จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 789 งานเลี้ยงสังสรรค์ของเพื่อนนักเรียน
พ่อของฉินโส่วเดินนำ โดยด้านหลังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตาม
ขณะที่เดินเข้ามาในห้องโถง หลินหยุนก็ได้พบเห็นคนที่คุ้นเคยจำนวนหนึ่ง
เหยียนเสวเหวินกับจางเหมิง รวมถึงพ่อของเหยียนเสวเหวิน
หลี่หงถูกับเถียนชุ่ยชุ่ย และหวางหยู่หันในชุดเดรสที่ร้อนแรง รวมถึงเพื่อนนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่คอยตามประจบเหยียนเสวเหวิน
พ่อของเหยียนเสวเหวินเห็นพ่อของฉินโส่ว จึงเดินเข้ามา ทักทายอย่างเป็นกันเอง: “น้องฉินมาแล้ว! ”
“รีบเชิญนั่ง! ”
“พี่เหยียน! ” พ่อของฉินโส่วตอบรับด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น ก็หันหลังไปพูดกับกลุ่มคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังว่า: “ทุกคนนั่งลงกันก่อนเถอะ! ”
ทั้งสองฝ่ายต่างก็นั่งลง โดยแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
กลุ่มคนที่พ่อของฉินโส่วพาเดินเข้ามา นั่งอยู่ด้วยกัน
ส่วนกลุ่มคนที่อยู่กลางห้องโถงนั้น นั่งอยู่อีกด้านนึ่ง
แต่ว่า คนทางฝั่งพ่อของฉินโส่ว มีจำนวนคนที่น้อยกว่าทางตระกูลเหยียนอย่างชัดเจน
พ่อของเหยียนเสวเหวินเดินขึ้นมาบนเวที ถือไมโครโฟนขึ้น ยิ้มและพูดว่า: “ทุกท่าน เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ก็จะถึงงานเลี้ยงของพวกเราแล้ว ทุกคนสามารถที่จะอาศัยช่วงจังหวะเวลานี้ พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้เลย”
“หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง งานเลี้ยงของพวกเราก็จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ”
ด้านล่างเวที พวกคนที่พึ่งพาตระกูลเหยียนเหล่านั้น ก็ได้ปรบมือขึ้น
พ่อของเหยียนเสวเหวินที่อยู่ท่ามกลางเสียงปรบมือ ได้เดินลงจากเวทีพร้อมกับรอยยิ้ม
“ฮึ ไอ้จิ้งจอกเฒ่า! ” ฉินโส่วพูดขึ้นอย่างเย็นชา
เวลานี้ เหยียนเสวเหวินที่มือข้างหนึ่งกำลังโอบเอวที่บอบบางของจางเหมิง ได้เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และท่าทางที่ภาคภูมิใจอย่างที่สุด
ด้านหลังของเหยียนเสวเหวิน ติดตามมาด้วยหลี่หงถูกับเถียนชุ่ยชุ่ยและคนอื่น ๆ ซึ่งต่างก็เป็นเพื่อนนักเรียนของพวกหลินหยุน
“โอ้ว นี่ปรมาจารย์หลินไม่ใช่เหรอ? ปรมาจารย์หลินก็มาด้วย! ” หวางหยู่หันพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย
“ปรมาจารย์หลิน? เหอะเหอะ ตอนนั้นพวกเราถูกหลอกกันอย่างหนักเลยทีเดียว! ”
“ปรมาจารย์อะไรกัน ก็เพียงแค่นักบู๊คนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทั่วท้องถนนก็เต็มไปด้วยนักบู๊ เขาไม่สามารถที่จะหลอกลวงใครได้อีกแล้ว”
มีเพื่อนนักเรียนบางคนพูดเยาะเย้ยขึ้น
ตอนนี้ โลกบู๊โบราณใกล้ที่จะปรากฏตัวขึ้น เดิมทีนักบู๊ที่อยู่เพียงแค่ในตำนาน ขณะนี้ได้ทยอยปรากฏตัวขึ้นบนโลกบ้างแล้ว
เดิมทีนักบู๊ที่ตามหาได้ยากลำบากนั้น ตอนนี้ได้เริ่มที่จะแสดงตัวต่อสาธารณะ ถึงขนาดที่มีบางคนต้องการผลประโยชน์ผลกำไร จึงได้เปิดรับลูกศิษย์
นักบู๊ ไม่ได้มีจำนวนน้อยนิดเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว
แต่ว่า พวกคนเหล่านี้ไม่ทราบว่า นักบู๊ก็มีการแบ่งระดับชั้นด้วย
มีนักบู๊บางกลุ่มที่มีอยู่เต็มทั่วไปตามท้องถนน แต่มีนักบู๊อีกบางกลุ่ม ที่ยังคงเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ระดับเทพมังกรบนท้องฟ้า
จางซือจู่พูดโต้แย้งขึ้นอย่างเย็นชา: “ตอนนี้พวกนายดูถูกหลินหยุน หรือว่าพวกนายลืมกันไปแล้วหรืออย่างไรว่า ตอนนั้นได้คุกเข่านอบน้อมต่อหน้าหลินหยุน? ”
คำพูดเดียว ทำให้พวกเพื่อนนักเรียนเหล่านั้น ถึงกับหน้าตาแดงก่ำ
นึกถึงในตอนนั้นที่เพิ่งจะทราบว่าหลินหยุนก็คือปรมาจารย์หลิน พวกเขาได้นับถือหลินหยุนเป็นดั่งเทพเซียน ซึ่งเคารพและยำเกรงหลินหยุนเป็นอย่างมาก
แม้ว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าหลินหยุนไม่ใช่เซียน เป็นเพียงแค่นักบู๊เท่านั้น แต่ว่าต่อหน้าของหลินหยุนในตอนนั้น ที่ได้คุกเข่านอบน้อม กลับกลายเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตที่ไม่สามารถลบเลือนไปได้ของพวกเขา
เหยียนเสวเหวินเห็นคนของฝั่งตนเอง ที่เริ่มต้นก็ได้ถูกจางซือจู่พูดทับถมจนโงหัวไม่ขึ้น จึงแอบด่าขึ้นในใจ: “ไอ้พวกไม่ได้เรื่องได้ราว! ”
“พอได้แล้ว ทุกคนเป็นเพื่อนนักเรียนกัน กว่าที่หลินหยุนจะกลับมาได้สักครั้ง ขออย่าได้พูดถึงเรื่องราวที่ไม่สบายใจกันอีกเลย”
“หลินหยุน ฉันได้จัดเตรียมงานเลี้ยงขนาดเล็กเอาไว้แล้ว พวกเราเพื่อนนักเรียน มาเลี้ยงสังสรรค์กันสักหน่อยดีกว่า! ” เหยียนเสวเหวินมองไปที่หลินหยุน ยิ้มและพูดขึ้น
จางซือจู่ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา: “ที่งานเลี้ยงคงจะมีจุดประสงค์อื่นหรือมีอันตรายอย่างแน่นอน หลินหยุน ห้ามไปโดยเด็ดขาด! ”
“ถูกต้อง งานเลี้ยงที่เหยียนเสวเหวินเป็นคนจัดขึ้น คงจะมีเรื่องไม่ดีแอบแฝงอยู่เป็นแน่! ” ไอ้หินก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา
หลินหยุนไม่พูดอะไร ไม่ตอบ และก็ไม่ปฏิเสธ
เหยียนเสวเหวินหัวเราะเหอะเหอะ: “ทำไมเหรอ? ปรมาจารย์หลินกลัวแล้วใช่ไหมล่ะ? ”
“คิดไม่ถึงว่า ปรมาจารย์หลินผู้โด่งดัง จะกลัวคนธรรมดาอย่างฉันด้วย! ”
“ช่างไม่สมกับชื่อเสียงที่ร่ำลือจริง ๆ! ”
“ช่างมันเถอะ พวกเรากลับกันเถอะ! ” ขณะที่เหยียนเสวเหวินพูด ก็เดินกลับไปพร้อมด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง
จางซือจู่และเพื่อนคนอื่น ๆ โมโหจนหน้าตาแดงก่ำ
“ใครกลัวพวกนายกันล่ะ! อย่ามาคิดหลงใหลในตัวเองมากเกินไป พวกเราก็แค่ไม่อยากที่จะใส่ใจพวกนายก็เท่านั้น! ” จางซือจู่โต้แย้งกลับด้วยความโมโห
แต่จางซือจู่ยิ่งโต้แย้งมากเท่าไร ก็ยิ่งจะแสดงออกถึงการขาดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
เถียนชุ่ยชุ่ยป้องปาก ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ในเมื่อไม่กลัว แล้วงานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนนักเรียนนั้น ทำไมถึงไม่กล้าไปเข้าร่วมล่ะ? ”
“ช่างน่าขันเสียจริงเชียว”
เหยียนเสวเหวินพูดว่า: “หลินหยุน ฉันรับรองกับนายได้ว่า เป็นเพียงแค่งานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนนักเรียน ไม่มีอะไรอื่นอย่างแน่นอน”
อีกด้านหนึ่ง พ่อของฉินโส่ว รวมถึงพวกเศรษฐีและพวกผู้มีชื่อเสียงที่นับถือในตระกูลฉิน ต่างก็จ้องมองมาที่เหยียนเสวเหวินด้วยความเย็นชา
พวกเขาไม่มีทางเชื่อว่านั่นเป็นเพียงแค่งานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนนักเรียนเท่านั้น
“หลินหยุน ไม่ต้องตอบตกลง! ” พ่อของฉินโส่วกำชับขึ้นเบา ๆ
หลินหยุนมองไปที่พ่อของฉินโส่ว และพูดว่า: “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าควรทำอย่างไร”
พูดจบ ก็หันมองไปที่เหยียนเสวเหวิน ลุกยืนขึ้น และพูดว่า: “ฉันจะไปกับนายด้วย! ”
“หลินหยุน! ” ฉินโส่วตะโกนขึ้นด้วยความกังวล
เหยียนเสวเหวินหัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า: “ไม่ผิดเลยที่เป็นปรมาจารย์หลิน กล้าหาญเด็ดเดี่ยว! ”
“ตกลง พวกเราไปกันเถอะ! ”
ฉินโส่วเองก็ลุกยืนขึ้น และพูดว่า: “หลินหยุน ฉันจะไปกับนายด้วย! ”
จางซือจู่และคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน: “ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนนักเรียน อย่างนั้นก็คงจะขาดพวกเราไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ”
“ไป พวกเราไปด้วยกัน! ”
เหยียนเสวเหวินยิ้มขึ้นเล็กน้อย และพูดว่า: “ยิ่งมากยิ่งดี ทุกคนตามฉันมา! ”
เหยียนเสวเหวินได้จัดเตรียมหนึ่งห้องไว้ต่างหากโดยเฉพาะ โดยมีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ ซึ่งพวกเพื่อนนักเรียนเหล่านี้ก็ยังนั่งกันไม่เต็มโต๊ะ
เมื่อทุกคนนั่งลง อาหารก็ทยอยเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ชัดเจนว่า คงจะได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพ เหยียนเสวเหวินก็ต้อนรับได้อย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง
“ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ รับประทานกันตามสบายเลย! ”
หลินหยุนและคนอื่น ๆ ไม่ได้เคลื่อนไหว
จางซือจู่พูดขึ้นว่า: “ฉันว่าอาหารนี้ไม่เลวเลย ฉันขอลองชิมก่อนนะ ว่ามีพิษหรือไม่”
ขณะที่พูด ก็ได้ดื่มเครื่องดื่ม และคีบอาหารทาน
สายตาของทุกคนต่างก็มองมาที่จางซือจู่ เหมือนกับว่าเขาจะถูกพิษจนเสียชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
ผ่านไปชั่วครู่ จางซือจู่ก็พลันเบิกตาโพลงขึ้น
“เป็นอย่างไรบ้าง? ” หยางเทียนโย่วถามขึ้นอย่างรีบร้อน
จางซือจู่อ้าปากแล้วเรอออกมา: “ไม่เป็นไร ติดคอเล็กน้อย”
“นาย……” หยางเทียนโย่วไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
แต่ว่า บรรยากาศภายในห้อง กลับผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
เหยียนเสวเหวินหัวเราะเหอะเหอะ: “ข้าพูดเอาไว้แล้วว่า นี่คืองานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อนนักเรียน พวกนายไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลอะไร”
“ฮึ! ” จางซือจู่ขมุบขมิบปาก และแสดงท่าทางที่ไม่เชื่อ
เหยียนเสวเหวินเองก็ไม่ได้โกรธอะไร ยิ้มและพูดว่า: “ที่จริงแล้ว ครั้งนี้ที่ได้รวมกลุ่มเพื่อนนักเรียนนั้น ก็เพียงแค่ต้องการที่จะพูดคุยเรื่องราวในอดีต”
“นั่นเป็นเพราะว่า ช่วงที่ผ่านมานี้ เกิดเรื่องราวขึ้นอย่างมากมาย เหมือนกับความฝันอย่างไรอย่างนั้น มีเพียงตอนที่พวกเราเพื่อนนักเรียนอยู่ด้วยกันเท่านั้น จึงจะทำให้ฉันรู้สึกว่าอยู่ในโลกความจริง”
คำพูดของเหยียนเสวเหวินนี้ เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริง อีกทั้ง ยังเป็นการพูดแทนความรู้สึกในใจของทุกคนด้วย
ช่วงเวลานี้ คำร่ำลือเกี่ยวกับนักบู๊ไม่รู้ว่าผุดขึ้นมาจากที่ไหนอย่างกระทันหัน
ในตอนแรกทุกคนยังไม่เชื่อ แต่จากนั้นมา พวกนักบู๊ยอดฝีมือที่อยู่ในตำนาน นวนิยายการต่อสู้ ก็ได้ผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมากมาย
เวลานี้ ทุกคนจึงพบว่า เดิมทีโลกที่ตนเองดำรงชีวิตอยู่มาตั้งนานหลายปีนี้ ช่างเปลี่ยนแปลงไปมากจนถึงกับไม่คุ้นเคย
ช่วงหนึ่ง คนจำนวนมากรู้สึกว่าตนเองกำลังอยู่ในความฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนักเรียนนักศึกษาที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นมีจินตนาการอันล้ำลึก ยิ่งจะรู้สึกว่าในช่วงหลายปีมานี้ ตนเองได้ใช้ชีวิตอย่างไร้คุณค่า
“นึกถึงตอนนั้น ตอนที่เพิ่งจะรับรู้ว่าหลินหยุนคือปรมาจารย์หลิน ตัวฉันเองก็ถึงกับตะลึงไปเลย”
“ก็เหมือนกับว่าคนคุ้นเคยที่อยู่ข้างกาย ก็พลันเปลี่ยนไปเป็นยอดมนุษย์”
“ข้าช่างอิจฉาริษยาเป็นอย่างมาก”
“ตนเองอดทนรอไม่ไหว อยากที่จะกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างนั้นบ้าง! ”
“แต่ว่า หลังจากที่นักบู๊ทยอยปรากฏตัวออกมามากขึ้น ฉันถึงเข้าใจได้ว่า ที่จริงแล้วการเป็นปรมาจารย์ ก็เพียงแค่นักบู๊คนหนึ่งเท่านั้น”