จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 777 สร้างตัวอ่อนยาทอง
แต่น่าเสียดายที่ว่า เพิ่งจะได้สัมผัสกับวิชาที่แสนจะเข้าใจยากพวกนั้น หวางซูเฟินและฉินหลันก็เริ่มจะถอดใจแล้ว
“นี่ก็ยากเกินไปหน่อยแล้ว อะไร‘ ซี่ ’เอย โอ้ การเหนี่ยวนำเอย ทำยังไงฉันจึงจะรับรู้ได้บ้างนะ!” หวางซูเฟินพยายามฝืนความรู้สึกตัวเองเพื่อให้หยั่งรู้ถึงชี่ทิพย์จากฟ้าดินให้ได้ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็โอดครวญอย่างจนปัญญา
ฉินหลันสีหน้าเจื่อนๆ “ฉันก็ยังไม่สามารถเหนี่ยวนำได้สักที หลินหยุน คุณคงไม่ได้หลอกพวกเราหรอกนะ?”
“ช่างเถอะ สงสัยพวกเราคงไม่เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเซียนแล้วล่ะ ฉันรู้สึกว่าของพวกนี้ ยังยากยิ่งกว่ารับมือกับพวกเจ้าเล่ห์เพทุบายในวงการธุรกิจการค้าอีกเป็นร้อยเท่าเลยทีเดียว” หวางซูเฟินลุกขึ้นยืน เตรียมที่จะเลิกราแล้ว
ไม่ว่าหลินหยุนจะพูดยังไงก็ตาม อีกทั้งยังพูดว่าการบำเพ็ญเซียนสามารถช่วยให้ผิวขาวผ่องใส เต่งตึงแลดูสาวตลอดกาลเพื่อหว่านล้อมให้แม่แก่และฉินหลันยืนหยัดฝึกฝนต่อไปให้ได้
เมื่อได้ยินว่าสามารถช่วยให้ดูสาวตลอดกาล ในใจทั้งสองคนก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาจริงๆ แต่ว่าหลังจากที่ยืนหยัดฝึกฝนไปได้อีกครึ่งชั่วโมง ก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว
ส่วนหลินตงหัวมีความอดทนมากกว่าพวกเธอสองคนถึงหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นแล้ว…….. ก็ถึงกับนอนหลับไปเลย
แต่กลับเป็นนายท่านหลินที่ดูท่าทีแย่ที่สุดเสียอีก ที่ทำให้หลินหยุนรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก
นายท่านถึงกับเข้าได้ถึงระดับเบื้องต้นได้แล้ว ไม่เพียงแต่สามารถเหนี่ยวนำชี่ทิพย์จากฟ้าดินได้แล้ว ยังสามารถสูดนำชี่เข้าไปในร่างกายได้สำเร็จเป็นครั้งแรกอีกด้วย
แม้แต่หลินหยุนที่ฝึกฝนครั้งแรกเมื่อชาติที่แล้ว ก็ยังไม่เร็วเท่ากับนายท่านเลย
เมื่อเห็นนายท่านทำสำเร็จแล้ว หวางซูเฟินทั้งสามคนก็รู้สึกหวั่นไหว จึงได้ขอลองใหม่อีกครั้งหนึ่ง
กัดฟันฝืนทนไปได้นานหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ไม่ได้อะไรเลย จึงได้ล้มเลิกความตั้งใจไปอย่างสิ้นเชิง
หลินหยุนก็ไม่ได้หยุดยั้งอะไร เรื่องของการฝึกเซียนนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนก็จะสามารถทำได้ ต้องอยู่ที่บุญวาสนาด้วย
ไม่เช่นนั้นแล้ว ในบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้น แต่กลับมีจำนวนผู้บำเพ็ญเซียนเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น
ถ้าหากใครๆก็สามารถฝึกบำเพ็ญเซียนได้แล้วล่ะก็ งั้นผู้บำเพ็ญเซียนก็ไม่มีความวิเศษอะไรแล้ว
หลังจากนั้นก็ได้อยู่พักที่บ้านตระกูลหลินเพื่อชี้แนะนายท่านฝึกฝนทั้งวัน เมื่อเห็นนายท่านสามารถเข้าถูกหลักเกณฑ์ได้แล้ว หลินหยุนก็ไปพบหวางซูเฟิน เพื่อคุยเรื่องปัญหาของตระกูลหวางอย่างจริงจังเสียที
อย่างน้อย ตระกูลหวางก็ยังคงเป็นบ้านคุณตาของหลินหยิน เป็นตระกูลของแม่ตัวเองอีกด้วย
ถึงแม้ตระกูลหวางจะเลือดเย็นไร้เยื่อใย มิหนำซ้ำยังเคยคิดจะสังหารหลินหยุนอีกด้วย แต่ในตัวของหลินหยุนเอง ยังไงก็ยังมีเลือดครึ่งหนึ่งของตระกูลหวางอยู่ด้วย
ไม่เหมือนกับตอนที่จะจัดการกับตระกูลอื่นๆเช่นนั้น ที่คิดจะทำลายก็ทำลายเลย
ภายในห้องนั้น ก็มีเพียงหลินหยุนและหวางซูเฟินสองคนเท่านั้น แม้แต่ฉินหลันก็ยังต้องอยู่ข้างนอกห้อง
“มีเรื่องอะไร ถึงได้ลึกลับขนาดนี้?” หวางซูเฟินถามด้วยสีหน้าสงสัย
หลินหยุนนั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าเรียบเฉย มองดูหวางซูเฟิน แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “วันนี้ ลูกอยากจะคุยเรื่องของตระกูลหวางกับแม่หน่อย”
หวางซูเฟินหน้าเปลี่ยนสีทันที
“คุยเรื่องเขาทำไมกัน! พวกเรากับตระกูลหวาง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันมาตั้งนานแล้ว”
หลินหยุนมองดูหวางซูเฟินอย่างเงียบๆ แล้วพูดขึ้นอย่างเรียบๆว่า “ที่ลูกพูดหมายถึงไปทวงคืนความยุติธรรมจากตระกูลหวางต่างหาก”
“พวกเขาใช้อำนาจอิทธิพลข่มเหงรังแกพวกเรามาตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้ ถึงเวลาที่จะต้องไปทวงคืนความยุติธรรมจากพวกเขาได้แล้ว”
คำพูดของหลินหยุน ทำให้หวางซูเฟินอึ้งไปเลย
หลายปีที่ผ่านมานี้ เธอโกรธแค้นความไร้เยื่อใยของตระกูลหวาง ต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของตระกูลหวางมาโดยตลอด แม้แต่ในฝันก็ยังอยากจะหลุดพ้นจากเงามืดของตระกูลหวางไปให้ได้
แต่ว่า ถึงแม้หวางซูเฟินจะเคียดแค้นตระกูลหวางยังไงก็ตาม แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไปทวงคืนความยุติธรรมจากตระกูลหวางเลย
อาจจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า เธอไม่กล้าที่จะคิดเช่นนั้นเลย เพราะว่าเธอเข้าใจถึงความน่ากลัวของตระกูลหวางดี ต่อให้เธอพยายามต่อสู้ไปอีกกี่ชาติ ก็ไม่มีวันที่จะอยู่เหนือตระกูลหวางได้เลย
แต่ว่า หวางซูเฟินรับรู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เพราะเขามีลูกชายคนหนึ่งที่ชื่อหลินหยุน ลูกชายของเธอตอนนี้มีอนาคตที่สดใสมาก
มิหนำซ้ำพลังความสามารถของลูกชายเธอ แข็งแกร่งมากจนถึงขั้นที่จะสามารถทำให้ตระกูลหวางที่ใหญ่โตมโหฬารนั้นสั่นคลอนได้แล้ว
แต่ทำไมถึงยังไม่มีความคิดที่จะไปแก้แค้นกับตระกูลหวางเลย?
หวางซูเฟินตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่า ไม่ว่าตระกูลหวางจะไร้เยื่อใยกับเธอเพียงใด ยังไงเสียก็เคยเป็นบ้านของเธอมาก่อน
ในร่างของเธอก็ยังมีเลือดของตระกูลหวางอยู่ ไม่ว่าตระกูลนั้นจะไม่ดีอย่างไรก็ตาม แต่ยังไงก็ยังเป็นบ้านของตัวเอง!
สีหน้าของหวางซูเฟิน เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที อีกทั้งแฝงด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง ชั่วพริบตาเดียว เธอก็ดูเหมือนจะชราลงไปถึงสิบปีแล้ว
“แกคิดจะทำยังไงเหรอ?” หวางซูเฟินถามพลางมองดูหลินหยุน
หลินหยุนพูดว่า “หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”
ในใจหวางซูเฟินสะดุ้งทันที สายตาแสดงออกถึงความหวาดผวา
“แต่นั่นยังไงก็ยังเป็นบ้านของคุณตาลูกนะ!”
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไรอีก ใบหน้าแสดงความเสียดสีออกมาบางๆ “ตอนที่เขาส่งคนมาฆ่าลูก เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่า ลูกเป็นหลานแท้ๆของเขา!”
หวางซูเฟินหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
หลินหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก ทั้งสองแม่ลูกต่างก็เงียบสงบไป
บรรยากาศภายในห้อง รู้สึกตึงเครียดบ้างเล็กน้อย
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หวางซูเฟินก็ลืมตาขึ้นมา พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ถึงแม้ที่ผ่านมาหลายปีนั้น ตระกูลหวางข่มเหงพวกเรามาโดยตลอดก็จริง แต่ยังไงเสียก็ยังไม่เคยลงมือฆ่าคนเลยนะ”
“แสดงว่า ในใจของเขา ก็ยังนึกถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่บ้าง”
หลินหยุนพูดว่า “แม่ครับ แม่วางใจเถอะ ต่อให้ลูกต้องไปทวงคืนความยุติธรรมจากบ้านตระกูลหวาง ก็จะไม่ให้มีการฆ่าล้างบางเกิดขึ้นเป็นอันขาด เพียงแต่จะให้พวกเขายอมก้มหัวให้ก็พอแล้ว”
อำนาจอิทธิพลของตระกูลหวางยิ่งใหญ่มาก อีกทั้งยังมีตำแหน่งที่สูงส่งในรัฐบาลจีนด้วยซ้ำไป
ถ้าหากว่าหลินหยุนแตะต้องตระกูลหวางละก็ งั้นจะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน ลำพังแค่ด่านของหงซานเหอเพียงด่านเดียว หลินหยุนก็ไม่สามารถผ่านไปได้แล้ว
อีกทั้งในใจของหลินหยุนนั้น ก็ยังมีความรู้สึกใจอ่อนอยู่บ้างเหมือนกัน
อย่างน้อยนั่นก็เป็นตระกูลของคุณตาของเขาเอง ถึงแม้ว่าปากของแม่แก่จะพูดเกลียดชัง ตระกูลหวางยังไงก็ตาม แต่ว่าภายในส่วนลึกของจิตใจแล้ว ยังไงก็ยังคงรำลึกถึงตระกูลหวางอยู่ดี
หลินหยุนจะไม่ไปทำเรื่องที่ทำให้แม่แก่ต้องเสียใจ เพียงเพราะอารมณ์ความสะใจชั่ววูบ
เขาบุกขึ้นไปตระกูลหวาง ก็เพียงแค่อยากให้ตระกูลหวางก้มหน้ายอมรับผิด ต้องการช่วยเหลือพ่อแม่ ให้หลุดพ้นจากเงามืดของตระกูลหวางไปได้เสียที
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยุนแล้ว หวางซูเฟินก็ค่อยรู้สึกโล่งอก
เธอกลัวจริงๆว่าหลินหยุนจะเอาเรื่องกับตระกูลหวางให้ถึงที่สุด แต่ถ้าเกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้นมาจริงๆละก็ เธอก็ยังยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างหลินหยุนอย่างแน่นอน แต่ยังไงในใจก็ยังคงรู้สึกใจอ่อนอยู่ดี
ถ้าหากหลินหยุนเพียงแค่อยากจะให้ตระกูลหวางก้มหน้ารับผิดเท่านั้นละก็ งั้นเธอก็จะยิ่งสนับสนุนอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอและหลินตงหัวต่างก็ยอมกล้ำกลืนฝืนทนมาโดยตลอด
เธอก่อตั้งบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเพียงลำพังคนเดียว หลินตงหัวก็ต้องไปอยู่ที่ที่ห่างไกลอย่างโดดเดียวลำพังคนเดียว ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ทั้งนั้น ต่างก็คิดอยากจะตั้งหลักปักฐานที่มั่นคงให้กับตัวเอง เพื่อที่จะให้ตระกูลหวางได้เห็น
ถ้าหากหลินหยุนสามารถช่วยเธอระบายความคับแค้นในใจนี้ได้ละก็ หวางซูเฟินก็ย่อมยินดีที่จะได้เห็นเป็นธรรมดา
แต่ว่า หวางซูเฟินก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย: “ตระกูลหวางไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็นภายนอกแค่นั้น เพราะอำนาจบารมีของตระกูลหวางแข็งแกร่งมากจริงๆ!”
“ถึงแม้ฉันยังไม่แน่ใจว่าเบื้องหลังของตระกูลหวางจะเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ฉันแน่ใจว่า คนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังของตระกูลหวางนั้น จะต้องเป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่คนหนึ่งอย่างแน่นอน”
“ถ้าหากว่าแกยังไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยละก็ จำไว้เลยว่าอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามเด็ดขาด”
หลินหยุนพูดว่า “แม่แก่วางใจเถอะ ในเมื่อลูกตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือกับตระกูลหวาง งั้นก็ย่อมต้องเตรียมตัวอย่างรอบคอบที่สุดอยู่แล้ว”
หวางซูเฟินถามว่า “แล้วแกคิดว่าจะเริ่มลงมือเมื่อไหร่ล่ะ?”
หลินหยุนคิดดูแล้ว จะต้องหลังจากสร้างตัวอ่อนยาทองให้เสร็จเรียบร้อยก่อน เช่นนี้แล้ว จึงจะเพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“หลังจากสามเดือนแล้ว ลูกจะไปเมืองหลวง ไปพบคุณตาคนนั้นของลูกซะหน่อย”
หวางซูเฟินพยักหน้า “ได้ ถึงเวลาอย่าลืมบอกฉันล่ะ ฉันจะไปกับแกด้วย!”
หลังจากได้รับคำยินยอมจากแม่แก่แล้ว หลินหยุนก็ออกจากบ้านตระกูลหลิน กลับไปยังตึกว่างเยว่
เวลาสามเดือนนั้นเพียงพอที่เขาจะสร้างตัวอ่อนยาทองให้สำเร็จได้ หลังจากนั้น ก็จะได้ไปต่อสู้กับตระกูลหวางที่เมืองหลวงสักครั้งหนึ่ง
เมื่อกลับมาถึงตึกว่างเยว่ ซูหนานและคาร์นอตวิลเลียมต่างก็ไม่อยู่
หลินหยุนก็ไม่ได้ไปสนใจ ได้แต่ว่างค่ายกลคุ้มภัยขึ้นภายในห้อง เตรียมพร้อมที่จะสร้างตัวอ่อนยาทอง
แดนทั้งสามของการฝึกพลัง ได้แก่ แดนปฐมภูมิ แดนแด่เทพเจ้า และแดนรวมยา
ตอนนี้หลินหยุนอยู่ในแดนแด่เทพเจ้าตอนปลายแล้ว หลังจากสร้างตัวอ่อนยาทองเสร็จแล้ว แดนแด่เทพเจ้าตอนปลายนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ก็รอการขัดตัวอ่อนยาทองให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะสามารถเข้าสู่แดนรวมยาอย่างจริงจังได้
ยาทองแบ่งเป็นสี่ระดับ ฟ้า ดิน ดำ เหลือง และยังมียาทองหวูซ่างในตำนานอีกด้วย
ระดับเกรดของยาทองยิ่งสูง พลังก็จะยิ่งมากตามไปด้วย อนาคตบนเส้นทางการฝึกบำเพ็ญเซียนก็จะไปได้ไกลมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
เมื่อชาติที่แล้ว หลินหยุนโชคดีได้รับปราณระดับชั้นสูงมาได้ จึงสร้างตัวอ่อนยาทองออกมาได้ สุดท้ายก็สามารถผลิตยาทองระดับดินได้สำเร็จ บนเส้นทางการบำเพ็ญเซียนก็ไปอย่างราบรื่น จนได้เป็นถึงมหากษัตริย์ชางฉองในที่สุด
คราวนี้ หลินหยุนได้รับปราณสีม่วงหงเหมินที่มีระดับสูงกว่าอีก ไม่รู้ว่าอนาคตจะ สามารถผลิตยาทองระดับฟ้าออกมาได้หรือไม่