง!
ผู้นำสมาคมกิตติมศักดิ์ของสมาคมโอสถ ดำรงอยู่ในฐานะตัวแทนในโลกทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศ เพียงแต่ว่า หลินหยุนได้ให้ผู้นำสมาคมกู่เรียกตัวเองว่าหมอเทพหลิน และมาที่บ้านตระกูลเซี่ยเพื่อคำนับเขาด้วยตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น หมอเทพคนนี้ ดูเหมือนจะอายุเพียง20ต้นๆเท่านั้น
นี่……
สมาชิกทุกคนในตระกูลเซี่ยไม่สามารถจินตนาการได้ ว่าหลินหยุนเป็นใครและมีทักษะทางการแพทย์วิเศษเพียงใด
นายท่านเซี่ยทักทายกู่หมิงซานกับเซียงเซิงตันเฉินอย่างกระตือรือร้น ต่อหน้าทั้งสองคน นายท่านเซี่ยวางตัวได้ต่ำต้อยมาก
ไม่ใช่ว่านายท่านเซี่ยเอาใจมากเกินไป แต่เป็นเพราะสถานะของสองคนนี้อยู่ในโลกทางการแพทย์นั้นมีระดับสูงเกินไปจริงๆ!
สมาชิกทุกคนในตระกูลเซี่ย พร้อมด้วยนายท่านเซี่ย ได้กล่าวทักทายกู่หมิงซานและลูกศิษย์ ทั่วทั้งตระกูลเซี่ย เนื่องจากทั้งสองคน ยุ่งมากจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้
แต่กู่หมิงซานและเซียงเซิงตันเฉิน ได้ยืนเคียงข้างหลินหยุนตลอด และพูดคุยกับหลินหยุน
ทำให้นายท่านเซี่ยอิจฉาริษยามาก
สมาชิกทุกคนในตระกูลเซี่ย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แววตาแต่ละคนที่มองหลินหยุนนั้น เหมือนกำลังจะลุกเป็นไฟ
หลายคน ริเริ่มในการเข้าหาเซี่ยเจี้ยนโก๋ โดยถามเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหลินหยุน
เซี่ยเจี้ยนโก๋เรียกลูกเขยให้ทุกคนได้ยิน เมื่อเห็นสายตาของฝูงชนที่จ้องมองเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา เซี่ยเจี้ยนโก๋รู้สึกได้ระบายความอึดอัดในใจ!
ความคับข้องใจที่สะสมมานานหลายสิบปี ได้ระบายออกมาทันที
ดังนั้นเซี่ยเจี้ยนโก๋รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องและแอบร้องไห้ ร้องไห้ด้วยความดีใจ!
สำหรับเซี่ยหยู่เวย ยืนอยู่รอบนอก ยืนเงียบๆและมองหลินหยุนที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกู่หมิงซานและเซียงเซิงตันเฉิน
แม้จะอยู่ข้างบุคคลสองคนที่อยู่ระดับสูงสุดในโลกทางการแพทย์ แต่ท่าทีของหลินหยุนยังคงเฉยชา พูดคุยกับพวกเขาสองอย่างใจเย็น
โดยส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาสองคนจะคุยมากกว่า หลินหยุนฟัง และนานๆจะพูดสองสามคำ ทำให้กู่หมิงซานและเซียงเซิงตันเฉินนั้นรู้สึกประหลาดใจ และพยักหน้าตลอด
หลังจากพูดคุยกันสักพัก เดิมทีใบหน้าของเซียงเซิงตันเฉินค่อนข้างเย่อหยิ่ง แต่ตอนนี้เลือนหายไปหมดแล้ว มองไปที่หลินหยุน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ
ท้ายที่สุด ทัศนคติที่ทั้งสองมีเหมือนนักเรียนกับครู ปฏิบัติเช่นนั้นต่อหลินหยุน
ในใจเซี่ยหยู่เวย ไม่มีความตกใจแล้ว แต่รู้สึกชินชาเล็กน้อย
ในช่วงเวลานี้ หลินหยุนได้สร้างปาฏิหาริย์ต่อหน้าเธอมากเกินไป เปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
และปาฏิหาริย์ส่วนใหญ่นั้น เธอได้เห็นมากับตาตัวเอง และประสบกับตัวเอง
ถ้าตอนนั้นเธอไม่ถอนหมั้นในที่สาธารณะ เกียรติยศและความเคารพนับถือที่คนอื่นมีให้หลินหยุนนั้น เธอก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย
แต่ว่า ตอนนี้ไม่เพียงแต่เกียรติยศเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ มันยังเหมือนกับพื้นรองเท้าที่ฉีกขาด ตบบนใบหน้าของเธออย่างรุนแรง
“ฉันไม่เต็มใจ!”
“หลินหยุน ถ้าก่อนหน้านี้นายบอกฉันทุกอย่าง ฉันจะไปถอนหมั้นในที่สาธารณะได้อย่างไร! ฉันจะยืนข้างหลังนาย เพื่อช่วยจัดการความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และเพิ่มพูนผลประโยชน์สูงสุด”
“ฉันจะเป็นภรรยาที่เก่งของนาย ให้ชื่อเสียงในอาชีพของนายพุ่งสูงขึ้น เพิ่มความรุ่งโรจน์ให้ถึงระดับสูงสุด ฉันกับนาย มีเกียรติยศร่วมกัน ฉันจะดูแลตัวเอง จริงใจต่อนายคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง”
“เพราะนาย เป็นเพราะนาย ตั้งแต่เริ่มต้นนายก็วางกลอุบายให้ฉัน ปิดบังฉันเกี่ยวกับทุกอย่างในตัวนาย!”
“ไม่ใช่ว่าฉันทิ้งนาย ตั้งแต่เริ่มแรกแต่นายต้องการทิ้งฉัน!”
“นายเป็นสามีของฉัน ใครหน้าไหนก็อย่าคิดมาแย่งไป แม้แต่อีหลิงก็ไม่ได้”
“ต่อให้ตาย ฉันก็ไม่ยอมแพ้!”
ดวงตาของเซี่ยหยู่เวย เผยความบ้าคลั่งออกมา นิสัยของเธอ ถูกกำหนดไว้สิ่งที่เคยเป็นของเธอๆจะไม่ยอมแพ้ จะไม่ยอมสูญเสียไปเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ เธอไม่เข้าใจ เพื่อที่จะกตัญญูต่อพ่อแม่ เธอยอมให้หลินหยุนเป็นลูกเขยที่แต่งเข้ามาอยู่ในบ้านตัวเอง
เมื่อเธอโตขึ้น เธอรู้ว่าเธอต้องการอะไร ดังนั้นเธอจึงพยายามเต็มที่เพื่อจะได้หัวใจเว่ยเทียนหมิง ไปดูหมิ่นหลินหยุนโดยไม่คำนึงถึงจิตสำนึกและมโนธรรมเพื่อเอาใจเว่ยเทียนหมิง
เดิมทีคิดว่า เธอได้เปลี่ยนชะตากรรมของเธอสำเร็จแล้ว
แต่ว่า ในท้ายที่สุดเธอพึ่งค้นพบว่า สามีที่เธอดูหมิ่นเหยียดหยามมาตลอด คือคนที่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของเธอได้โดยสิ้นเชิง
เธอจะเต็มใจได้อย่างไร? อย่างที่บอก ต่อให้ตาย ก็ไม่ยอมแพ้
นายท่านเซี่ยและสมาชิกตระกูลเซี่ย อยู่ข้างๆต่างเฝ้าดูอย่างเงียบๆ สายตาของพวกเขา เปลี่ยนจากความสงสัย เป็นความตกใจ ท้ายที่สุดทั้งหวาดกลัวทั้งนับถือ
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเซี่ยเจี้ยนโก๋มาตลอด ลูกเขยที่แต่งไปอยู่ในบ้านผู้หญิงเป็นคนที่เงียบขรึมไม่ชอบพูด กลายเป็นคนที่ซ่อนอยู่ในฝูงชน เป็นบอสที่ใหญ่ที่สุด
กู่หมิงซานกับเซียงเซิงตันเฉิน พูดคุยกับหลินหยุนจนถึงบ่ายค่อยกลับ และรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านตระกูลเซี่ย
นายท่านเซี่ยได้บริการอย่างเต็มที่ สามารถเชิญกู่หมิงซานกับเซียงเซิงตันเฉินมาทานอาหารได้ หลังจากนี้ถ้าออกไปไหน เขาก็มีเรื่องจะได้โอ้อวดแล้ว
ก่อนที่จะจากไป ทั้งสองยังมีความรู้สึกดีๆ ต้องการนัดกับหลินหยุนอีก หากมีโอกาสจะไปเยี่ยมหลินหยุนอีกครั้ง และรับฟังคำสอนของหลินหยุน
หลังจากที่กู่หมิงซานกับเซียงเซิงตันเฉินจากไปแล้ว นายท่านเซี่ยรีบประกาศในทันที ได้เอาบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ สำหรับเซี่ยเจี้ยนโก๋ ต่อไปก็ให้เซี่ยเจี้ยนโก๋พักอาศัยอยู่ในตระกูลเซี่ย
เมื่อได้ยินนายท่านเซี่ยพูดคำเหล่านี้ในที่สาธารณะ ดวงตาของเซี่ยเจี้ยนโก๋ ก็อดไม่ได้ที่จะร้องให้อีกครั้ง
หลังจากรอคอยมานานหลายปี ในที่สุดฉันก็มีผลลัพธ์ที่ดี
นายท่านเซี่ยไม่ได้ไปพูดคุยกับหลินหยุน และไม่ได้กล่าวชื่นชมใดๆ เขาเข้าใจ คนระดับสูงอย่างหลินหยุน ความคิดและไตร่ตรอง อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา
แต่ว่าต่อหน้าสมาชิกทุกคนในตระกูลเซี่ย เขาได้ยกสถานะของเซี่ยเจี้ยนโก๋ ให้สูงขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก และเตือนทุกคนอย่างเข้มงวด ต่อไปเซี่ยเจี้ยนโก๋จะเป็นหัวหน้าของตระกูลเซี่ย หากมีใครกล้าดูหมิ่นเซี่ยเจี้ยนโก๋ จะถูกลงโทษโดยกฎของตระกูล
เซี่ยเจี้ยนโก๋เข้าใจ ที่นายท่านเซี่ยทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะมีจิตสำนึก แต่เพราะเขามีลูกเขยที่ดี
อย่างไรก็ตาม เซี่ยเจี้ยนโก๋รู้อยู่แก่ใจว่า ลูกเขยคนนี้ อีกไม่นาน ก็จะจากพวกเขาไป
อดไม่ได้ สายตาของเซี่ยเจี้ยนโก๋ มองไปที่เซี่ยหยู่เวย “หึหึ ลูกสาว พ่อมองคนผิด คิดไม่ถึงว่าเธอก็มองคนผิดไป!”
“ตอนนี้เธอ คงจะเสียใจมากใช่ไหม! แต่ว่า มันสายเกินไปแล้วที่จะมาเสียใจ ในโลกนี้ ไม่เคยมียารักษาความเสียใจ”
“ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าเรื่องอะไร เมื่อเลือกแล้ว ต้องรับผลที่ตามมา!”
เจ้าสามของตระกูลเซี่ย พาเซี่ยเจี้ยนโก๋ ไปดูบ้านที่นายท่านเซี่ยจัดสรรให้เขา
ระหว่างทาง ทัศนคติของเจ้าสามของตระกูลเซี่ยที่มีต่อเซี่ยเจี้ยนโก๋นั้น ได้เปลี่ยนไปหนึ่งร้อยแปดสิบองศา เรียกพี่ใหญ่ตลอด เพียงแค่ระยะทางสั้นๆ ก็อยากที่จะปรนนิบัติรับใช้
บ้านที่นายท่านเซี่ยมอบให้กับครอบครัวของเซี่ยเจี้ยนโก๋ อยู่ในตระกูลเซี่ย ก็เป็นบ้านที่มีระดับหนึ่งหรือสอง เมื่อเทียบกับบ้านของนายท่านเซี่ย ก็พอๆกัน
เมื่อเขาเห็นบ้านหลังนี้ เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็ถอนหายใจ มองไปที่โจวเฟิน และถอนหายใจ “คุณรู้หรือไม่? บ้านหลังนี้เป็นบ้านตอนเด็กๆฉันชอบมาก แต่ว่า ฉันไม่เคยได้เข้าไป เพราะฉันเป็นไอ้เศษสวะที่ไม่สามารถฝึกฝนบู๊”
ตระกูลเซี่ยของเรา ไม่เลี้ยงไอ้เศษสวะ”
เมื่อพูดถึงคำพูดเหล่านี้ เซี่ยเจี้ยนโก๋ก็เจ็บปวดใจ เพราะคำพูดเหล่านี้ เขาจึงร่อนเร่อยู่ภายนอกหลายสิบปี
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหยุน ทั้งชีวิตเขาอาจจะไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีก ยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้