จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 787 วิกฤตตระกูลฉิน
จางซือจู่พูดขึ้นอย่างโมโห: “มีหลินหยุนอยู่ ตระกูลฉินก็จะไม่เกิดปัญหาอย่างแน่นอน! ”
“นายอย่าได้มาปล่อยข่าวเขย่าขวัญกันเลย! ”
“หลินหยุน พวกเรารีบไปที่ตระกูลฉินกันเถอะ! อย่าได้ฟังคนอย่างหลี่หงถูพูดซี้ซั้วอยู่อีกเลย”
หลินหยุนพยักหน้า: “ตกลง”
ไม่ได้สนใจหลี่หงถูและเถียนชุ่ยชุ่ยอีก โดยหลินหยุนกับพวกเพื่อน ๆ ก็รีบเดินทางไปยังตระกูลฉินทันที
หลี่หงถูโอบที่เอวของเถียนชุ่ยชุ่ย ยิ้มและพูดว่า: “”ชุ่ยชุ่ย อยากที่จะไปดูอะไรที่สนุกตื่นเต้นไหม?
เถียนชุ่ยชุ่ยขยิบตา: “อยากไปแน่นอน โอกาสดีขนาดนี้ หากไม่ไปดูก็คงจะเสียดายแย่”
“อย่างนั้นจะรออะไรอยู่อีกล่ะ ไปกันเถอะ! ”
หลินหยุนกับคนอื่น ๆ มุ่งหน้าไปยังตระกูลฉิน
ฉินโส่วเคยได้พาจางซือจู่และเพื่อน ๆ มายังบริษัทของตระกูลเขาแล้ว
ตอนนี้ จางซือจู่นำทุกคน มาถึงที่ด้านหน้าประตูบริษัทของพ่อฉินโส่ว
บริษัท ฉินฉู่ กรุ๊ป ก็คือชื่อบริษัทของตระกูลฉินโส่ว
ตอนนั้นอิทธิพลของตระกูลฉิน เป็นเพียงแค่วิสาหกิจที่มีสินทรัพย์หลักร้อยล้าน แต่ว่า หลังจากที่ หลินหยุนได้เปิดเผยสถานะของตนเอง ตระกูลฉินก็ได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน
ถึงขนาดที่เจี่ยงสงได้มอบสิทธิตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิต ให้กับตระกูลฉินส่วนหนึ่งด้วย
ในระยะเวลาอันสั้น ก็มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้ก้าวกระโดดขึ้นเป็นบริษัทกรุ๊ปที่มีสินทรัพย์หลักพันล้านแล้ว
โดยในตอนนั้นตระกูลเหยียนที่มีอิทธิพลเทียบเคียงกับตระกูลฉิน กลับมีกิจการที่ตกต่ำดำดิ่งลงอย่างที่สุด ซึ่งก็ได้รับผลกระทบมาจากหลินหยุน
แต่ว่า หลังจากที่ญาติของตระกูลเหยียนผู้ที่เป็นปรมาจารย์ผู้นั้น ได้กลับมาแล้ว จึงได้ใช้วิธีการเร่งด่วนรวบรัดต่าง ๆ ช่วยเหลือตระกูลเหยียนต่อสู้แข่งขันกับฝ่ายตรงข้าม
ซึ่งรวมไปถึงการข่มขู่คุกคามด้วยกำลัง และการลอบสังหารเป็นต้น
ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็ทำให้อิทธิพลความสามารถของตระกูลเหยียนเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงระดับพอที่จะแข่งขันกับตระกูลฉินได้
แต่ว่า ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ปรมาจารย์ของตระกูลเหยียนผู้นั้นเหมือนกับว่ายังคงไม่พึงพอใจ จึงได้แผ่ขยายอิทธิพลอำนาจต่อเนื่อง บีบบังคับจนทำให้ตระกูลฉินถึงจุดแห่งความเป็นความตาย
ตอนที่หลินหยุนและทุกคนมาถึง คือหนึ่งวันก่อนที่ตระกูลเหยียนเตรียมที่จะลงมือจัดการครั้งใหญ่กับตระกูลฉิน
“ที่นี่คือบริษัทของตระกูลฉินโส่ว” จางซือจู่พูดขึ้น
“เข้าไปกันเถอะ! ” หลินหยุนมองดูเล็กน้อย และพูดขึ้น แล้วก็เดินไปยังประตูใหญ่
“เฮ้ยเฮ้ย หยุดนะ พวกนายเป็นใครกัน? ยามในชุดเครื่องแบบได้เรียกให้พวกเขาหยุด”
จางซือจู่รีบพูดขึ้นว่า: “พี่ยาม พวกเราคือเพื่อนนักเรียนของฉินโส่ว รบกวนคุณช่วยแจ้งให้หน่อย! ”
ยามที่ไว้ทรงผมสกินเฮดคนนั้น มองสังเกตจางซือจู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า และถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า: “พวกนายคือเพื่อนนักเรียนของคุณชาย? พวกนายรู้ไหมว่าคุณชายเรียนที่ไหน? ”
หยางเทียนโย่วพูดว่า: “พวกเราเรียนอยู่ที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว ฉันชื่อหยางเทียนโย่ว คุณไปบอกกับฉินโส่วเท่านี้ก็ได้แล้ว”
ยามเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง: “รอก่อน เดี๋ยวฉันจะไปแจ้ง! ”
“ขอบคุณ! ” หยางเทียนโย่วพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
ยามเดินเข้าประตูไป กี่คนก็รออยู่อย่างเงียบ ๆ
ไม่นาน ยามคนนั้นก็เดินออกมา และด้านหลังยังมียามในชุดเครื่องแบบที่เหมือนกันอีกเจ็ดแปดคนเดินตามออกมาด้วย
จางซือจู่หัวเราะและพูดว่า: “ฮ่าฮ่า ฉินโส่วรู้ว่าพวกเรามา คงจะดีใจมากทีเดียว และยังจะมีการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วย”
หลินหยุนขยับสายตาเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า: “เกรงว่าจะไม่ใช่พิธีการต้อนรับเป็นแน่”
จางซือจู่หัวเราะและพูดว่า: “หากไม่ใช่พิธีการต้อนรับแล้วมันคืออะไร หรือว่าจะมาขับไล่พวกเราออกไปอย่างนั้นเหรอ! ”
“ฮ่าฮ่า……”
พูดจบ เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองเป็นคนมีอารมณ์ขัน โดยที่ตนเองก็ยังได้หัวเราะออกมาก่อนอีกด้วย
ยามคนนั้นเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และชี้หน้าด่าไปยังจางซือจู่ว่า: “ไอ้เด็กเวร นายกล้าที่จะมาอวดอ้างว่าเป็นเพื่อนนักเรียนของคุณชาย ทำให้ฉันต้องถูกคุณชายดุด่า ฉันจะจัดการพวกแกไอ้เด็กหลอกลวง! ”
พูดจบ ก็พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วชกหมัดเข้าใส่ที่หน้าของจางซือจู่
“แก……” จางซือจู่ไม่ทันได้ระวังตัว ตกใจตัวแข็งทื่อ จนลืมที่จะหลบหลีก
หลินหยุนโบกมือเบา ๆ โดยที่พลังอันอ่อนไหว ได้ขัดขวางการโจมตีเข้าใส่ของยามคนนั้น
เวลานี้จางซือจู่ก็ตั้งสติขึ้นมาได้แล้ว และพูดถามขึ้นว่า: “ฉันไม่ได้โกหกคุณสักหน่อย พวกเราคือเพื่อนนักเรียนของฉินโส่วจริง ๆ ไอ้เวรนี้แม้แต่เพื่อนนักเรียนก็ยังจะทำเป็นไม่รู้จักด้วยอย่างนั้นเหรอ! ”
ยามคนนั้นถูกพลังที่มองไม่เห็นขัดขวางเอาไว้ ในใจก็เกิดความหวาดกลัวขึ้น จึงไม่กล้าที่จะเดินหน้าพุ่งเข้าใส่อีก
“ฮึ คุณชายพูดแล้วว่า เขาไม่รู้จักพวกนายสักหน่อย และยังจะสั่งให้ข้าขับไล่พวกนายออกไป และยังกำชับอีกว่าหากต่อไปมีใครมาบอกว่าเป็นเพื่อนนักเรียนของเขา ไม่ต้องไปรายงานให้เขาทราบ ให้ขับไล่ออกไปได้เลย”
“พวกนายไม่ใช่คนหลอกลวง แล้วเป็นอะไรล่ะ! ”
“พวกนายกี่คน ตามฉันมา ช่วยกันขับไล่ไอ้พวกคนหลอกลวงนี้! ”
ยามได้พูดตะโกนขึ้นกับเพื่อนยามด้วยกัน แล้วคนกลุ่มหนึ่งก็ได้พุ่งเข้าใส่ เพื่อที่จะทำร้ายโจมตี หลินหยุนกับเพื่อนพ้อง
“หยุดก่อน! ” ยังไม่ทันรอให้หลินหยุนลงมือ เทพฟ้าผ่าก็ตะโกนเสียงดังขึ้น แล้วพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามก่อนทันที
ชกเข้าใส่สองสามหมัด ก็จัดการพวกยามเหล่านั้นจนล้มกองลงไปที่พื้น
“มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ จะมาใช้กำลังทะเลาะกันทำไม! ” เทพฟ้าผ่ายิ้มเยาะและพูดขึ้น
“โอ้โห ที่จริงแล้ว ที่จริงแล้วพวกนายก็คือนักบู๊! พวกนายคือคนของตระกูล เหยียนใช่ไหม รีบไปแจ้งให้กับคุณชายทราบเดี๋ยวนี้! ” ยามเหมือนกับคิดอะไรขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนแปลงทันที โดยท่าทีที่มองไปยังเทพฟ้าผ่านั้น ราวกับว่าเป็นศัตรู
โดยมียามสองคน ได้รีบกลับเข้าไปด้านใน เพื่อแจ้งข่าวแล้ว
เห็นภาพเหตุการณ์นี้ กอปรกับท่าทีของฉินโส่วในช่วงหลายวันมานี้ หลินหยุนก็เข้าใจได้แล้วว่าเพราะเหตุใดทำไมฉินโส่วถึงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกับพวกเรา
“นายไปบอกกับฉินโส่วว่า ถ้าหากวันนี้เขาไม่ยอมออกมา อย่างนั้นพวกเราก็จะบุกเข้าไป” หลินหยุนพูดกับยามคนนั้น
จางซือจู่ตกใจ และอุทานขึ้นว่า: “หลินหยุน นี่คือบริษัทของตระกูลฉินโส่วนะ! นายไม่ได้พูดจริงใช่ไหม? ”
หลินหยุนสีหน้าท่าทางจริงจัง มองไปที่จางซือจู่และพูดว่า: “นายคิดว่าฉันกำลังพูดเล่นอยู่อย่างนั้นเหรอ? ”
จางซือจู่ส่ายศีรษะ: “ไม่เหมือน”
“แต่หากพวกเราบุกเข้าไปจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นการมาเพื่อช่วยเหลือ กลับเหมือนว่ามาทำลายสร้างเรื่องเสียมากกว่า” จางซือจู่บ่นพึมพำขึ้น
หลินหยุนไม่ได้พูดอธิบายกับเขา โดยได้มองไปยังยามที่มีสีหน้าท่าทางที่ตื่นตกใจนั้น: “ยังไม่รีบไปอีก ต้องการที่จะให้พวกฉันบุกเข้าไปจริง ๆ ใช่ไหม? ”
“นาย นายรอก่อน ฉันจะไปรายงานต่อคุณชายเดี๋ยวนี้! ” ยามชี้ไปยังหลินหยุน แล้วก็วิ่งเข้าไปด้วยท่าทางที่ตื่นตกใจ
ก่อนที่จะไป ยังไม่ลืมที่จะกำชับยามที่อยู่ด้านหลังของตนว่า: “พวกนายกี่คน ต้องขัดขวางพวกเขาเอาไว้ ห้ามให้พวกเขาขึ้นไปบนตึกอาคารโดยเด็ดขาด! ”
ยามที่เหลืออยู่กี่คนนั้น ต่างก็จ้องสบตาซึ่งกันและกัน โดยสีหน้าแสดงอาการที่หวาดกลัวออกมา
ยังดีที่หลินหยุนกับเพื่อนไม่ได้ลงมือ เพียงแค่ยืนรออยู่ที่เดิมเท่านั้น
ครั้งนี้ ยามคนนั้นได้วิ่งกลับออกมาอย่างรวดเร็ว และมองไปที่หลินหยุนแล้วพูดขึ้นว่า: “พวกนายกี่คนรอก่อน อีกสักครู่คุณชายของพวกเราก็จะลงมา”
ไม่นาน ฉินโส่วที่หน้าตาท่าทางหล่อเหลา ในชุดสูทสีดำ ก็ได้พาผู้อาวุโสสองคน เดินลงมาพร้อมกัน
เมื่อเห็นหลินหยุนกับพวกเพื่อน สายตาของฉินโส่ว ก็เผยความมุ่งมั่นขึ้นมาแวบหนึ่ง
จางซือจู่เห็นฉินโส่วแล้ว ก็ยิ้มและพูดขึ้นเสียงดังขึ้น: “สัตว์ป่า นายแต่งตัวแบบนี้ ดูดีใช่ย่อยเลยทีเดียว”
“หากว่าพบเจอกันบนท้องถนน ฉันแทบจะจำนายไม่ได้เลย”
ฉินโส่วสีหน้าท่าทางเย็นชา และกวาดสายตามองไปที่จางซือจู่และเพื่อนคนอื่น ๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “พวกนายมาทำอะไร? ”
“ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียน ไม่ใช่สถานที่ที่พวกนายจะมาทำอะไรได้ตามอำเภอใจ! ”
“รีบไปซะเถอะ! ”
จางซือจู่และคนอื่น ๆ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“ฉินโส่ว นายหมายความว่าอย่างไร! ”
“พวกเรากังวลว่านายจะเกิดเรื่อง เลยได้เรียกหลินหยุนจากแดนไกลเพื่อมาช่วยเหลือนาย แต่นาย กลับมาปฏิบัติต่อพวกเราแบบนี้อย่างนั้นเหรอ? ”จางซือจู่พูดขึ้นด้วยความโมโห
สายตาของฉินโส่วเผยความตื้นตันใจขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังดึงดันพูดเสียงแข็งขึ้นว่า: “ฉันคือคุณชายของบริษัท ฉินฉู่ กรุ๊ป จะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพวกที่ไม่ได้เรื่องอย่างพวกนายด้วยเหรอ? ”
“พวกนายรีบไป อย่าได้มายืนอยู่ตรงนี้ ส่งผลไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทของข้า”
จางซือจู่ดุด่าขึ้นอย่างโมโห: “ฉินโส่ว นายมันสารเลว! นาย……”
หลินหยุนยื่นมือออกมาหยุดขวางจางซือจู่ที่กำลังดุด่าอยู่นั้น แล้วมองไปที่ฉินโส่ว และพูดว่า: “พอได้แล้ว หยุดแสดงละครได้แล้ว”
“ที่นายรีบร้อนขับไล่พวกเราไปนั้น เป็นเพราะกังวลว่าคนของตระกูลเหยียนจะมาสร้างความวุ่นวาย และทำให้พวกเราต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยใช่ไหม! ”
“หายตัวไปจากโรงเรียน ไม่รับสายโทรศัพท์ของไอ้หมอและพวกเพื่อน ๆ ไม่ตอบกลับข้อความ ก็เพื่อไม่ต้องการให้พวกเราไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลของนาย กลัวว่าพวกเราจะได้รับความเดือดร้อนใช่ไหมล่ะ! ”
“มิตรสหายอย่างนายนี้ ช่างมีคุณธรรมมีน้ำใจที่ดีต่อเพื่อนเสียจริง”