จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 790 ฉันยังคงเป็นตำนาน
น้ำเสียงของเหยียนเสวเหวิน เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ก็เหมือนกับได้รับรู้โดยพลันว่า ปรมาจารย์นักบู๊ที่ตนเองยกย่องนับถือนั้น ที่จริงแล้วก็คือคนหลอกลวง
จางเหมิงที่อยู่ข้างกายของเหยียนเสวเหวิน ได้ยิ้มเยาะและพูดขึ้นอย่างน่าประหลาดว่า: “หลินหยุน ในช่วงนี้ คงจะใช้ชีวิตได้ไม่ค่อยราบรื่นล่ะสิ! ”
“อย่างนี้ดีไหม นายขอร้องเสวเหวิน ให้เขาช่วยพูดดี ๆ กับปรมาจารย์เหยียน เพื่อให้ปรมาจารย์เหยียนถ่ายทอดวิชาให้กับนายบ้าง”
หวางหยู่หันยิ้มเยาะ และพูดว่า: “อย่างเขาที่มีความสามารถแค่เพียงเล็กน้อย ปรมาจารย์เหยียนจะเห็นถึงความสำคัญของเขาได้อย่างไร! ”
“ฉันคิดว่า ต่อไปหลินหยุนไม่ควรที่จะอวดอ้างว่าเป็นปรมาจารย์เพื่อไปหลอกลวงคนอื่นอีกแล้ว ตอนนี้มีนักบู๊อยู่เต็มท้องถนนไปหมด นายก็คงจะไม่สามารถหลอกลวงใครได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นมาที่บริษัทของตระกูลเหยียน เพื่อเป็นยามรักษาความปลอดภัยดีกว่า”
“ฮ่าฮ่า……”
คำพูดของหวางหยู่หัน ทำให้เพื่อนนักเรียนที่อยู่ด้านข้างของเหยียนเสวเหวินหัวเราะกันยกใหญ่
เหยียนเสวเหวินเองก็ให้ความร่วมมือมาก โดยรีบพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “เฮ้ย หยู่หัน ยามของบริษัทของฉัน เมื่ออยู่ภายนอก ก็ถือเป็นยอดฝีมือชั้นยอด ซึ่งไม่ใช่ว่าผู้ใดก็จะมีคุณสมบัติที่เหมาะสม”
เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งยิ้มเยาะและพูดขึ้นเสียงดังว่า: “ถ้าพูดแบบนี้ ปรมาจารย์หลินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ตอนนี้แม้แต่คุณสมบัติที่จะเป็นยามก็ยังไม่มีเลยอย่างนั้นเหรอ! ”
“ฮ่าฮ่า……”
ฉินโส่วกับจางซือจู่และคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่โกรธเคือง
จางซือจู่ยิ้มเยาะและพูดว่า: “หวางหยู่หัน ไม่รู้ว่าตอนนั้นใครขอร้องฉันเพื่อต้องการเบอร์โทรศัพท์ของหลินหยุน! ”
“ตอนนี้เธอมาพึ่งพิงตระกูลเหยียน แล้วก็มาดูถูกเหยียดหยามหลินหยุนเลยทันที หญิงเจ้าเล่ห์แบบเธอนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าถึงแม้จะยินยอมปล่อยกายให้กับเหยียนเสวเหวินแล้วเขาเองก็ยังไม่ต้องการตัวเธอ”
พูดถึงการด่าคนนั้น จางซือจู่ถือว่าปากร้ายอย่างที่สุด
คำพูดนี้ เกือบที่จะทำให้หวางหยู่หันกระอักเลือดออกมา
ส่วนเหยียนเสวเหวินเองก็ผะอืดผะอม เหมือนกับว่าพวกเขาทั้งสองมีลับลมคมในอะไรกันอย่างนั้น
จางเหมิงที่อยู่ด้านข้าง ได้ส่งสายตาจ้องเขม็งไปยังเหยียนเสวเหวินในทันที
เหยียนเสวเหวินตกใจจนต้องรีบอธิบายขึ้นทันที: “เหมิงเหมิง คุณอย่าไปฟังเขาพูดซี้ซั้ว ไม่มีเรื่องอย่างนี้แน่นอน! ”
จางเหมิงยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “วางใจได้ ฉันไม่ไปติดกับแผนการทำให้แตกแยกของเขาหรอก ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
จางซือจู่ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “คุณไม่โง่? เหอะเหอะ คาดว่าบนโลกใบนี้คงจะไม่มีใครที่โง่ไปกว่าคุณอีกแล้ว”
“นึกถึงในตอนนั้น ที่คุณไปล่วงเกินคนอื่น แล้วหลินหยุนก็มาช่วยเหลือตระกูลพวกคุณ แต่คุณกลับคิดว่าเหยียนเสวเหวินช่วยเหลือคุณ ซึ่งเกือบที่จะมอบตัวมอบใจให้กับเหยียนเสวเหวินแล้ว”
“ตอนนี้ เห็นว่าตระกูลเหยียนมีปรมาจารย์บู๊ คุณก็มาใกล้ชิดสนิทสนมกับ เหยียนเสวเหวิน คุณก็คือหญิงเจ้าเล่ห์ตัวจริงเสียงจริง ซึ่งไม่แตกต่างกันกับหวางหยู่หันสักเท่าไร”
จางเหมิงทั้งร้อนใจและโมโห อับอายจนหน้าตาแดงก่ำ: “จางซือจู่ นายกำลังพูดสุ่มสี่สุ่มห้า ฉันจะสั่งให้คนมาตบปากซะให้เข็ด! ”
จางซือจู่ยิ้มอย่างเหยียดหยาม และชี้ไปยังพวกเพื่อนนักเรียนเหล่านั้นที่มาพึ่งพิงเหยียนเสวเหวิน
“คุณ คุณ แล้วก็พวกคุณ! ”
“ยังจำกันได้ไหมว่าตอนนั้นคุกเข่านอบน้อมต่อหน้าหลินหยุนอย่างไร? ”
“ตอนนี้เห็นว่าตระกูลเหยียนมีนักบู๊ ก็คิดว่าสามารถที่จะพึ่งพาตระกูลเหยียนได้ แล้วก็มาดูถูกเหยียดหยามหลินหยุน? ”
“ในเมื่อหลินหยุนเคยทำให้พวกคุณหมอบคลานและตัวสั่นต่อหน้าของเขา ต่อไปก็ยังคงสามารถที่จะทำให้พวกคุณต้องคุกเข่าอ้อนวอนอีกครั้งได้เช่นกัน”
คำพูดของจางซือจู่ ทำให้ฉินโส่วและคนอื่น ๆ ระบายความอัดอั้นออกมาอย่างมาก
หยางเทียนโย่วยกนิ้วโป้งขึ้น: “ไอ้หมอ พูดได้ดีมาก! ”
เทพฟ้าผ่าตบไปที่ไหล่ของจางซือจู่: “ฉันนับถือนายจริง ๆ! ”
หลินหยุนกวาดสายตามองไปที่พวกเพื่อนนักเรียนทุกคน ในท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก
ตอนนั้นที่สถานะปรมาจารย์หลินได้ถูกเปิดเผย หลินหยุนในสายตาของพวกเขานั้น ราวกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ดั่งเทพมังกรบนฟ้า
พวกเพื่อนนักเรียนเหล่านี้ ทำได้เพียงแค่เลื่อมใส ทุก ๆ คนทั้งตัวสั่น
แต่ว่า ความอิจฉาและความไม่พอใจในจิตใจของพวกเขา กลับถูกฝังลึกลงไปอย่างมาก
จนกระทั่งปรมาจารย์ตระกูลเหยียนปรากฏตัวขึ้น ทำให้ตำนานของหลินหยุนถูกทำลายลง สถานะตกร่วงลงมา
นั่นเป็นเพราะว่า พวกเขาเหล่านี้ ได้เคยแสดงรอยยิ้มที่อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด ต่อหน้าของหลินหยุน
ดังนั้น ตอนนี้จึงพยายามที่จะเอาคืนให้อย่างมากที่สุด
เห็นว่าคนของฝั่งตนเอง ได้ถูกอิทธิพลของจางซือจู่ทับถมลงไป ใบหน้าของเหยียนเสวเหวินจึงเกิดความหม่นหมองขึ้น
หลี่หงถูที่กำลังโอบอยู่กับเถียนชุ่ยชุ่ย ยิ้มเยาะ และพูดว่า: “มีคำหนึ่งที่ว่าวีรบุรุษจะไม่เอ่ยถึงเรื่องความเก่งกาจกล้าหาญในอดีต ต่อให้ปรมาจารย์หลินจะโด่งดังมากขนาดไหน นั่นก็คือเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต”
“ตอนนี้ ยุคสมัยใหม่ได้ใกล้ที่จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนต่างก็สามารถเป็นนักบู๊ได้ และทุกคนต่างก็สามารถเป็นปรมาจารย์ได้ทั้งนั้น”
“ก็เหมือนกับบริษัท ฉินฉู่ กรุ๊ป ที่ช่วงก่อนหน้านี้ ยังคงโด่งดังมีชื่อเสียงอย่างที่สุด แต่เพียงแค่แวบเดียว ก็ต้องมาดิ้นรนทรมานอย่างหนัก”
“หลินหยุน ต่อหน้าปรมาจารย์บู๊ที่แข็งแกร่งของตระกูลเหยียนนั้น นายก็เป็นเพียงแค่มดแมลงที่น่าสงสาร ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงเลยด้วยซ้ำ! ”
“ดังนั้น จางซือจู่นายก็ไม่ต้องนำเรื่องในอดีตมาคุยโวโอ้อวดอีกต่อไปแล้ว”
“การที่เป็นปรมาจารย์หลิน ก็เพียงแค่โกหกหลอกลวงเท่านั้น หากตอนนี้พูดถึงมันอีก ก็จะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะเย้ยเอาได้”
เหยียนเสวเหวินพอใจอย่างมาก ที่ในช่วงเวลาสำคัญ ก็ยังคงต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์โชกโชน
แม้ว่าพวกเพื่อนนักเรียนที่มาพึ่งพิงเข้านั้นจะมีจำนวนมาก แต่กลับเป็นเพียงแค่พวกเสเพลที่ไม่ได้เรื่อง
คุณชายอย่างหลี่หงถูนี้ ถึงจะมีประโยชน์
“น้องหลี่พูดได้ดีมาก ตอนนี้ยุคสมัยใหม่ได้ใกล้ที่จะเริ่มต้นขึ้น ส่วนวันนี้ ตระกูลเหยียนของพวกเราก็จะเริ่มต้นยุคสมัยของตนเองขึ้นด้วยเช่นกัน”
“ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนนักเรียน และต่างก็เป็นคนที่ฉลาด ซึ่งรู้ดีว่าควรจะเลือกอย่างไร”
ตอนที่เหยียนเสวเหวินพูดนั้น ก็ได้กวาดสายตามองไปที่เทพฟ้าผ่าและเพื่อนคนอื่น ๆ
ฉินโส่วโกรธแค้นอย่างมาก นี่ชัดเจนว่าเป็นการเลื่อยขาเก้าอี้กันเลย!
และยังการเป็นกระทำต่อหน้าต่อตาของฉินโส่วอีกด้วย
แล้วจะให้ฉินโส่วอดทนได้อย่างไรกัน?
“เหยียนเสวเหวิน ที่นายพูดนี้มันหมายความว่าอย่างไร? ” ฉินโส่วลุกยืนขึ้น แล้วจ้องมองไปที่เหยียนเสวเหวินอย่างเย็นชา
แต่เหยียนเสวเหวินกลับไม่ร้อนรน พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า: “เหอะเหอะ น้องฉินอย่าได้ตื่นตกใจไป นั่งลงก่อนแล้วคุยกัน”
ฉินโส่วส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา แล้วก็นั่งลง
เหยียนเสวเหวินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “น้องฉิน ยังเข้าใจความหมายของฉันไม่ค่อยชัดเจนอีกเหรอ? ”
“บริษัท ฉินฉู่ กรุ๊ป ใกล้ที่จะล้มเลิกกิจการอยู่แล้ว โดยคิดถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อนนักเรียน พวกเราสามารถให้ราคาที่เหมาะสมกับนายได้ เพื่อให้คนในตระกูลของพวกนายร่ำรวยอยู่กันอย่างเป็นสุข”
“แต่ถ้าหากพวกนายคิดที่จะเป็นปรปักษ์กับตระกูลเหยียนของฉันจริง ๆ ล่ะก็ นิสัยและอารมณ์ของอาฉันคนนั้น ไม่สมควรที่จะไปยั่วยุทำให้เขาโกรธ”
“เมื่อถึงเวลานั้น หากเกิดเป็นอันตรายกับชีวิต คงจะไม่ดีอย่างมากเลย? ”
อาที่เหยียนเสวเหวินพูดถึง ก็คือปรมาจารย์ของตระกูลเหยียนผู้นั้น
ซึ่งคำพูดนี้ ก็เท่ากับการข่มขู่
ฉินโส่วยิ้มเยาะและพูดว่า: “เหยียนเสวเหวิน นายไม่ต้องมาทำเป็นคนดีมีเมตตา ต่อให้ตระกูลเหยียนของนายมีปรมาจารย์บู๊อยู่เบื้องหลัง ตระกูลฉินของฉันก็ไม่ใช่ว่าจะกลัวนายแต่อย่างใด”
“นอกจากนี้ นี่คือประเทศจีน คือสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมาย ไม่ใช่สถานที่ที่ปรมาจารย์บู๊จะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้! ”
“ฉันทานอิ่มแล้ว ขอตัวไปก่อน” ฉินโส่วพูดกับหลินหยุนและจางซือจู่และเพื่อนคนอื่น
จางซือจู่ลุกขึ้นยืนและพูดว่า: “รอฉันด้วย”
หลินหยุนและคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน
โดยที่ทุกคนเดินออกไปพร้อมกัน
ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู หลินหยุนมองไปที่หลี่หงถูและเถียนชุ่ยชุ่ย พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ฉันเคยทำให้พวกคุณรู้สึกว่ายากเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง ตอนนี้ ฉันก็จะทำให้พวกคุณรู้ว่าไม่มีทางที่จะเอื้อมถึงเลย”
พูดจบ ก็หันหลังแล้วเดินจากไป หลงเหลือเพียงผู้คนที่มีสีหน้าหม่นหมอง
“ฮึ คุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย! ”
“คุณชายเหยียน เดี๋ยวช่วยให้ปรมาจารย์เหยียน ลงมือจัดการอย่างหนักกับไอ้หนุ่มที่หลงระเริงคนนี้ สักรอบ! ”
“ไอ้หนุ่มนี้ ยังจะคิดว่าตนเองเป็นปรมาจารย์อยู่อีก! ”
เหยียนเสวเหวินยิ้มเยาะ และพูดขึ้นว่า: “ทานอาหารกันเถอะ! ”
แต่ว่า ในแววตาของเหยียนเสวเหวิน กลับเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
หลินหยุนกับเพื่อน ๆ กลับมาถึงห้องโถง โดยงานเลี้ยงก็ยังไม่เริ่มต้น
ทุกคนกลับไปยังฝั่งของตระกูลฉิน
“เป็นอย่างไรบ้าง? เหยียนเสวเหวินไม่ได้สร้างความลำบากใจให้กับพวกนายใช่ไหม? ” พ่อของฉินโส่วถามขึ้นอย่างกังวล
“ไม่มีอะไร ก็แค่โอ้อวดอิทธิพลอำนาจของตระกูลเหยียนในตอนนี้ และถือโอกาสว่ากล่าวโจมตีหลินหยุนเล็กน้อย” ฉินโส่วพูดขึ้น
พ่อของฉินโส่วพยักหน้า: “ไม่ได้ทำให้พวกนายลำบากใจก็ดีแล้ว”
“งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกนายทุกคนจะต้องระมัดระวังตัว ไม่แน่ว่าปรมาจารย์ตระกูล เหยียนผู้นั้น อาจจะอยู่แถวนี้ก็เป็นได้”
“อืม” จางซือจู่และเพื่อน ๆ พยักหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง พร้อมกับระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี