จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 779 เก็บตัวจำศีล
ประธานาธิบดีพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว”
หงซานเหอพูดด้วยความสงสัยว่า “สำนักโม่เหมินก็ยืนหยัดเป็นกลางมาตลอดไม่ใช่เหรอ? พวกเขาไปแทรกแซงเรื่องราวระหว่างหลินหยุนกับตระกูลหวางได้ยังไงล่ะ!”
“ร่ำลือกันว่าเมื่อก่อนตอนที่ปรมาจารย์เฉินจะจากไปนั้น ได้สั่งไว้ให้สำนักโม่เหมินรักษาความเป็นกลางเอาไว้ ไม่ให้เข้าร่วมการต่อสู้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอันขาด”
“แล้วยังมีคนพูดอีกว่า ปรมาจารย์เฉินได้ทิ้งภารกิจที่เป็นความลับอย่างหนึ่งไว้ให้กับ สำนักโม่เหมิน แต่ว่าไม่แน่ชัดว่าภารกิจนั้นคืออะไร”
ประธานาธิบดีพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อปรมาจารย์เฉินได้ทิ้งสำนักโม่เหมินไว้แล้ว ย่อมต้องมอบหมายภารกิจที่สำคัญไว้กับสำนักโม่เหมินอย่างแน่นอน ถ้าย้อนไปมองดูเหตุการณ์ที่คนของสำนักโม่เหมินได้ปรากฏตัวขึ้นในแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านมา หรือว่าคุณไม่เห็นจุดที่เหมือนกันบ้างเลยเหรอ?”
“จุดที่เหมือนกันเหรอ? ฉันก็ไม่ได้สังเกตจริงๆ” หงซานเหอส่ายหน้า
ประธานาธิบดีพูดว่า “เมื่อก่อนตอนที่ญี่ปุ่นรุกรานแผ่นดินจีนนั้น คนของสำนักโม่เหมินก็ปรากฏตัวขึ้นครั้งหนึ่ง ทำให้เหตุการณ์รุกรานนั้นเกิดขึ้นช้าลงไปหนึ่งปี”
“หลังจากได้ชัยชนะในการต่อต้านสงครามแล้ว ในช่วงเวลาที่การต่อสู้ภายในกำลังจะเกิดขึ้น คนของสำนักโม่เหมินก็ได้ปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง ทำให้การสู้รบภายในประเทศเกิดขึ้นช้าลงไปครึ่งปี”
“ในสมัยที่ก่อตั้งประเทศใหม่ๆนั้น กลุ่มแกนนำทั้งห้าวางแผนว่าจะรวบรวมอำนาจทั้งหมดมาเพื่อล้างไพ่ใหม่ ในระหว่างที่ประเทศจีนถูกโค่นล้มนั้น คนของสำนักโม่เหมินก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง”
“ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์พวกนี้ จะอธิบายอะไรได้บ้าง?” ประธานาธิบดีถามด้วยรอยยิ้ม
หงซานเหอก็หลุดปากพูดออกมาว่า “แสดงว่าในช่วงเวลาที่ประเทศจีนเกิดความวุ่นวายทุกครั้ง คนของสำนักโม่เหมินก็จะต้องออกมายับยั้งเสมอ”
“ถ้าหลินหยุนกล้าแตะต้องตระกูลหวางละก็ งั้นก็จะทำให้ประเทศจีนสั่นคลอนอย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับการจารจลของแกนนำทั้งห้าแล้วยังรุนแรงมากกว่าอีก คนของสำนักโม่เหมิน ก็จะต้องออกมาหยุดยั้งหลินหยุนถึงร้อยละเก้าสิบเลยทีเดียว”
ประธานาธิบดีพูดว่า “ถูกต้อง ตอนนี้ก็สามารถเดาออกได้ว่า ตอนนั้นปรมาจารย์เฉิน มอบหมายภารกิจที่ลึกลับให้กับสำนักโม่เหมินคืออะไรแล้วล่ะ”
หงซานเหอพูดอุทานว่า “ท่านปรมาจารย์เฉิน ช่างมีความตั้งใจที่ดีเสียจริงเลย!”
“งั้นเพื่อรับมือกับโลกบู๊โบราณที่จะกำลังจะเผยตัวนั้น พวกเราต้องทำอะไรบ้างครับ?” หงซานเหอถาม
ประธานาธิบดีส่ายหน้า “ไม่ต้องเลย โลกบู๊โบราณเผยตัวออกมา พวกเราก็ต้านไว้ไม่ได้”
“ตอนนี้ สิ่งที่พวกเราควรจะทำก็คือ ปกป้องรักษารั้วของชาติให้ดี ป้องกันไม่ให้อิทธิพลจากภายนอกประเทศเข้ามาก็พอแล้ว”
“ฉันได้ข่าวลับมาว่า คุณชายของบริษัท ยามาโนะ กรุ๊ปจากประเทศญี่ปุ่น ได้มาถึงเมืองจีนแล้ว”
“ยังมีพวกคนวิเศษบางส่วนในโลกตะวันตก เวลานี้ก็ทยอยกันเคลื่อนไหวบ่อยครั้งมากขึ้นแล้ว ดูเหมือนมีท่าทีว่าจะเข้ามาในเมืองจีนด้วย”
หงซานเหอทำเสียงฮื่อใส่ “ฉันรู้ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่”
“ก็ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาอิจฉาตาร้อนที่หลินหยุนได้ที่หนึ่งในสนามล่าเจ็ดเผ่า คิดจะมากำจัดหลินหยุน เพื่อลดทอนกำลังของพวกเราหรอกเหรอ?”
“มีเจียงร่อโจ๋อยู่ พวกเขาคิดอยากจะเข้ามาประเทศจีน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นแล้ว”
ประธานาธิบดีพูดว่า “ถ้าหากคนทางโลกตะวันตกร่วมมือกันขึ้นมา ฉันเป็นห่วงว่าเจียงร่อโจ๋จะต้านรับไม่ไหวสิ”
“คราวนี้ก็ต้องรบกวนท่านหงลงมาควบคุมสถานการณ์ด้วยตัวเองแล้วล่ะ เพื่อจะได้ ปกป้องรักษารั้วของชาติจีนเอาไว้”
หงซานเหอลุกขึ้นยืนตรงทำความเคารพ “ขอรับรองด้วยเกียรติว่าจะปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วง!”
ประธานาธิบดีก็ตอบรับด้วยการทำความเคารพแบบทหาร “ลำบากท่านหงแล้วนะ!”
ตระกูลหวาง ที่เมืองหลวง
ภายในห้องโถงใหญ่ บุคคลสำคัญของตระกูลหวางก็มารวมตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน
หวางจิงหลงเจ้าบ้านตระกูลหวาง นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ผู้คนทั้งหลายที่นั่งอยู่ข้างล่าง แต่ละคนก็นั่งประชุมกันอย่างเคร่งเครียด บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
หวางจิงหลงพูดด้วยเสียงเข้มงวดว่า “ช่วงนี้พวกคุณน่าจะรู้แล้วนะว่า คนของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปจากจงโจว ได้มาถึงเมืองหลวงแล้ว และยังเริ่มวางโครงงานที่เมืองหลวงอีกด้วย”
“บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปคิดจะทำอะไร พวกคุณก็น่าจะรู้ดี”
พอพูดจบ หวางจิงหลงก็หยุดชั่วคราว
“ฮื่อ เจ้าเด็กนรกนั่น คิดว่าสังหารเยนหนานเทียนได้แล้ว ก็รู้สึกว่าใต้หล้านี้ไม่มีใครเทียบทันได้แล้ว คิดจะลงมือกับตระกูลหวางพวกเรา มันน่าขำสิ้นดี!”
เจ้าสองแห่งตระกูลหวาง หวางโส่วเหรินพูดด้วยสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยาม
พี่ใหญ่หวางโส่วหลี่พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “น้องรองอย่าได้ประมาทเชียว เขาสามารถสังหารเยนหนานเทียนได้ แสดงว่าพลังความสามารถของเขาถึงระดับแดนเทพแล้ว พลังความสามารถเช่นนี้ก็มากพอที่จะเป็นวีระบุรุษในโลกบู๊ได้แล้ว”
หวางโส่วเหรินหัวเราะเยาะ “แล้วยังไงล่ะ? แดนเทพปรากฏ บู๊โบราณเผยตัว เจ้าเด็กนั่นสามารถกำแหงในโลกบู๊ได้ แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าโลกบู๊โบราณแล้ว ต่อให้เขาถึงระดับแดนเทพแล้ว ก็ไม่มีความหมายอะไร!”
“ตอนนี้ แดนเทพก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว โลกบู๊โบราณถือกำเนิดขึ้นแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง”
“วันตายของเจ้าเด็กนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว”
หวางจิงหลงโบกมือห้ามไว้แล้วพูดว่า “พอเถอะ”
หลังจากนั้น สายตาของหวางจิงหลงก็มองไปยังหวางเจ๋อ แล้วถามว่า “เรื่องของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป คุณเป็นคนรับผิดชอบมาโดยตลอด คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
หวางเจ๋อลุกขึ้นยืน โค้งคำนับหวางจิงหลง แล้วเปิดปากพูดว่า “ถึงแม้ว่าแดนเทพได้ปรากฏขึ้นแล้ว แต่เมื่อมองตามสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ถ้าโลกบู๊โบราณจะเผยตัวละก็ ยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง”
“แต่ว่าพวกเราอย่าได้ให้โอกาสเจ้าเด็กนั้นและบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเลย ในเมื่อบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปคิดจะมาวางโครงงานในเมืองหลวง งั้นพวกเราก็จัดการถอนรากถอนโคน แหล่งเงินทุนหลักที่อยู่จงโจวให้สิ้นซากไปเลย”
“ส่วนหลินหยุนทางนั้น ในเมื่อพละกำลังทางโลกบู๊ไม่สามารถจัดการเขาได้แล้ว งั้นพวกเราก็ต้องหาพลังอำนาจจากโลกบู๊โบราณมาจัดการเขาแทน”
“ถึงแม้นักบู๊ธรรมดาทั่วไปของโลกบู๊โบราณไม่สามารถฆ่าเขาได้ก็ตาม ขอเพียงแค่ขัดขวางเขาไว้ก่อน รอให้โลกบู๊โบราณแจ้งเกิดเต็มตัวแล้ว ก็จะเป็นวันตายของเขาแล้ว”
หวางจิงหลงพยักหน้า สีหน้าแสดงความพึงพอใจออกมา
“ถูกต้อง งั้นเรื่องนี้คุณก็รับผิดชอบต่อไปแล้วกัน”
“พวกคุณก็ช่วยสนับสนุนอีกแรงด้วยแล้วกัน” หวางจิงหลงกำชับคนพวกหวางโส่วหลี่
“ครับ!” พวกคนหวางโส่วหลี่ ตอบรับพร้อมทั้งโค้งคำนับ
“เออใช่แล้ว โส่วหลี่ จะบอกข่าวดีให้คุณอีกเรื่องหนึ่ง เซิ่งเฉียนจะกลับมาแล้วนะ!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของหวางจิงหลง ปรากฏรอยยิ้มที่ไม่ค่อยเห็นออกมา
หวางโส่วหลี่รู้สึกอึ้งไปสักครู่ จากนั้นก็ดีใจอย่างมาก: “ลูกเฉียนจะกลับมาแล้ว!”
หวางโส่วหลี่ในฐานะเป็นลูกชายคนโตของตระกูลหวาง ความสามารถตัวเองก็ไม่เท่าไหร่ แต่ว่ามีลูกชายสองคน ต่างก็เป็นอัจฉริยะของตระกูลหวางทั้งคู่
ลูกชายคนโตหวางเซิ่งเฉียนได้ติดตามยอดฝีมือของโลกบู๊โบราณไปฝึกฝนตั้งแต่เด็ก ได้ข่าวว่าคนทั้งสำนักต่างก็ทุ่มเทในการหล่อหลอมเขาอย่างเต็มที่
จะเห็นได้ว่า หวางเซิ่งเฉียนมีพรสวรรค์ทางบู๊ที่สูงขนาดไหน
ลูกชายคนรองหวางเจ๋อ ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ทางด้านบู๊ไม่สูงนัก แต่ว่า กลับเป็นคนที่มีความคิดหลักแหลมล้ำลึกตั้งแต่เด็ก ทำงานสุขุมรอบคอบ แม้แต่หวางจิงหลงก็ยังชมไม่หยุดปาก
ภายในห้องโถงใหญ่ที่มีคนรุ่นที่ 2 ของตระกูลหวางจำนวนมากมาย หวางจิงหลงไม่ถูกใจสักคนเดียว กลับเลือกเฉพาะแต่หวังเจ๋อลูกหลานรุ่นที่ 3 ของตระกูลหวาง มารับผิดชอบในการจัดการกับหลินหยุนและบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
จะเห็นได้ว่า หวางจิงหลงให้ความสำคัญกับหวางเจ๋อมากขนาดไหน
“หวางเซิ่งเฉียนจะกลับมาแล้ว!” พวกหวางโส่วเหริน ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
หวางเซิ่งเฉียนน่าจะไม่ได้กลับมานาน 20 ปีแล้ว
คราวนี้กลับมาอย่างกะทันหัน น่าจะเป็นเพราะว่าฝึกฝนบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จแล้ว
หรืออาจเป็นเพราะว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับการกำเนิดของโลกบู๊โบราณก็ได้
หวางเจ๋อรู้สึกอึ้งไปชั่วครู่ “พี่ใหญ่จะกลับมาแล้ว”
ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ในใจของหวังเจ๋อถึงกับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าหวางเจ๋อไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายแท้ๆคนนี้เลย แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโต หวางเจ๋อก็ได้ยินแต่ชื่อพี่ชายของเขาคนนี้มากที่สุด
มิหนำซ้ำ ตั้งแต่เล็กจนโตหวางเจ๋อก็ยังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางเงามืดของพี่ชายคนนี้อีกด้วย
เพราะว่าไม่ว่าหวางเจ๋อจะยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบขนาดไหน ก็มักจะถูกคนเอาเขาไปเปรียบเทียบกับพี่ชายเสมอ
เมื่อเกิดการเปรียบเทียบเช่นนี้แล้ว หวางเจ๋อก็ย่อมไม่ได้เรื่องไปเสียทุกอย่าง ส่วนหวางเซิ่งเฉียนก็ดีสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง
“เป็นการรอคอยด้วยความหวังจริงเลย พี่ชายฉันคนนี้ จะดีสมบูรณ์แบบขนาดไหนกันแน่?”
การฝึกฝนบำเพ็ญตนที่ไม่รู้วันรู้เดือน ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว
ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศจีนนั้น ก็เป็นไปตามที่ประธานาธิบดีจีนคาดการณ์ไว้ทุกอย่าง
พวกโลกบู๊โบราณที่โผล่หัวออกมาให้เห็น ก็เป็นเพียงแค่พลังอำนาจของสำนักเล็กๆบางส่วนเท่านั้น เป้าหมายของพวกเขาก็เป็นเพียงสำนักเล็กๆในโลกบู๊พวกนั้น
เช่นนี้แล้ว กลับทำให้ทุกคนในโลกบู๊ ต่างก็หวาดระแวง จึงรวมตัวกันผนึกกำลังไว้
ทำให้เดิมทีโลกบู๊ที่แตกกระสายซ่านเซ็นนั้น ถึงกับร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ
หลังจากที่สามัคคีกลมเกลียวกันแล้ว คนของโลกบู๊ ก็เริ่มตอบโต้ในแวดวงแคบๆขึ้นมาบ้าง ต่างฝ่ายต่างก็แพ้ชนะสลับกันไป
เป็นเช่นนี้แล้ว สำนักต่างๆของโลกบู๊โบราณพวกนั้น จึงได้ยุติการขยายอิทธิพลต่อไป
ภายใต้สถานการณ์ที่สำนักใหญ่พวกนั้นยังไม่ทันได้ออกหน้าเลย ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในสภาพที่คานอำนาจซึ่งกันและกันอย่างน่าอัศจรรย์
แต่ว่า ไม่มีใครคิดว่าสถานการณ์ที่สงบนิ่งเช่นนี้จะยังคงรักษาไว้ได้ตลอดไป
ในใจทุกคนต่างมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่งก็คือ ต่างฝ่ายต่างก็รอโอกาสที่เหมาะสม
ส่วนหลินชางฉองคนที่ได้ที่หนึ่งบนผังการจัดลำดับเทพนั้น ดูเหมือนว่าก็คือโอกาสเหมาะสำหรับพวกเขา