จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 757 ถูกล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน
ชั่วพริบตาเดียว ชาวจีนทั้งสี่คน ก็ได้เผชิญหน้ากับชาวรัสเซียทั้งห้าคนนั้นแล้ว
ต่างฝ่ายต่างหยุดอยู่กับที่ซึ่งห่างกันประมาณราวห้าเมตร
ห่าวจ้านพูดเสียงดังด้วยความสนิทสนมว่า “พี่น้องสมาชิกชาวรัสเซียทุกท่าน พวกคุณมาได้จังหวะพอดีเลย กลุ่มสมาชิกทีมอเมริกาพวกนั้นกำลังตามไล่ล่าพวกเราอยู่ข้างหลัง พวกเรามาร่วมมือกันต่อสู้กับพวกเขาเถอะ อย่าให้พวกเขามีโอกาสตั้งรับได้เลย!”
สมาชิกชาวรัสเซียห้าคนนั้น มีชายฉกรรจ์รูปร่างสูงประมาณสองเมตรกว่า ขนหน้าอกดกดำคนหนึ่ง เดินออกมาข้างหน้า
“ชาวจีนทุกท่าน ขออภัยด้วย พวกคุณไปไหนไม่ได้แล้ว”
อ๋อเหรอ?
“หมายความว่ายังไง?” ห่าวจ้านหน้าถอดสี ถามด้วยความสงสัย
ชายรูปร่างบึกบึนคนนั้นพูดว่า “ภายในทีมชาวจีนพวกคุณ มีคนทรยศคนหนึ่ง ในตัวเขามีแก้วหินจำนวนมากมาย แต่ว่าเขากลับใช้มันมาแลกเปลี่ยนกับหินทิพย์ของแต่ละประเทศไป”
“หินทิพย์ชนิดนี้ จะมีแต่ที่ทางโลกตะวันตกเท่านั้น ดังนั้น พวกเราจึงไม่สามารถที่จะแลกเปลี่ยนกับสมาชิกทีมของพวกคุณคนนั้นได้”
“เพื่อไม่ให้พวกเราต้องมีชื่ออยู่ในลำดับรั้งท้ายมากจนเกินไปในสนามล่าครั้งนี้ พวกเราจึงได้แต่ร่วมมือกับชาวอเมริกาชั่วคราว เพื่อมากำจัดทีมชาวจีนพวกคุณออกไปก่อน”
ชายสูงผอมอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังก็ตะโกนด้วยเสียงที่แหลมว่า “พิวรีน ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระกับพวกนี้เลย ชาวจีนก็เป็นชนเผ่าที่เห็นแก่ตัวอยู่แล้ว พวกเขาไม่คุ้มค่าที่จะให้พวกเราร่วมมือกับพวกเขาด้วยหรอก!”
เฉินโก๋ซ่งสีหน้าสงสัย “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ทีมชาวจีนทั้งหมดมีห้าคน ตอนนี้อยู่ที่นี่สี่คน มีแต่หลินหยุนคนเดียวที่ไม่อยู่
คนที่ชาวรัสเซียพูดถึง ก็ย่อมต้องเป็นหลินหยุนอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่า หลินหยุนไปเอาแก้วหินมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน?
เจียงเจิ้งฉีที่ไม่ค่อยชอบหน้าหลินหยุนมาโดยตลอดอยู่แล้ว จึงรีบพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฮื่อ ฉันบอกแต่แรกแล้วว่า ปรมาจารย์บ้าบออะไรนั่น เขาคู่ควรจะมาเป็นผู้นำได้ยังไงกัน! พวกคุณก็ได้ยินแล้วนะ เขาถึงกับเอาแก้วหินมาแลกเปลี่ยนกับทีมชาวอเมริกาและอังกฤษพวกนั้น!”
“แก้วหิน นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราตามล่ามาด้วยชีวิต เขาถึงกับเอาไปแลกเปลี่ยนกับคู่แข่งของพวกเราได้!”
ห่าวจ้านก็ตะโกนพูดว่า “ปรมาจารย์หลิน ทำอย่างนี้มันมากเกินไปจริงๆ”
“เขามีแก้วหินจำนวนมากมายขนาดนั้น ทำไมไม่พูดแต่แรก อาจไม่แน่คราวนี้พวกเราสามารถคว้าที่หนึ่งในสนามล่าเจ็ดเผ่าก็ได้นะ!”
“น่าเสียดายจริงๆเลย เขาถึงกับเอาไปแลกเปลี่ยนกับคู่ต่อสู้ของพวกเราไปแล้ว!”
แม้แต่เฉินโก๋ซ่งที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอด คราวนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยหลินหยุนขึ้นมาบ้างแล้ว
มีแต่ยิ่งตงไหลเท่านั้น ที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวหลินหยุนเป็นอย่างมาก
“ทุกคนอย่าได้หลงเชื่อคำพูดซี้ซั้วของพวกเขา คำพูดของพวกเขาไม่มีหลักฐานอะไรเลยอีกอย่างฉันเชื่อว่าต่อให้หลินหยุนเอาแก้วหินไปแลกกับคนอื่น ก็จะต้องมีเหตุผลของเขาอย่างแน่นอน” ยิ่งตงไหลช่วยพูดแก้ตัวให้กับหลินหยุน
เจียงเจิ้งฉีพูดเยาะเย้ยว่า “คุณกับเขาก็อยู่ด้วยกันมาก่อน คุณก็ต้องช่วยพูดเข้าข้างเขา ตอนนี้ฉันกลับยิ่งสงสัยว่า เจ้าเด็กนี่จะเป็นไส้ศึกที่ศัตรูจงใจส่งมาร่วมทีมกับพวกเรา แล้วคอยยุแยงให้พวกเราแตกแยกกับชาวรัสเซีย เพื่อที่พวกคนอเมริกัน จะได้จู่โจมทีละคนได้สะดวกยิ่งขึ้น”
ยิ่งตงไหลพูดด้วยความโกรธว่า “เจียงเจิ้งฉี คุณอาศัยชื่อเสียงของเจียงร่อโจ๋ แล้วข่มเหงคนอื่นมาโดยตลอด ฉันทนคุณมานานแล้ว ถ้าคุณยังจะกล้าใส่ร้ายหลินหยุนอีกละก็ งั้นมาสู้กับฉันสักครั้งก่อนแล้วกัน!”
เมื่อเห็นวิกฤตที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้เลย คนของตัวเองก็ยังสู้รบกันเองอีกด้วย เฉินโก๋ซ่งจึงตะคอกเสียงดังว่า “พอแล้ว ทุกคนหยุดพูดได้แล้ว!”
“พวกเราไม่ควรฟังคำพูดของคนอื่นเพียงฝ่ายเดียว หลินหยุนทางนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่เราจำเป็นต้องรอถามต่อหน้าให้แน่ชัดก่อน!”
“ตอนนี้ สิ่งที่ต้องเร่งทำที่สุดก็คือ จะต้องฝ่าวงล้อมของพวกเขาออกไปให้ได้! จากนั้นก็รีบติดต่อหลินหยุนให้เร็วที่สุด แล้วค่อยถามรายละเอียดสถานการณ์ให้แน่ชัด”
เฉินโก๋ซ่งขณะเผชิญปัญหาตรงหน้าแต่ยังคงควบคุมสติได้ดี เลือกตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด
ห่าวจ้านกำหมัดไว้แน่น จนข้อนิ้วเกิดเสียงดังกรอบแกรบ “ผู้ช่วยเฉินพูดถูกต้องแล้ว พวกเรารีบฝ่าวงล้อมออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ฉันก็อยากจะประลองกับพวกตัวประหลาดชาวรัสเซียมานานแล้ว เมื่อก่อนเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงทำอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้ได้สมใจอยากสักที”
“มาเลยสิ!” พิวรีนโค้งตัวลงเล็กน้อยตั้งท่ารับศึก
“แฮๆ เจ้าเด็กเวรชาวจีนทั้งหลาย พวกแกยังคิดจะหนีไปไหนอีกเหรอ?” เสียงผู้หญิงที่แหลมแสบแก้วหูพูดเยาะเย้ยดังกังวานอยู่รอบๆอากาศ
เคลลี่ หมอผีฝรั่งที่เป็นหัวหน้าทีมฝรั่งเศสในชุดผ้าคลุมสีดำทั้งตัว เดินเข้ามาจากที่ไม่ห่างไกลนัก ข้างหลังของเธอยังมีชายหนุ่มรูปหล่ออีกสองคนเดินตามหลังมาด้วย
ติดตามมาด้วย ทิศทางอีกด้านหนึ่ง อาร์เธอร์ก็ได้พาอัศวินโต๊ะกลมหลายคน เดินเข้ามาด้วยกัน
ขณะเดียวกัน ยังมีสมาชิกทีมอเมริกันสามคน ภายใต้การนำของชาร์ลีก็เดินเข้ามาด้วย
สมาชิกหลายคนของชาวอินเดียและญี่ปุ่นเมื่อกี้ ก็เดินเข้ามาเช่นกัน
ตอนนี้ เท่ากับว่าคนของชาติที่เหลืออีกหกประเทศนั้น ก็ได้รวมตัวกันขึ้นมา ล้อมรอบสมาชิกชาวจีนทั้งสี่คนนี้ไว้แล้ว
สีหน้าของชาวจีนทั้งสี่คนเปลี่ยนเป็นยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น แม้แต่แค่ทีมอเมริกันชาติเดียว พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้เลย อย่าว่าแต่ตอนนี้ที่มีตั้งหกทีมร่วมมือกัน มาล้อมโจมตีทีมจีนเลย
“ฮื่อ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ต้องโทษที่หลินหยุนเพียงคนเดียวเลย! หลังจากกลับไปแล้ว ฉันจะต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้กับผู้ประธานาธิบดีฟังด้วยตัวเอง นี่ก็คือคนที่เขาออกคำสั่งแต่งตั้งให้มาเป็นผู้นำทีม!”
เจียงเจิ้งฉีก็หยิบยันต์หยกออกมา
เฉินโก๋ซ่งสีหน้าบึ้งตึง คิดอยากจะห้ามแต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา อย่างน้อยสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าวิกฤตมากแล้ว ถ้าเจียงเจิ้งฉีคิดจะล่าถอย ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิอะไรเลย
“พวกคุณยังยืนบื้ออยู่ทำไมกัน! หรือว่าคิดอยากจะตายอยู่ที่นี่เหรอ?” เมื่อเห็นพวกเฉินโก๋ซ่งต่างก็ไม่ขยับเลย เจียงเจิ้งฉีจึงพูดตะคอกใส่
ห่าวจ้านพูดด้วยความโกรธว่า “จะหนีคุณก็หนีไปคนเดียวสิ ยังจะมายุ่งกับพวกฉันทำไมอีก!”
เจียงเจิ้งฉีสีหน้าแดงก่ำ พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “สถานการณ์ตรงหน้าตอนนี้หกประเทศร่วมมือกันห้อมล้อมพวกเราอยู่ นอกจากต้องใช้ยันต์หยกหนีไปก่อน หรือว่าคุณยังมีวิธีอื่นอีกเหรอ?”
ห่าวจ้านพูดอย่างดูถูกว่า “มีหรือไม่มีก็ต้องสู้กันก่อนแล้วถึงจะรู้ ไม่สู้กลับถอยหนีไป ไม่ใช่สไตล์ของฉัน”
“ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะต้องลากศัตรูอีกสองคนตายไปด้วยกัน”
เฉินโก๋ซ่งพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “เจียงเจิ้งฉี คุณหนีไปก่อนเถอะ! ถ้าพวกเราตายอยู่ที่นี่ ก็ถือว่าสละชีพเพื่อชาติแล้ว”
เจียงเจิ้งฉีรู้สึกเหมือนถูกสบประมาทขึ้นมาทันที ตะโกนพูดด้วยความโกรธว่า “ใช่ๆๆพวกคุณล้วนเป็นวีรบุรุษเสียสละชีวิตเพื่อชาติ ส่วนฉันรักตัวกลัวตาย ฉันเป็นแค่ไอ้คนขี้ขลาด!”
“แต่ฉันจะบอกพวกคุณให้นะ พวกเราตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่รวมตัวเป็นพันธมิตรหกประเทศ พวกคุณนี่ไม่ใช่เรียกว่าสละชีพเพื่อชาติ พวกคุณนี่เรียกว่ารนหาที่ตายเองต่างหาก!”
“พวกคุณยังจำคำพูดที่จอมพลหงกำชับไว้ได้ไหม? ตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดี และพวกเราจะต้องเก็บรักษาพลังที่มีอยู่ทั้งหมดไว้ อย่าได้เสียสละกับสิ่งไร้ค่าเลย!”
ยิ่งตงไหลพูดว่า “งั้นก็รออีกประเดี๋ยว ไม่แน่อาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้?”
เจียงเจิ้งฉีพูดด้วยความโกรธว่า “ปาฏิหาริย์เหรอ? หรือว่าคุณยังหวังให้มีก้อนหินยักษ์หล่นจากฟ้ามาทับพวกเขาตายงั้นเหรอ?”
“คุณฝันไปแล้ว!”
ยิ่งตงไหลที่ไม่ค่อยชอบหน้าเจียงเจิ้งฉีอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินเจียงเจิ้งฉีพูดดูถูกเขา ก็ย่อมไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน “ที่ฉันพูดหมายถึงหลินหยุนต่างหาก! เผื่อไม่แน่ว่าเขามีทางที่จะฝ่าวงล้อมออกไปได้นะ?”
เจียงเจิ้งฉีสีหน้าตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย้นหยัน “นี่เป็นเรื่องน่าขำที่สุดในโลกเลย! มาถึงเวลานี้แล้ว คุณยังจะฝันว่าหลินหยุนตัวซวยนั่นจะมาช่วยคุณอีกเหรอ?”
“ยิ่งตงไหล ฉันว่าคุณคงถูกยาพิษของเจ้าเด็กนั่นแล้วล่ะ ไม่สามารถเยียวยาได้อีกแล้ว!”
“อย่าว่าแต่เขาที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสภาพพวกเราตอนนี้เป็นยังไง ต่อให้เขาอยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ ลำพังเขาเพียงคนเดียว จะสามารถแก้ไขอะไรได้!”
“เพียงแค่ความสามารถอันน้อยนิดของเขานั่น เอามาใช้หลอกลวงคนธรรมดาทั่วไปในประเทศจีนก็พอได้บ้าง ถ้าจะสู้กันจริงๆแล้วละก็ ฉันสามารถใช้มือบีบเขาให้ตายได้อย่างง่ายดายเลย!”
“คุณก็ลองบีบให้ฉันดูหน่อยสิ!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่เยือกเย็นดังแว่วขึ้นมากลางอากาศ เสียงที่เยือกเย็นห่างเหินราวกับไร้ความรู้สึก
ยิ่งตงไหลดีใจมาก “ใช่หลินหยุน เขามาได้เร็วจริงๆ!”
ในระหว่างที่แต่ละประเทศทยอยกันปรากฏตัวขึ้นเมื่อครู่นั้น ยิ่งตงไหลก็แอบทำลายยันต์สื่อสารที่หลินหยุนทิ้งไว้ให้
พอดีหลินหยุนอยู่ที่ที่ไม่ห่างไกลนัก จึงได้รีบตามมาอย่างสุดฤทธิ์
สมาชิกของแต่ละประเทศ สายตาทั้งหมดต่างก็จดจ้องไปยังหลินหยุนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆในที่ห่างไปไม่ไกลนัก
ชาร์ลีผู้นำทีมอเมริกา สีหน้าแปลกประหลาด
อาร์เธอร์สีหน้าเยือกเย็น แต่ว่าสายตาส่องประกายวาววับเป็นระยะๆ
พิวรีนชาวรัสเซียขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหลินหยุนอายุน้อยขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่แสดงสีหน้าดูถูกออกมา
“ปล่อยให้เขาเข้ามา”
“ยังไงเพื่อนสมาชิกทีมของเขาก็อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว เขาหนีไม่รอดหรอก” ชาร์ลีสั่งการ