จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 760 ฉันมีดาบหนึ่งเล่ม
หลินหยุนเดินมาข้างหน้าหลายก้าว ยืนอยู่กับที่แล้วเอามือทั้งสองไขว้หลัง พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ฉันขอพูดอีกครั้ง ใครข้ามเขตนี้มาตาย!”
น้ำเสียงที่ใสเย็น ราวกับคำพิพากษาวันสิ้นโลก ดังก้องกังวานอยู่ข้างหูของทุกคน
ตอนที่หลินหยุนพูดคำพูดนี้ครั้งแรก ไม่มีใครเชื่อเลย มิหนำซ้ำทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเขาว่าขี้โม้คุยโวอีกด้วย
แต่ว่า ตอนนี้หลินหยุนได้ทำตามคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้แล้ว ใครข้ามเขตนี้มาตาย
อัศวินโต๊ะกลมทั้งสองเมื่อครู่นั้นก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว
“เขายอมที่จะแข็งขืนรับพลังโจมตีของดาบในศิลา ก็จะต้องฆ่าอัศวินโต๊ะกลมทั้งสองนั้นให้ได้ เจ้าเด็กนี่เสียสติไปแล้ว!” ผีดูดเลือดร้องด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ
ชาร์ลีแอบกวาดสายตาไปยังผู้คนทั้งหลาย ถึงแม้ว่าพวกเขาได้เปรียบจากการที่มีจำนวนคนมากกว่าก็จริง แต่ว่า สภาวะที่ฮึกเหิมกลับถูกหลินหยุนลดทอนลงไปแล้ว
“จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นขวัญกำลังใจจะล่มสลายไปหมด!” ชาร์ลีแอบคิดในใจ
ทันใดนั้นชาร์ลีก็ตะโกนพูดเสียงดังขึ้นว่า “ท่านทั้งหลาย พลังความสามารถเจ้าเด็กนี่ไม่เลวเลย พวกเราอย่าได้ประมาทเขาเชียวนะ!”
“ขอให้ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน บุกเข้าไปด้วยกัน อย่าให้เขามีโอกาสจัดการพวกเราทีละคนได้!”
มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดผีดูดเลือดพูดเย้ยหยันว่า “พูดได้น่าฟังจริง ตอนที่ชาวอังกฤษเข้าไปสู้ตายเมื่อกี้ คนอเมริกันพวกแกทำไมไม่บุกขึ้นไปล่ะ?”
“พวกคุณก็มีแต่รอให้พวกเราบุกขึ้นไปสู้ตายก่อน หลังจากนั้นพวกคุณก็รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีหลัง นอกเสียจากว่าพวกคุณลุยไปก่อน ไม่เช่นนั้นฉันก็ยืนยันจะไม่ลุยขึ้นไปก่อนแน่นอน” มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดเอามือทั้งสองกอดอกไว้ สีหน้าท่าทางเฉยเมย
ชาร์ลีสีหน้าเย็นชา ทำตาถลนใส่มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ด เมื่อพบว่ามาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดไม่สนใจเขาเลย จึงได้หันหน้าไปยังเคลลี่หัวหน้าทีมฝรั่งเศส
“หัวหน้าเคลลี่ คุณช่วยควบคุมลูกน้องคุณให้ดีด้วยนะ!”
เคลลี่พูดด้วยเสียงหัวเราะเบาๆว่า “ชาร์ลีที่รัก มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดค้างคาวขี้เหร่ที่น่ารังเกียจนี้ ฉันไม่เคยที่จะควบคุมได้เลย ถ้าคุณสามารถช่วยฉันสั่งสอนเขาแล้วละก็ ฉันจะขอบคุณคุณมากเลย!”
สีหน้าชาร์ลีแลดูน่าเกลียดมาก ท่าทางของเคลลี่เห็นได้ชัดว่ากำลังปัดให้พ้นตัวไป
ชาร์ลีก็มองไปยังชาวญี่ปุ่นและชาวอินเดีย แล้วพูดว่า “หัวหน้าโมเช่ หัวหน้าซาโต้ พวกคุณก็จะปฏิเสธข้อเสนอของฉันด้วยเหรอ?”
ชาร์ลีสีหน้าบึ้งตึง สายตาแฝงไปด้วยการข่มขู่
แต่ว่า โมเช่ชาวอินเดียและซาโต้ชาวญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาก็ไม่อยากเป็นตัวกันกระสุนให้กับชาวอเมริกาเหมือนกัน
โมเช่เอามือทั้งสองวางบนหน้าอก โค้งคำนับด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด แล้วพูดว่า “คุณชาร์ลีครับ เราชาวอินเดียยอมที่จะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับชาวอเมริกา อย่างน้อย พวกเราก็เป็นพันธมิตรที่สนิทที่สุด”
“ถ้าพวกคุณเริ่มลงมือบุกไปก่อน แล้วพวกเราก็จะตามหลังไปทันที”
ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ ถ้าพวกคุณชาวอเมริกันบุกเข้าไปก่อน งั้นพวกเราก็จะบุกตามหลังไปด้วย แน่นอนที่ว่า ถ้าพวกคุณชาวอเมริกาไม่บุกก่อน แล้วจะให้พวกเราชาวอินเดียเป็นตัวกันกระสุนให้ ขอโทษด้วย ท่านก็อย่าฝันไปแล้ว
ชาร์ลีสีหน้าบึ้งตึงยิ่งขึ้น สุดท้ายมองไปยังซาโต้ชาวญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นก็เป็นสุนัขรับใช้ของชาวอเมริกามาโดยตลอดอยู่แล้ว ชาร์ลีรู้สึกว่า น่าจะเริ่มฝ่าด่านปราการของชาวญี่ปุ่นก่อน
แต่ว่า ยังไม่ทันรอให้ชาลีพูดเลย ซาโต้ก็พูดขึ้นมาก่อนว่า “คุณชาร์ลีครับ พวกเราก็เหมือนกับชาวอินเดียเช่นกัน คือจะบุกตามไปทีหลังทันที!”
“พวกแก……..พวกบัดซบทั้งนั้น!” ชาร์ลีด่าทอด้วยความโกรธ
ทางฝั่งชาวจีนทางนี้ เมื่อห่าวจ้านเห็นความแตกแยกภายในพันธมิตรร่วมของแต่ละประเทศแล้ว จึงหัวเราะเยาะเสียงดังว่า “ชาร์ลี คุณอย่าคิดว่าทุกคนเป็นไอ้งั่งไปหมดสิ ไม่มีใครเขาหลงกลคุณหรอก ถ้าแน่จริงละก็ มาสู้กันซึ่งหน้ากับฉันสักสามร้อยกระบวนท่าสิ!”
ฮอลล์เดินมาข้างตัวชาร์ลี แล้วพูดกระซิบว่า “สงสัยพวกเราจำเป็นจะต้องนำหน้าไปก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่ยอมลงมือแน่”
ชาร์ลีเเอบกำหมัดไว้แน่น ได้แต่ตะโกนพูดกับพวกสมาชิกชาติอื่นอย่างไม่มีทางเลือกว่า “ได้ พวกเราจะลงมือลุยก่อน พวกคุณก็รีบตามหลังมาก็แล้วกัน!”
“ถ้าหากให้ฉันรู้ว่าพวกคุณใครไม่ยอมลงมืออย่างจริงจังละก็ หลังจากที่ออกจากที่นี่ไปแล้ว ฉันจะไปรายงานท่านประธานาธิบดีที่รัฐสภา!”
เคลลี่หัวเราะเยาะว่า “วางใจเถอะ ขอเพียงแค่คนของคุณลงมือลุยก่อน พวกเราจะต้องบุกเข้าไปอย่างสุดฤทธิ์แน่นอนเลย”
ชาลีทำเสียงฮื่อใส่อย่างไม่พอใจ เขามีความคิดจริงๆที่ว่า จะรอให้หลินหยุนใช้กำลังปราบคนชาติอื่นจนหมดแรงก่อน และหลังจากที่บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่ายแล้ว เขาถึงจะไปตามเก็บทีหลัง
แต่สมาชิกทีมชาติอื่นก็ไม่ใช่คนโง่ จะให้ชาร์ลีสมหวังอย่างนี้ได้ยังไงกัน?
แต่ว่า ถึงอย่างไรก็ตาม ชาร์ลีก็ไม่เคยละทิ้งในการโจมตีชาวจีน รวมทั้งหลินหยุนด้วย
ลำพังแค่หินทิพย์ในตัวของหลินหยุนนั้น ชาร์ลีก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้หลินหยุนออกไปจากที่นี้อย่างปลอดภัยได้แล้ว
“ไอ้เด็กเวร ไปตายซะ!”
ชาร์ลีก็ใส่เสื้อเกราะห่อหุ้มทั้งตัว ปากกระบอกปืนที่มืดมิดเล็งตรงไปยังหลินหยุน
ฮอลล์ก็เล็งปากกระบอกปืนไปยังหลินหยุนเช่นกัน
“ตับตับตับตับ……”
ทั้งสองคนก็เริ่มกราดยิง
ชาร์ลีตะโกนพูดว่า “ยังไม่ลงมือกันอีก!”
เคลลี่พูดเยาะเย้ยว่า “มาแล้ว!”
“ท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ โปรดประทานพละกำลังให้ฉันด้วย!”
เคลลี่ยกมือทั้งสองขึ้นสูง ภายใต้เสื้อคลุมสีดำที่ใหญ่โตนั้น สามารถเห็นรูปร่างที่สะโอดสะองของเธอได้
แผ่นภาพดาวห้าแฉกที่ใหญ่โตมโหฬาร ก็ปรากฏอยู่ใต้เท้าของเคลลี่ ไอมนต์ดำก็คละคลุ้งทั่วเรือนร่างของเคลลี่
อาร์เธอร์ทำเสียงฮื่อใส่ มือลากดาบในศิลาไว้ แล้ววิ่งตรงไปยังหลินหยุนอย่างรวดเร็ว
โมเช่ก็ถลกจีวรขึ้นมา ปากก็พูดจาภาษาอะไรที่ฟังไม่เข้าใจ รูปร่างก็พองโตสูงขึ้นถึงสามเมตร ยกไม้เท้าสยบมารขึ้น แล้วพุ่งตรงไปยังหลินหยุน
ซาโต้และเผ่านินจาทั้งหลาย ก็หายไปจากที่เดิม ล่องหนอยู่ท่ามกลางอากาศ
ฮาร์ทชาวรัสเซียมองไปยังพิวรีน แล้วถามว่า “พวกเราจะลงมือด้วยไหม?”
พิวรีนพูดว่า “ไม่ต้องรีบร้อน พวกเรานั่งดูเหตุการณ์ไปก่อน”
คนของรัสเซีย ก็คิดอยากจะตามเก็บผลประโยชน์ทีหลังเหมือนกัน
เฉินโก๋ซ่งตะคอกเสียงดังว่า “เตรียมพร้อมสู้ศึก!”
ห่าวจ้านหัวเราะเสียงดัง ชักเอากระบองเหล็กเล่มหนึ่งออกมา จากนั้นก็ร่ายท่าไปสักพักหนึ่ง กระบองถึงกับกลายเป็นดาบพระจันทร์เสี้ยวมังกรเขียวด้ามหนึ่ง
ห่าวจ้านถือดาบไว้ในมือ ด้วยท่าทีที่น่าเกรงขาม ท่วงท่าสง่างามราวกับกวนอูสมัยนั้นเลย
ยิ่งตงไหลก็ยืนอยู่ข้างกายหลินหยุนอย่างเงียบๆ ตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้รบ
เฉินโก๋ซ่งสีหน้าเคร่งเครียด ยืนอยู่อีกข้างหนึ่งของหลินหยุน ประสานเคียงคู่กับห่าวจ้านและหลินหยุนทั้งสองคน วางแนวเตรียมพร้อมรับมือศัตรู
เจียงเจิ้งฉียืนอยู่ข้างหลังห่างออกไปไกลจากหลินหยุนด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ ราวกับว่าต้องการจะยืนดูอยู่เฉยๆมากกว่า
หลินหยุนกวาดสายตาไปยังพวกเฉินโก๋ซ่งทั้งหลาย พูดอย่างเรียบๆว่า “พวกคุณไปยืนอยู่ข้างหลังผมก็ได้แล้ว”
พูดจบ ก็ค่อยๆเดินออกไปหนึ่งก้าว
เพียงแค่เดินออกไปก้าวเดียว ก็ดูราวกับทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนไปหมด
“ใครข้ามเขตนี้มาตาย!”
ขณะที่เผชิญหน้ากับการโอบล้อมโจมตีของสมาชิกทีมแต่ละประเทศ เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองหลายสิบเท่า หลินหยุนก็ยังคงพูดคำพูดนี้ออกมาอย่างเรียบๆ
“ฮื่อ เจ้าเด็กน้อย ความตายมาถึงหน้าแล้วแกยังคุยโวขี้โม้อีก!” ชาร์ลีสีหน้าเย้ยหยัน ปากกระบอกปืนที่แขนกลับเปลี่ยนเป็นหัวจรวดลูกหนึ่งไปแล้ว
“ไปตายซะ!”
หัวจรวดก็ลากหางเปลวไฟออกไป ราวกับดาวตก พุ่งชนไปยังหลินหยุน
เฉินโก๋ซ่งสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้สนใจที่หลินหยุนบอกให้พวกเขายืนดูเฉยๆอยู่ข้างๆ แต่กลับวางแผนการรบขึ้นมาทันที
“ยิ่งตงไหลคุณไปขวางการบุกโจมตีของทีมชาวฝรั่งเศส”
“ห่าวจ้าน คุณไปขวางการโจมตีของอาร์เธอร์ชาวอังกฤษ”
“เจียงเจิ้งฉีคุณไปขวางการโจมตีของซาโต้ชาวญี่ปุ่น”
“ฉันจะไปขวางการโจมตีของชาวอินเดียเอง”
“หลินหยุน คนพวกอเมริกาก็มอบให้คุณแล้วนะ!”
“พี่น้องทั้งหลาย ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ถ้าต้านไม่อยู่ ก็ให้รีบทำลายยันต์หยกได้เลย!”
พอพูดจบ เฉินโก๋ซ่งก็หยิบเอายันต์หยกของตัวเอง โยนลงไปกับพื้น สีหน้าที่ไม่เกรงกลัวความตายเลย
เห็นได้ชัดว่า เขาตัดสินใจที่จะพลีชีพเพื่อชาติแล้ว
ห่าวจ้านก็เหมือนกับเขาเช่นเดียวกัน โยนยันต์หยกลงไปกับพื้น หัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้าองอาจ “ตายเป็นตายสิ หลังจากฉันตายแล้วก็ยังคงได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษผู้กล้า!”
ตอนที่พวกเขากำลังเตรียมตัวลุยเป็นทัพหน้าอยู่นั้น ก็ปรากฏเสียงที่เยือกเย็นค่อยๆดังขึ้นกลางอากาศ
“ฉันมีดาบหนึ่งเล่ม สามารถฟาดฟันทุกอย่างได้!”